ทนาย “กษิต” ร้องขอความเป็นธรรม ผบ.ตร.ให้ทบทวนยกเลิกข้อหาทั้งหมด ตั้งคณะกรรมการสอบ พงส.ทั้งคณะ รวมทั้งยุติการสอบสวนชั่วคราว ย้ำยังไม่ลาออกจนกว่าอัยการจะสั่งฟ้องข้อหาก่อการร้าย “วุฒิ” ถอดใจขอ ผบ.ตร. ทบทวนเปลี่ยนแปลงการทำหัวหน้าพนักงานสอบสวน
วันนี้ (14 ก.ค.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) นายนิติธร ล้ำเหลือ ทนายความนายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ หนึ่งในผู้ถูกกล่าวหาปิดล้อมสนามบินสุวรรณภูมิ ยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมต่อ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร.ผ่านทาง พล.ต.ต.มนู เมฆหมอก เลขานุการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อให้พนักงานสอบสวนคดีปิดล้อมสนามบินสุวรรณภูมิตรวจสอบทบทวน การตั้งข้อกล่าวหา และให้มีคำสั่งให้ยกเลิก เพิกถอนข้อกล่าวหาทั้งหมด ให้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาพิจารณาตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ การใช้ดุลพินิจของคณะพนักงานสอบสวนชุดปัจจุบันทั้งคณะ และพิจารณายุติการดำเนินการสอบสวนของคณะพนักงานสอบสวนชุดปัจจุบันทั้งคณะจนกว่าจะมีการตรวจสอบข้อกล่าวหาและตั้งคณะกรรมการพิจารณาตรวจ การใช้ดุลพินิจของพนักงานสอบสวนทั้งคณะ
นายนิติธรกล่าวว่า ตนเองมาในฐานะทนายความของนายกษิต เดินทางมาขอความเป็นธรรมในการตั้งข้อกล่าวหาของพนักงานสอบสวนหลังจากที่นายกษิตได้เดินทางไปรับทราบข้อกล่าวหาแล้ว ได้ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา และขอให้การเพิ่มเติมเป็นลายลักษณ์อักษรภายใน 30 วัน ตนในฐานะทนายความหลังจากดูพฤติการณ์แห่งคดีแล้วปรากฏว่ามีหลายส่วนคลาดเคลื่อน ทุกข้อหาไม่เป็นธรรม การรวบรวมพยานหลักฐานของพนักงานสอบสวนไม่ปรากฏข้อเท็จจริงว่าผู้ต้องหาแต่ละคนร่วมกันทำความผิดด้วยวิธีการใด แต่ละคนได้รับมอบหมายให้กระทำการใดเมื่อใด ใครเป็นผู้มอบหมายสั่งการ หรือประชุมกันที่ไหน
นายนิติธรกล่าวต่อว่า การพูดบนเวทีพันธมิตรฯ เมื่อวันที่ 30 พ.ย.2551 ของนายกษิต เป็นการพูดเพื่อแสดงความคิดเห็น วิพากษ์วิจารณ์การทำงานของรัฐบาล ก็เป็นสิทธิเสรีภาพที่สามารถกระทำได้ และหากผู้ใดได้รับความเสียหายหรือเห็นว่าไม่ถูกต้องตามความเป็นจริงบุคคลนั้นก็สามารถฟ้องร้องดำเนินคดีได้ตามกฎหมายที่มีอยู่ ดูจากองค์ประกอบต่างๆ การแจ้งข้อหาก่อการร้ายของพนักงานสอบสวนนั้นไม่เข้าองค์ประกอบ เพราะไม่ได้มีการใช้ความรุนแรงอันใด ไม่มีการพกพาอาวุธ นอกจากพูดเท่านั้น ตอนนั้นการเดินทางเข้าออกสนามบินสุวรรณภูมิก็ทำได้ตามปกติ เจ้าหน้าที่ตำรวจมีการตั้งด่านตรวจก็มีการตรวจค้นอาวุธแต่ไม่ได้มีการห้ามเข้าไปในสถานที่ชุมนุมแต่อย่างใด ทั้งตามพฤติการณ์แห่งคดีระบุชัดว่านายกษิตอยู่บนเวที ไม่มีพยานหลักฐานว่าไปทำให้เกิดความเสียหายต่อสนามบินสุวรรณภูมิ หรือไปห้ามบุคคลใดเข้า-ออกสนามบินหรือเข้าไปเกี่ยวข้องกับการขึ้นลงของเครื่องบิน หรืออื่นใดให้เกิดความเสียหาย
นายนิติธรกล่าวต่อว่า เมื่อพิจารณารายละเอียดตามประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ขณะนั้น ก็ไม่ปรากฏข้อความอันใดอันแสดงให้เห็นว่าการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเป็นการกระทำในลักษณะก่อการร้าย เจ้าหน้าที่ที่มาควบคุมดูแลบริเวณสถานที่ชุมนุมสนามบินสุวรรณภูมิก็ไม่ได้ประกาศให้ยุติการชุมนุมหรือให้เลิกการชุมนุม ยังคงเปิดให้ประชาชนเข้าออกสถานที่ชุมนุมได้ตลอดเวลา เมื่อพิจารณาสถานที่ใกล้เคียง สถานที่ทำงาน สถานบริการ ร้านค้า ปั๊มน้ำมัน ธนาคาร ก็ยังเปิดดำเนินการได้ตามปกติ
