“ดีเอสไอ” ส่งฟ้องตำรวจ สภ.พระนครศรีอยุธยา 6 นาย หลังพบหลักฐานร่วมกันช็อตไข่อาสาสมัครกู้ภัย บังคับให้รับสารภาพเป็นคนร้ายกระชากสร้อย
วันนี้ (15 มิ.ย.) ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พ.อ.ปิยะวัฒก์ กิ่งเกตุ ผู้อำนวยการสำนักคดีอาญาพิเศษ นำตัวเจ้าหน้าที่ตำรวจชั้นประทวน และสัญญาบัตร สภ.พระนครศรีอยุธยา รวม 6 คน ผู้ต้องหาร่วมกันช็อตไข่นายเอกวัด ศรีมันตะ อาสาสมัครหน่วยกู้ภัยสมาคมอยุธยารวมใจ ส่งให้พนักงานอัยการ สำนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ พิจารณาสั่งฟ้องในความผิดฐานทำร้ายร่างกายผู้ต้องหาจนได้รับอันตรายสาหัส และเป็นการกระทำโดยทรมานหรือโดยกระทำทารุณโหดร้าย
สำหรับคดีนี้เหตุเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 2 -3 พ.ย.47 ที่ป้อมตำรวจวัดพระญาติ สภ.พระนครศรีอยุธยา โดยในวันเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตรวจค้นรถจักรยานยนต์ที่ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียนของนายเอกวัด โดยรถจักรยานยนต์จอดอยู่ที่จุดนัดพบของหน่วยกู้ภัย บริเวณด้านข้างป้อมตำรวจวัดพระญาติ แต่ไม่พบสิ่งผิดกฎหมายแต่ประการใด จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ออกใบสั่งให้ไปชำระค่าปรับ นายเอกวัดกับเพื่อนจึงไปชำระค่าปรับที่ สภ.พระนครศรีอยุธยา แล้วนำใบเสร็จมาให้เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ป้อมตำรวจวัดพระญาติเพื่อรับรถจักรยานยนต์คืน แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจบอกให้รอก่อน และอ้างว่าตรวจพบสร้อยคอทองคำอยู่ที่ใต้เบาะรถจักรยานยนต์ และใช้มือล้วงเข้าไปในกางเกงข้างขวาของเจ้าหน้าที่ตำรวจนำสร้อยคอทองคำลักษณะขาดครึ่งและมีพระเลี่ยมทองติดอยู่ด้วยออกมาให้ดู นายเอกวัดยืนยันไม่รู้ว่าสร้อยดังกล่าวมาได้อย่างไร เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงนำนายเอกวัดเข้าไปภายในป้อมตำรวจและทำร้ายร่างกายเพื่อบังคับให้นายเอกวัดให้การรับสารภาพว่าเป็นคนร้ายชิงทรัพย์สร้อยคอทองคำ
ด้านนายเอกวัดไม่ยอมรับสารภาพ ตำรวจจึงนำตัวนายเอกวัดไปที่ สภ.พระนครศรีอยุธยา และนำตัวขึ้นไปในห้องหนึ่งซึ่งอยู่ที่ชั้น 2 ของสถานีตำรวจ และได้ร่วมกันทำร้ายร่างกายนายเอกวัดจนเป็นเหตุให้นายเอกวัดได้รับอันตรายสาหัส เพื่อบังคับให้นายเอกวัดรับสารภาพว่าเป็นคนร้ายชิงทรัพย์สร้อยคอทองคำ ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.พระนครศรีอยุธยาได้ส่งตัวนายเอกวัดให้กับ สภ.อุทัย และมีการทำร้ายร่างกายจนเป็นเหตุให้นายเอกวัดได้รับบาดเจ็บสาหัสเช่นเดียวกัน ซึ่งได้ส่งสำนวนของ สภ.อุทัย ให้กับพนักงานอัยการแล้ว
พ.อ.ปิยะวัฒก์ กล่าวอีกว่า จากการสืบสวนสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานในสำนวนนี้ พบว่ามีเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งชั้นสัญญาบัตรและชั้นประทวน รวมทั้งตำรวจชุมชนของสถานีตำรวจภูธรพระนครศรีอยุธยา จำนวน 6 คน มีส่วนเกี่ยวข้องกับการร่วมกันทำร้ายร่างกายนายเอกวัด จึงหมายเรียกเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้ง 6 คนมารับทราบข้อกล่าวหาแล้ว และมีความเห็นสั่งฟ้องเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้ง 6 คนเป็นผู้ต้องหา ฐานร่วมกันทำร้ายร่างกายนายเอกวัดจนได้รับอันตรายสาหัสป่วยเจ็บด้วยอาการทุกขเวทนาเกินกว่ายี่สิบวัน หรือจนประกอบกรณียกิจตามปกติไม่ได้เกินกว่า 20 วัน และเป็นการกระทำโดยทรมานหรือโดยกระทำทารุณโหดร้าย ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 2-10 ปี