หากเอ่ยถึงชื่อ "เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส" หรือ "เสรี เตมียเวส" ทุกวงการคงปฏิเสธไม่ได้ว่าไม่รู้จัก"บิ๊กตู่"ผู้นี้ แน่ล่ะ เพราะเขาคือพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ที่ปัจจุบันเกษียณอายุราชการไปแล้ว แต่ทว่า ยังคงฝากนามเล่าขานไว้ให้คนรุ่นหลังได้รู้จัก มาวันนี้ ชื่อของเขาได้กลับมาปรากฏอีกครั้ง ซึ่งการกลับมาครั้งนี้ เขาต้องการ"ฉายความจริง"ทุกอย่างให้ปรากฏ หลังจากที่ถูกมรสุมทางการเมืองในคราบทุนนิยมสามานย์กลั่นแกล้ง จนแทบโงหัวไม่ขึ้น
หลายคนกล่าวว่า หากจะมองเส้นทางในอนาคตของใครคนใดคนหนึ่ง ขอให้ย้อนนึกไปมองอดีตของผู้นั้นสักนิดว่า มีที่มาและความเป็นมาอย่างไร บนเส้นทางต่างๆที่ได้ย่างก้าวมาสู่ ณ ปัจจุบัน ก็พอจะมองเห็นเค้าลางแห่อนาคตได้ไม่ยาก
พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส เดิมชื่อ "เสรี เตมียเวส" เกิดเมื่อวันที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2491 ที่จังหวัดธนบุรี เป็นบุตร นายชื้น และ นางอรุณ เตมียเวส สมรสกับ นางพัสวีศิริ เตมียาเวส (สกุลเดิม เทพชาตรี) มีบุตร-บุตรีรวม 3 คน คือ น.ส.ศศิภาพิมพ์ เตมียาเวส, นายทรรศน์พนธ์ เตมียาเวส และ น.ส.ทัศนาวัลย์ เตมียาเวส
การศึกษา จบชั้นมัธยมศึกษาจากโรงเรียนทวีธาภิเษก จากนั้นเข้าศึกษาต่อที่โรงเรียนเตรียมทหาร รุ่น 8 (ตท.8) และโรงเรียนนายร้อยตำรวจ รุ่น 24 (นรต.24) เคยรับราชการอยู่ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ต่อสู้กับฝ่ายคอมมิวนิสต์อย่างเข้มข้น ที่จังหวัดนครพนม ในช่วงปีพ.ศ. 2520
พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ มีชื่อเสียงและได้รับฉายาจาากสื่อมวลชนว่า “วีรบุรุษนาแก” เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง ผกก.ตำรวจภูธรจังหวัดนครพนม จับกุมข้าราชการระดับสูงในจังหวัดที่ลงไปเล่นการพนันในเรือกลางลำน้ำโขง ทั้งยังมีผลงานปราบปรามคอมมิวนิสต์อย่างต่อเนื่อง และเมื่อสมัยดำรงตำแหน่งผูบังคับการกองปราบปราม ก็ถูกวางระเบิดถึงห้องทำงาน จากผลของการปฏิบัติหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา
นอกจากนี้ เมื่อดำรงตำแหน่งผู้ช่วยผู้บัญชาการประจำกรมตำรวจ (ทำหน้าที่ผู้ช่วยหัวหน้าตำรวจภาค 2) ได้จับกุมและดำเนินคดีกับนายสมชาย คุณปลื้ม หรือกำนันเป๊าะ ผู้กว้างของของ จ.ชลบุรี และภาคตะวันออก ในคดีทุจริตการจัดซื้อที่ดินทิ้งขยะที่เข้าไม้แก้ว จนศาลฎีกาพิพากษาให้จำคุกกำนันเป๊าะ ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการหลบหนี
เส้นทางการรับราชการ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ติดยศ ร.ต.ต.เมื่อปี 2514 ประจำกองบัญชาการตำรวจนครบาล - เป็น ผบ.หมวด สถานีตำรวจภูธรอำเภอเมือง จ.นครพนม
ปี 2516 ทำหน้าที่หัวหน้าหน่วยปฏิบัติการพิเศษ ประจำกองกำกับการตำรวจภูธรจังหวาดนครพนม - ผบ.หมวด กองร้อยที่ 2 กก.1 กองบังคับการโรงเรียนนายร้อยตำรวจ
ปี 2519 เป็นสารวัตรสถานีตำรวจภูธร อ.นาแก จ.นครพนม
ปี 2522 เป็นสารวัตรใหญ่ สภ.อ.นาแก จ.นครพนม
ปี 2524 เป็นรอง ผกก.ตำรวจภูธรจังหวัดนครพนม
ปี 2525 เป็นรอง ผกก.ตำรวจภูธรจังหวัดมุกดาหาร รักษาการในตำแหน่ง ผกก.ตำรวจภูธรจังหวัดมุกดาหาร
ปี 2526 เป็นผู้กำกับการตำรวจภูธรจังหวัดมุกดาหาร
ปี 2529 เป็นผู้กำกับการตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรี
ปี 2530 เป็นรองผู้บังคับการตำรวจภูธร 2
