ปปง.ร่วมกับกองปราบปราม สืบสวนติดตามจับกุมแก๊งต่างชาติหลอกเหยื่อถูกรางวัล “ยาฮู ลอตโต้” ทางเมล เตือนหญิงไทยระวังถูกหลอกตีสนิท เพื่อธุรกิจผิด กม.และฟอกเงิน
วันนี้ (16 ก.ค.) ที่ กองปราบปราม เมื่อเวลา 10.30 น. พล.ต.ต.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ ผบก.ป. พ.ต.อ.สุพิศาล ภักดีนฤนาท รอง ผบก.ป.พร้อมด้วย พ.ต.อ.สีหนาท ประยูรัตน์ รองเลขาธิการสำนักงาน ปปง.แถลงข่าวจับกุม นายสแตนเลย์ เนดู อายุ 27 ปี ชาวไลบีเรีย ซึ่งถูกตำรวจกองปราบปราบปราม นำโดย พ.ต.อ.พรศักดิ์ สุรสิทธิ์ ผกก.1 บก.ป. พ.ต.ท.ณัทกร ประภายนต์ พ.ต.ท.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ รอง ผกก.จับกุมตามหมายศาลอาญาที่ 1449/2552 ข้อหา “นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอมไม่ว่าทั้งหมด หรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน” ได้ที่ภายในซอยสหการประมูล แขวงและเขตวังทอหลาง กทม. เมื่อวันที่ 14 ก.ค.ที่ผ่านมา
พ.ต.อ.สีหนาท กล่าวว่า คดีนี้ทางสำนักงาน ปปง.ได้ทำการสืบสวนมานานนับปี ผู้เสียหายส่วนใหญ่จะเป็นชาวต่างชาติ จากหลายประเทศเช่นสหรัฐอเมิรกา อังกฤษ และประเทศแถบตะวันออกกลาง วิธีการของคนร้ายก็คือจะส่งจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ หรือ อีเมล แจ้งไปยังเหยื่อว่าเป็นผู้โชคดี ได้ถูกรางวัลเป็นเงินก้อนใหญ่ของหวย “ยาฮู ลอตโต้” จะโอนเงินรางวัลไปให้ เมื่อมีเหยื่อหลงเชื่อ แต่ก็ยังไม่มีการโอนเงิน จึงสอบถามกลับมาทางผู้ต้องหา ว่า ยังไม่ได้รับเงินรางวัล ก็จะทำให้เข้าล๊อกของคนร้าย ที่จะส่งจดหมายตอบกลับ พร้อมแนบเอกสารปลอมของ ปปง.เรื่องการขออายัดเงิน โดยผู้ต้องหาจะอ้างว่าจะต้องโอนเงินค่าธรรมเนียมผ่านบริษัทโอนเงินข้ามชาติ เพื่อใช้สำหรับวิ่งเต้นกับเจ้าหน้าที่ของ ปปง.ที่สำนักงานย่อยสนามบินสุวรรณภูมิ รายละ 200-600 เหรียญ เรื่องนี้ทำให้มีผู้เสียหายบางรายถึงกลับโทรมาสอบถามว่าสำนักงาน ป.ป.ง. ของประเทศไทย มีการกระทำลักษณเช่นนี้หรือไม่ ก็เชื่อว่า มีการหลอกลวง และสร้างความเสียหายต่อชื่อเสียงของประเทศไทยเป็นอย่างมาก เมื่อตนไปประชุมที่ประเทศไหนก็จะถูกสอบถามในเรื่องนี้ด้วย
พ.ต.อ.สีหนาท กล่าวต่อว่า ได้ให้เจ้าหน้าที่ของ ปปง.เข้ามาประสานกับกองปราบปราม เพื่อสืบสวนติดตามจับกุมแก๊งคนร้ายชาวต่างชาติกลุ่มนี้ ทราบต่อว่ามีเหยื่อที่หลงเชื่อผู้ต้องหาไม่ต่ำกว่า 30 ราย รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 1.5 ล้านบาท ก่อนที่จะมีการจับกุม ซึ่งขณะนี้กำลังขยาลผลการสอบสวนว่ายังมีผู้ร่วมกันกระทำความผิดอีกหรือไม่
“อยากฝากเตือนไปยังประชาชนทั่วไปด้วยว่าการติดต่อทำธุรกิจกับชาวต่างชาติ โดยเฉพาะชาวผิวสี ที่ปัจจุบันพบว่ามักเข้ามามีความสัมพันธ์กับหญิงสาวชาวไทย ทั้งในเชิงธุรกิจ หรือความสัมพันธ์ส่วนตัว ว่าอาจถูกหลอกให้มาทำธรุกิจ ที่เบื้องหลังจะแฝงด้วยเรื่องการฟอกเงินก็เป็นได้” รอง เลขาธิการสำนักงาน ปปง.กล่าว
