ดีเอสไอ ส่งสำนวนฟ้อง “6 ตร.สภ.พระนครศรีอยุธยา–ตำรวจชุมชน” ร่วมกับ ตร.สภ.อุทัย อยุธยา ทำร้ายร่างกายผู้ต้องหาคดีชิงทรัพย์ อัยการนัดสั่งคดี 15 ก.ค.นี้ ส่วนแก๊งตำรวจกรุงเก่าช็อตไข่ผู้ต้องหา อัยการนัดฟังคำสั่ง 26 มิ.ย.
วันนี้ (15 มิ.ย.) ที่สำนักงานอัยการสูงสุด ถ.รัชดาภิเษก วันที่ 15 มิ.ย.52 พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นำสำนวนพยานหลักฐานและความเห็นสมควรสั่งฟ้อง พ.ต.ท.สืบศักดิ์ ผินแสง, ด.ต.วินัย คำแพง, ด.ต.ประนอม มีช่อ, นายสมโชค สุขสมวัฒน์, นายสามารถ ผอบจันทร์ และ นายปราโมทย์ สุมังคละกุล ซึ่งทั้งหมดเป็นเจ้าหน้าตำรวจและตำรวจชุมชน สภ.พระนครศรีอยุธยา ผู้ต้องหาที่ 1-6 คดีร่วมกันกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.อุทัย จ.พระนครศรีอยุธยา ทำร้ายร่างกาย นายเอกวัด ศรีมันตะ อาสาสมัครหน่วยกู้ภัยของสมาคมอยุธยารวมใจ ผู้ต้องหาคดีชิงทรัพย์สร้อยคอทองคำ จ.พระนครศรีอยุธยา ในความผิดฐานร่วมกันทำร้ายร่างกาย ให้ได้รับอันตรายสาหัสป่วยเจ็บด้วยอาการทุกขเวทนาเกินกว่า 20 วัน หรือจนประกอบกิจตามปกติไม่ได้เกินกว่า 20 วัน และเป็นการกระทำโดยทรมานหรือโดยกระทำทารุณโหดร้าย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 297(8), 298 ประกอบมาตรา 289(5) ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 2-10 ปี มาส่งมอบให้ นายเศกสรรค์ บางสมบุญ อธิบดีอัยการฝ่ายคดีพิเศษ เพื่อพิจารณาสั่งคดี โดยอัยการนัดฟังคำสั่งวันที่ 15 ก.ค.นี้ เวลา 10.00 น.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้ พนักงานสอบสวนดีเอสไอ ได้ส่งมอบสำนวนพร้อมความเห็นสมควรสั่งฟ้อง พ.ต.ต.มาโนช บุญส่ง, ด.ต.ปัญญา เอนอ่อน, ด.ต.วิชัย เขินอำนวย, ส.ต.ท.พิทักษ์ แจ่มจรัส, ส.ต.อ.วสันต์ มิ่งขวัญ และ ส.ต.อ.สมคิด จดสมบูรณ์ ทั้งหมดเป็นอดีตเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.อุทัย จ.พระนครศรีอยุธยา ในความผิดฐานร่วมกันทำร้ายร่างกาย นายเอกวัด จนเป็นเหตุให้ ได้รับอันตรายสาหัส และเป็นการกระทำโดยทรมาน หรือโดยกระทำทารุณโหดร้าย ให้อัยการฝ่ายคดีพิเศษแล้ว ซึ่งอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 1 นัดฟังคำสั่งในวันที่ 26 มิ.ย.นี้ เวลา 10.00 น.
สำหรับคดีนี้เหตุเกิดเมื่อวันที่ 2-3 พ.ย.2547 โดยกลุ่มผู้ต้องหา ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตรวจค้นรถจักรยานยนต์ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียนของ นายเอกวัด ศรีมันตะ อาสาสมัครหน่วยกู้ภัยของสมาคมอยุธยารวมใจ ซึ่งจอดอยู่ที่จุดนัดพบของหน่วยกู้ภัยฯ บริเวณด้านข้างป้อมตำรวจวัดพระญาติ จ.พระนครศรีอยุธยา แต่ไม่พบสิ่งผิดกฎหมาย จากนั้นได้ออกใบสั่งให้ไปชำระค่าปรับ เมื่อนายเอกวัดไปชำระค่าปรับ ผู้ต้องหากลับอ้างว่าตรวจพบสร้อยคอทองคำอยู่ที่ใต้เบาะรถจักรยานยนต์ แล้วจึงนำตัวนายเอกวัด ไปที่ห้องๆ หนึ่งบนชั้น 2 สภ.พระนครศรีอยุธยา และได้ร่วมกันทำร้ายร่างกายนายเอกวัด จนเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายสาหัส เพื่อบังคับให้รับสารภาพว่าเป็นคนร้ายชิงทรัพย์สร้อยคอทองคำ แต่นายเอกวัดไม่ยอมรับสารภาพ ผู้ต้องหา จึงได้ส่งตัวนายเอกวัด ให้กับ สภ.อุทัย จ.พระนครศรีอยุธยา และมีการทำร้ายร่างกายจนเป็นเหตุให้นายเอกวัดได้รับบาดเจ็บสาหัสเช่นเดียวกันด้วยการใช้ไฟฟ้าช็อตที่บริเวณลูกอัณฑะ และนิ้วเท้าจนไหม้เกรียม