ปี 2531 เป็นรองผู้บังคับการโรงเรียนนายร้อยตำรวจ
ปี 2533 เป็นผู้บังคับการกองปราบปราม
ปี 2534 เป็นผู้บังคับการประจำกรมตำรวจ (ทำหน้าที่การข่าวสาร) สำนักงานสารนิเทศ
ปี 2535 รักษาการในตำแหน่งผู้บังคับการตำรวจสันติบาล 2
ปี 2535 เป็นผู้บังคับการตำรวจภูธร 6
ปี 2535 เป็นผู้บังคับการกองวิทยาการภาค 3
ปี 2536 เป็นผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง
ปี 2537 เป็นผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจนครบาล
ปี 2537 รักษาการในตำแหน่งรองผู้บัญชาการประจำกรมตำรวจ (ทำหน้าที่รองหัวหน้าตำรวจภาค 2)
ปี 2537 เป็นผู้ช่วยผู้บัญชาการประจำกรมตำรวจ (ทำหน้าที่ผู้ช่วยหัวหน้าตำรวจภาค 2)
ปี 2538 เป็นรองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง
ปี 2540 เป็นผู้บัญชาการโรงเรียนนายร้อยตำรวจ
ปี 2541 เป็นผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง
ปี 2541 เป็นผู้ช่วยอธิบดีกรมตำรวจ
ปี 2541 เป็นผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ
ปี 2547 เป็นจเรตำรวจแห่งชาติ
ปี 2549 เป็นที่ปรึกษา (สบ.10)
ปี 2550 ขึ้นดำรงตำแหน่งผบ.ตร.
ในช่วงปี 2520 พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ได้ขอย้ายตัวเองจากเขตเมืองไปยัง "พื้นที่สีแดง" ที่มีผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ชุกชุมในยุคนั้น ที่อ.นาแก จ.นครพนม โดยพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ บอกถึงเหตุผลการขอย้ายตัวเองไปในครั้งนั้นไว้ว่า "เราคนเดียว เป็นโสดไม่มีครอบครัว อยู่ในเมืองอย่างสบาย ก็ย้ายตัวเองออกไปเพื่อทำงานตรงนั้น อย่างน้อย ก็ได้ไปแทนคนที่มีภาระครอบครัวหนึ่ง เขาจะได้กลับไปดูแลครอบครัวของเขา ผมแต่งงานตอนเป็นผู้กำกับจังหวัด พ.ศ.2527 อายุ 36 ปีแล้ว ถ้าแต่งงานก่อนหน้านั้น คงบู๊ไม่ได้ถึงขนาดนี้"
ในชีวิตรับการราชของพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ไม่ได้ราบเรียบด้วยกลีบกุหลาบเหมือนอดีตผบ.ตร.บางคน เขาเคยระบุไว้ว่า "ถูกแกล้งเรื่อย เพราะขัดผลประโยชน์ และคนไม่อยากเห็นเราเด่นเกิน ผมเคยแป้กหลายครั้ง โดนตั้งคณะกรรมการกลั่นแกล้ง เราก็ฟ้องกลับ เคยถูกอธิบดีเล่นงานเราก็ฟ้องกลับ สู้กันจนกว่าอธิบดีถูกปลดไป"
ครั้งดำรงตำแหน่ง ผบ.ตร. พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ได้มีคำสั่งให้สถานีตำรวจในต่างจังหวัดทั่วประเทศหันมาใช้ "สภ." แทนสภ.อ.-สภ.ต.ทุกโรงพัก ให้เพิ่มตำแหน่ง"สว.สป." ไปในแต่ละโรงพัก และให้ดำเนินการจัดการโครงสร้างใหม่ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติขึ้น แต่ทว่า เมื่อถูกปลดจากตำแหน่งผบ.ตร.แล้ว ผบ.ตร.คนใหม่ ไม่ได้นำโครงสร้างดังกล่าวมาใช้ กลับให้เขียนโครงสร้างใหม่ขึ้นทั้งหมด
บัดนี้ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กำลังจะก้าวขาเข้าสู่วงการเมือง การเมืองที่เคยกลั่นแกล้ง และสกัดกั้นที่จะไม่ให้นายตำรวจผู้นี้ ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งสูงสุดในฐานะผู้บังคับบัญชาของตำรวจทั้งประเทศ แต่ทว่า ก็มิอาจห้ามบุญห้ามวาสนากันได้ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ จึงได้ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งผบ.ตร.มาได้ และปัจจุบัน กำลังจะก้าวเข้าสู่ถนนการเมือง ซึ่งต้องรอดูว่า "แมวเก้าชีวิต"อย่างพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ผู้นี้ จะฟื้นคืนมาได้หรือไม่ ต้องติดตาม...
