“ดีเอสไอ” ส่งฟ้องคดีฉาวแก๊ง ตร.กรุงเก่าช็อตไข่ผู้ต้องหา

ดีเอสไอจะส่งสำนวนพร้อมผู้ต้องหา 6 คนในคดีที่ตำรวจ สภ.อุทัย จ.พระนครศรีอยุธยา ทรมานอาสาสมัครหน่วยกู้ภัยฯ โดยใช้ไฟฟ้าช็อตบริเวณลูกอัณฑะ-นิ้วเท้าจนไหม้เกรียม บาดเจ็บสาหัส ให้อัยการพิจารณาสั่งฟ้องพรุ่งนี้ ส่วนอีกสำนวนคาดจะส่งได้ใน 1-2 สัปดาห์

วันนี้ (2 เม.ย.) พ.อ.ปิยะวัฒก์ กิ่งเกตุ ผอ.สำนักคดีอาญาพิเศษกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เปิดเผยว่า ในวันพรุ่งนี้ (3 เม.ย.) เวลา 09.30 น.คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษจะนำตัวผู้ต้องหา 6 คน พร้อมสำนวนคดีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรอุทัย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ร่วมกันทำร้ายร่างกายจนเป็นเหตุให้นายเอกวัด ศรีมันตะ ได้รับอันตรายสาหัส และเป็นการกระทำโดยทรมาน หรือโดยกระทำทารุณโหดร้าย ไปส่งให้พนักงานอัยการ สำนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษให้พิจารณามีความเห็นสั่งฟ้องต่อไป

โดยคดีนี้แยกสำนวนการสอบสวนเป็น 2 สำนวน คือ สำนวนของสถานีตำรวจภูธรอำเภอพระนครศรีอยุธยา และสำนวนของสถานีตำรวจภูธรอำเภออุทัย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ที่จะได้ส่งสำนวนให้อัยการในวันพรุ่งนี้ แต่ในสำนวนของสถานีตำรวจภูธรอำเภอพระนครศรีอยุธยาขณะนี้สำนวนการสอบสวนอยู่ระหว่างการพิจารณาของผู้บังคับบัญชาที่สั่งให้สอบสวนเพิ่มเติมในบางประเด็น เพื่อให้สำนวนมีความสมบูรณ์ยิ่งขึ้น และเชื่อว่าจะสามารถส่งสำนวนให้พนักงานอัยการได้ภายใน 1-2 สัปดาห์นี้

สำหรับคดีนี้เหตุเกิดเมื่อวันที่ 2-3 พ.ย.2547 เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตรวจค้นรถจักรยานยนต์ที่ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียนของนายเอกวัด ซึ่งเป็นอาสาสมัครหน่วยกู้ภัยของสมาคมอยุธยารวมใจ โดยรถจักรยานยนต์จอดอยู่ที่จุดนัดพบของหน่วยกู้ภัยฯ บริเวณด้านข้างป้อมตำรวจวัดพระญาติ แต่ไม่พบสิ่งผิดกฎหมาย จากนั้นได้ออกใบสั่งให้ไปชำระค่าปรับ นายเอกวัดกับเพื่อนจึงไปชำระค่าปรับที่สถานีตำรวจภูธรอำเภอพระนครศรีอยุธยา แล้วนำใบเสร็จมาให้เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ป้อมตำรวจวัดพระญาติ เพื่อรับรถจักรยานยนต์คืน แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจบอกให้รอก่อนและอ้างว่าตรวจพบสร้อยคอทองคำอยู่ที่ใต้เบาะรถจักรยานยนต์ และใช้มือล้วงเข้าไปในกางเกงข้างขวานำสร้อยคอทองคำลักษณะขาดครึ่งและมีพระเลี่ยมทองติดอยู่ด้วยออกมาให้ดู นายเอกวัดยืนยันไม่รู้ว่าสร้อยดังกล่าวมาได้อย่างไร เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงนำนายเอกวัดเข้าไปภายในป้อมตำรวจวัดพระญาติและทำร้ายร่างกายนายเอกวัดเพื่อบังคับให้นายเอกวัดรับสารภาพว่าเป็นคนร้ายชิงทรัพย์สร้อยคอทองคำ แต่นายเอกวัดไม่ยอมรับสารภาพ

จากนั้นได้นำตัวนายเอกวัดไปที่สถานีตำรวจภูธรอำเภอพระนครศรีอยุธยา เพื่อทรมานนายเอกวัดให้รับสารภาพ เมื่อนายเอกวัดไม่ยอมรับสารภาพอีกจึงส่งตัวต่อไปยังสถานีตำรวจภูธรอำเภออุทัย ระหว่างถูกควบคุมตัวอยู่ที่สถานีตำรวจภูธรอำเภออุทัย เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ร่วมกันทำร้ายร่างกายนายเอกวัดด้วยการใช้ไฟฟ้าช็อตที่บริเวณลูกอัณฑะ และนิ้วเท้าจนไหม้เกรียม จนเป็นเหตุให้นายเอกวัดได้รับอันตรายสาหัส