ทนายความนายกษิตกล่าวต่อว่า ตามที่พนักงานสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานแจ้งข้อกล่าวหานายกษิตนั้นเห็นได้ชัดว่า ไม่มีพยานหลักฐานที่ชี้ชัดว่านายกษิตร่วมกับพวกทำความผิดด้วยวิธีการใด ร่วมกันอย่างไร หรือนายกษิตมีหน้าที่บริหารจัดการชุมนุมอย่างไร นอกจากการพูดแสดงความคิดเห็นแล้วก็ไม่ปรากฏหลักฐานว่านายกษิต ได้ใช้กำลัง อาวุธ ประทุษร้ายใคร หรือทำลายทรัพย์สินใดเสียหาย และการไปร่วมชุมนุมก็เป็นการแสดงความคิดเห็นวิพากษิวิจารณ์ตามสิทธิเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญเท่านั้น
นายนิติธรกล่าวต่อว่า การที่พนักงานสอบสวนตั้งข้อกล่าวหานายกษิตนั้น ไม่ได้ยึดตามเจตนารมณ์แห่งกฎหมาย ไม่ปฏิบัติตามจรรยาบรรณของพนักงานสอบสวน ขอให้ทาง ผบ.ตร.พิจารณาดำเนินการ 1.ตรวจสอบ ทบทวนการตั้งข้อกล่าวหา และมีคำสั่งให้ยกเลิก เพิกถอนข้อกล่าวหาทั้งหมด 2.แต่งตั้งคณะกรรมการพิจารณาตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ การใช้ดุลยพินิจของคณะพนักงานสอบสวนชุดปัจจุบันทั้งคณะ 3.พิจารณายุติการดำเนินการสอบสวนขอคณะพนักงานสอบสวนชุดปัจจุบันทั้งคณะจนกว่าการดำเนินการตามข้อ 1 และ 2 แล้วเสร็จ และยังไม่ร้องขอเปลี่ยนพนักงานสอบสวนเพียงแต่ให้พิจารณาข้อหาอย่างละเอียดรอบคอบ
นายนิติธรกล่าวต่อว่า สำหรับวันที่ 16 ก.ค.ผู้ต้องหาคนอื่นๆ ก็ยังยืนยันว่าจะไปรับทราบข้อกล่าวหา ส่วนเรื่องการลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีนั้น นายกษิต ยืนยันว่าจะอยู่ในตำแหน่งต่อไปจนกว่าพนักงานอัยการจะมีความเห็นสั่งฟ้องในข้อหาก่อการร้าย
ด้าน พล.ต.ท.วุฒิ พัวเวส ผช.ผบ.ตร. ในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวนคดีกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ยึดสนามบินสุวรรณภูมิ และสนามบินดอนเมือง กล่าวถึงกรณีที่นายนิติธร ล้ำเหลือ ทนายความของนายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ ยื่นหนังสือร้องเรียนเกี่ยวกับคดีว่า เป็นสิทธิของผู้ถูกออกหมายเรียกที่สามารถดำเนินการได้ หากเห็นว่าพนักงานสอบสวนดำเนินการไม่ถูกต้อง ส่วนการทำงานของพนักงานสอบสวนคิดว่าทำดีที่สุดแล้ว การแจ้งข้อกล่าวหานั้น มีหลักฐานและพยานตามสมควร หากผู้ถูกกกล่าวหาไม่สบายใจก็ต้องขออภัยด้วย ทั้งนี้ หากพนักงานสอบสวนทำงานแล้วทำให้ ผู้ถูกสอบสวนไม่สบายใจ ตนเองในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวนก็ต้องทบทวนหน้าที่ของตน และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย ผบ.ตร.ก็ต้องทบทวนด้วย
พล.ต.ท.วุฒิ กล่าวต่อว่า ที่กล่าวไปอย่างนี้ไม่ได้หมายความว่าหมดกำลังใจ แต่ต้องยอมรับว่า สังคมขณะนี้มีความแตกแยก และหากไม่มีการยอมรับอำนาจรัฐ การดำเนินการสิ่งใดๆ ไป ก็จะทำให้คดียิ่งยืดเยื้อ และหากมีหัวหน้าพนักงานสอบสวนที่สามารถมาทำหน้าที่ตรงนี้ได้ดีกว่าก็เห็นด้วย เพื่อประโย่ชน์ของสังคมโดยรวม อย่างไรก็ตาม แม้จะมีการเปลี่ยนหัวหน้าพนักงานสอบสวน แล้วคงไม่สามารถเปลี่ยนข้อกล่าวหาได้ เพราะว่าได้ทีมพนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อกล่าวหาไปแล้ว