หลายคนกล่าวว่า หากจะมองเส้นทางในอนาคตของใครคนใดคนหนึ่ง ขอให้ย้อนนึกไปมองอดีตของผู้นั้นสักนิดว่า มีที่มาและความเป็นมาอย่างไร บนเส้นทางต่างๆที่ได้ย่างก้าวมาสู่ ณ ปัจจุบัน ก็พอจะมองเห็นเค้าลางแห่อนาคตได้ไม่ยาก
พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส เดิมชื่อ "เสรี เตมียเวส" เกิดเมื่อวันที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2491 ที่จังหวัดธนบุรี เป็นบุตร นายชื้น และ นางอรุณ เตมียเวส สมรสกับ นางพัสวีศิริ เตมียาเวส (สกุลเดิม เทพชาตรี) มีบุตร-บุตรีรวม 3 คน คือ น.ส.ศศิภาพิมพ์ เตมียาเวส, นายทรรศน์พนธ์ เตมียาเวส และ น.ส.ทัศนาวัลย์ เตมียาเวส
การศึกษา จบชั้นมัธยมศึกษาจากโรงเรียนทวีธาภิเษก จากนั้นเข้าศึกษาต่อที่โรงเรียนเตรียมทหาร รุ่น 8 (ตท.8) และโรงเรียนนายร้อยตำรวจ รุ่น 24 (นรต.24) เคยรับราชการอยู่ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ต่อสู้กับฝ่ายคอมมิวนิสต์อย่างเข้มข้น ที่จังหวัดนครพนม ในช่วงปีพ.ศ. 2520
พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ มีชื่อเสียงและได้รับฉายาจาากสื่อมวลชนว่า “วีรบุรุษนาแก” เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง ผกก.ตำรวจภูธรจังหวัดนครพนม จับกุมข้าราชการระดับสูงในจังหวัดที่ลงไปเล่นการพนันในเรือกลางลำน้ำโขง ทั้งยังมีผลงานปราบปรามคอมมิวนิสต์อย่างต่อเนื่อง และเมื่อสมัยดำรงตำแหน่งผูบังคับการกองปราบปราม ก็ถูกวางระเบิดถึงห้องทำงาน จากผลของการปฏิบัติหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา
นอกจากนี้ เมื่อดำรงตำแหน่งผู้ช่วยผู้บัญชาการประจำกรมตำรวจ (ทำหน้าที่ผู้ช่วยหัวหน้าตำรวจภาค 2) ได้จับกุมและดำเนินคดีกับนายสมชาย คุณปลื้ม หรือกำนันเป๊าะ ผู้กว้างของของ จ.ชลบุรี และภาคตะวันออก ในคดีทุจริตการจัดซื้อที่ดินทิ้งขยะที่เข้าไม้แก้ว จนศาลฎีกาพิพากษาให้จำคุกกำนันเป๊าะ ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการหลบหนี
เส้นทางการรับราชการ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ติดยศ ร.ต.ต.เมื่อปี 2514 ประจำกองบัญชาการตำรวจนครบาล - เป็น ผบ.หมวด สถานีตำรวจภูธรอำเภอเมือง จ.นครพนม
ปี 2516 ทำหน้าที่หัวหน้าหน่วยปฏิบัติการพิเศษ ประจำกองกำกับการตำรวจภูธรจังหวาดนครพนม - ผบ.หมวด กองร้อยที่ 2 กก.1 กองบังคับการโรงเรียนนายร้อยตำรวจ
ปี 2519 เป็นสารวัตรสถานีตำรวจภูธร อ.นาแก จ.นครพนม
ปี 2522 เป็นสารวัตรใหญ่ สภ.อ.นาแก จ.นครพนม
ปี 2524 เป็นรอง ผกก.ตำรวจภูธรจังหวัดนครพนม
ปี 2525 เป็นรอง ผกก.ตำรวจภูธรจังหวัดมุกดาหาร รักษาการในตำแหน่ง ผกก.ตำรวจภูธรจังหวัดมุกดาหาร
ปี 2526 เป็นผู้กำกับการตำรวจภูธรจังหวัดมุกดาหาร
ปี 2529 เป็นผู้กำกับการตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรี
ปี 2530 เป็นรองผู้บังคับการตำรวจภูธร 2
ปี 2531 เป็นรองผู้บังคับการโรงเรียนนายร้อยตำรวจ
ปี 2533 เป็นผู้บังคับการกองปราบปราม
ปี 2534 เป็นผู้บังคับการประจำกรมตำรวจ (ทำหน้าที่การข่าวสาร) สำนักงานสารนิเทศ
ปี 2535 รักษาการในตำแหน่งผู้บังคับการตำรวจสันติบาล 2
ปี 2535 เป็นผู้บังคับการตำรวจภูธร 6