วันนี้ (16 ก.ค.) ที่ กองปราบปราม เมื่อเวลา 10.30 น. พล.ต.ต.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ ผบก.ป. พ.ต.อ.สุพิศาล ภักดีนฤนาท รอง ผบก.ป.พร้อมด้วย พ.ต.อ.สีหนาท ประยูรัตน์ รองเลขาธิการสำนักงาน ปปง.แถลงข่าวจับกุม นายสแตนเลย์ เนดู อายุ 27 ปี ชาวไลบีเรีย ซึ่งถูกตำรวจกองปราบปราบปราม นำโดย พ.ต.อ.พรศักดิ์ สุรสิทธิ์ ผกก.1 บก.ป. พ.ต.ท.ณัทกร ประภายนต์ พ.ต.ท.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ รอง ผกก.จับกุมตามหมายศาลอาญาที่ 1449/2552 ข้อหา “นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอมไม่ว่าทั้งหมด หรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน” ได้ที่ภายในซอยสหการประมูล แขวงและเขตวังทอหลาง กทม. เมื่อวันที่ 14 ก.ค.ที่ผ่านมา
พ.ต.อ.สีหนาท กล่าวว่า คดีนี้ทางสำนักงาน ปปง.ได้ทำการสืบสวนมานานนับปี ผู้เสียหายส่วนใหญ่จะเป็นชาวต่างชาติ จากหลายประเทศเช่นสหรัฐอเมิรกา อังกฤษ และประเทศแถบตะวันออกกลาง วิธีการของคนร้ายก็คือจะส่งจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ หรือ อีเมล แจ้งไปยังเหยื่อว่าเป็นผู้โชคดี ได้ถูกรางวัลเป็นเงินก้อนใหญ่ของหวย “ยาฮู ลอตโต้” จะโอนเงินรางวัลไปให้ เมื่อมีเหยื่อหลงเชื่อ แต่ก็ยังไม่มีการโอนเงิน จึงสอบถามกลับมาทางผู้ต้องหา ว่า ยังไม่ได้รับเงินรางวัล ก็จะทำให้เข้าล๊อกของคนร้าย ที่จะส่งจดหมายตอบกลับ พร้อมแนบเอกสารปลอมของ ปปง.เรื่องการขออายัดเงิน โดยผู้ต้องหาจะอ้างว่าจะต้องโอนเงินค่าธรรมเนียมผ่านบริษัทโอนเงินข้ามชาติ เพื่อใช้สำหรับวิ่งเต้นกับเจ้าหน้าที่ของ ปปง.ที่สำนักงานย่อยสนามบินสุวรรณภูมิ รายละ 200-600 เหรียญ เรื่องนี้ทำให้มีผู้เสียหายบางรายถึงกลับโทรมาสอบถามว่าสำนักงาน ป.ป.ง. ของประเทศไทย มีการกระทำลักษณเช่นนี้หรือไม่ ก็เชื่อว่า มีการหลอกลวง และสร้างความเสียหายต่อชื่อเสียงของประเทศไทยเป็นอย่างมาก เมื่อตนไปประชุมที่ประเทศไหนก็จะถูกสอบถามในเรื่องนี้ด้วย
พ.ต.อ.สีหนาท กล่าวต่อว่า ได้ให้เจ้าหน้าที่ของ ปปง.เข้ามาประสานกับกองปราบปราม เพื่อสืบสวนติดตามจับกุมแก๊งคนร้ายชาวต่างชาติกลุ่มนี้ ทราบต่อว่ามีเหยื่อที่หลงเชื่อผู้ต้องหาไม่ต่ำกว่า 30 ราย รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 1.5 ล้านบาท ก่อนที่จะมีการจับกุม ซึ่งขณะนี้กำลังขยาลผลการสอบสวนว่ายังมีผู้ร่วมกันกระทำความผิดอีกหรือไม่
“อยากฝากเตือนไปยังประชาชนทั่วไปด้วยว่าการติดต่อทำธุรกิจกับชาวต่างชาติ โดยเฉพาะชาวผิวสี ที่ปัจจุบันพบว่ามักเข้ามามีความสัมพันธ์กับหญิงสาวชาวไทย ทั้งในเชิงธุรกิจ หรือความสัมพันธ์ส่วนตัว ว่าอาจถูกหลอกให้มาทำธรุกิจ ที่เบื้องหลังจะแฝงด้วยเรื่องการฟอกเงินก็เป็นได้” รอง เลขาธิการสำนักงาน ปปง.กล่าว