ปี 2535 เป็นผู้บังคับการกองวิทยาการภาค 3
ปี 2536 เป็นผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง
ปี 2537 เป็นผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจนครบาล
ปี 2537 รักษาการในตำแหน่งรองผู้บัญชาการประจำกรมตำรวจ (ทำหน้าที่รองหัวหน้าตำรวจภาค 2)
ปี 2537 เป็นผู้ช่วยผู้บัญชาการประจำกรมตำรวจ (ทำหน้าที่ผู้ช่วยหัวหน้าตำรวจภาค 2)
ปี 2538 เป็นรองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง
ปี 2540 เป็นผู้บัญชาการโรงเรียนนายร้อยตำรวจ
ปี 2541 เป็นผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง
ปี 2541 เป็นผู้ช่วยอธิบดีกรมตำรวจ
ปี 2541 เป็นผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ
ปี 2547 เป็นจเรตำรวจแห่งชาติ
ปี 2549 เป็นที่ปรึกษา (สบ.10)
ปี 2550 ขึ้นดำรงตำแหน่งผบ.ตร.
ในช่วงปี 2520 พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ได้ขอย้ายตัวเองจากเขตเมืองไปยัง "พื้นที่สีแดง" ที่มีผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ชุกชุมในยุคนั้น ที่อ.นาแก จ.นครพนม โดยพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ บอกถึงเหตุผลการขอย้ายตัวเองไปในครั้งนั้นไว้ว่า "เราคนเดียว เป็นโสดไม่มีครอบครัว อยู่ในเมืองอย่างสบาย ก็ย้ายตัวเองออกไปเพื่อทำงานตรงนั้น อย่างน้อย ก็ได้ไปแทนคนที่มีภาระครอบครัวหนึ่ง เขาจะได้กลับไปดูแลครอบครัวของเขา ผมแต่งงานตอนเป็นผู้กำกับจังหวัด พ.ศ.2527 อายุ 36 ปีแล้ว ถ้าแต่งงานก่อนหน้านั้น คงบู๊ไม่ได้ถึงขนาดนี้"
ในชีวิตรับการราชของพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ไม่ได้ราบเรียบด้วยกลีบกุหลาบเหมือนอดีตผบ.ตร.บางคน เขาเคยระบุไว้ว่า "ถูกแกล้งเรื่อย เพราะขัดผลประโยชน์ และคนไม่อยากเห็นเราเด่นเกิน ผมเคยแป้กหลายครั้ง โดนตั้งคณะกรรมการกลั่นแกล้ง เราก็ฟ้องกลับ เคยถูกอธิบดีเล่นงานเราก็ฟ้องกลับ สู้กันจนกว่าอธิบดีถูกปลดไป"
ครั้งดำรงตำแหน่ง ผบ.ตร. พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ได้มีคำสั่งให้สถานีตำรวจในต่างจังหวัดทั่วประเทศหันมาใช้ "สภ." แทนสภ.อ.-สภ.ต.ทุกโรงพัก ให้เพิ่มตำแหน่ง"สว.สป." ไปในแต่ละโรงพัก และให้ดำเนินการจัดการโครงสร้างใหม่ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติขึ้น แต่ทว่า เมื่อถูกปลดจากตำแหน่งผบ.ตร.แล้ว ผบ.ตร.คนใหม่ ไม่ได้นำโครงสร้างดังกล่าวมาใช้ กลับให้เขียนโครงสร้างใหม่ขึ้นทั้งหมด
บัดนี้ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กำลังจะก้าวขาเข้าสู่วงการเมือง การเมืองที่เคยกลั่นแกล้ง และสกัดกั้นที่จะไม่ให้นายตำรวจผู้นี้ ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งสูงสุดในฐานะผู้บังคับบัญชาของตำรวจทั้งประเทศ แต่ทว่า ก็มิอาจห้ามบุญห้ามวาสนากันได้ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ จึงได้ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งผบ.ตร.มาได้ และปัจจุบัน กำลังจะก้าวเข้าสู่ถนนการเมือง ซึ่งต้องรอดูว่า "แมวเก้าชีวิต"อย่างพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ผู้นี้ จะฟื้นคืนมาได้หรือไม่ ต้องติดตาม...