โจรสวมเสื้อทีมฟุตบอลอินเตอร์มิลานตกงาน บุกเดี่ยวควงปืนปลอมจี้ชิงทรัพย์ร้าน 108 SHOP รามคำแหง 60 พนักงานสาวคว้าดาบฮึดสู้ ถูกคนร้ายตีด้วยร่ม ได้ไปเพียงตู้บริจาคเงินของมูลนิธิสันติสุขมีเงินกว่าพันบาท เชื่อคนร้ายน่าจะเป็นคนเดียวกับที่เคยก่อเหตุลักษณะนี้ที่ร้านเมื่อกลางเดือนที่ผ่านมา ตำรวจเก็บร่มแกะรอยนิ้วมือสืบตามจับคนร้ายต่อไป
วันนี้ (28 พ.ค.) เมื่อเวลา 13.30 น. ร.ต.อ.วินัย สุโขพืช พนักงานสอบสวน (สบ 1) สน.หัวหมาก รับแจ้งมีเหตุคนร้ายชิงทรัพย์ภายในร้าน 108 SHOP ชั้นล่างอาคารพฤกษาแมนชั่น เลขที่ 305/1 ซอยรามคำแหง 60 แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ จึงรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อม พ.ต.ท.พิพัฒน์ เต็งถาวร สว.สส.สน.หัวหมาก เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สน.หัวหมาก และกก.สืบสวน บก.น.4
ที่เกิดเหตุเจ้าหน้าที่พบ น.ส.อัญชลี แสงพิทยา อายุ 27 ปี แคชเชียร์ของร้านดังกล่าวยืนรอให้การด้วยอาการตื่นตระหนก โดยเบื้องต้นเจ้าตัวให้การว่า ขณะเกิดเหตุเวลาประมาณ 13.15 น. มีคนร้ายเป็นชาย สูงประมาณ 180 ซม. ผิวคล้ำ สวมเสื้อทีมฟุตบอลของอินเตอร์มิลาน ลายทางน้ำเงินดำ ข้างหลังสกรีนหมายเลข 1 นุ่งกางเกงขาสามส่วนสีดำ สวมรองเท้าผ้าใบสีดำ เดินเข้ามาในร้านทำทีซื้อน้ำอัดลมขวดหนึ่ง โดยตนก็สแกนและเก็บเงินเข้าลิ้นชักเรียบร้อย
“หลังจากนั้นเขาก็ชักปืนสีดำขึ้นมาขู่ว่าไม่อยากฆ่าใคร กำลังตกงานอยู่ เอาเงินมาให้หมด พร้อมกับหยิบเอาสินค้าตัวอื่นๆ ที่อยู่บนเคาน์เตอร์ มาให้ฉันสแกนเพื่อจะได้เปิดลิ้นชักเก็บเงินได้ แต่ดิฉันสังเกตเห็นว่าปืนที่เขาใช้เป็นปืนปลอมก็เลยไม่ยอมทำตาม เขาก็พยายามทำท่าจะยิงปืนใส่อีก พอดิฉันสู้เขาก็เอาร่มที่พกมาด้วยฟาดใส่ ก็เลยก้มไปหยิบดาบที่เตรียมเอาไว้ป้องกันตัวขึ้นมาต่อสู้กับเขาอยู่พักหนึ่ง ก่อนที่เขาจะแย่งเอาตู้บริจาคของมูลนิธิสันติสุข ซึ่งภายในมีเงินอยู่ประมาณ 1 พันกว่าบาทวิ่งหลบหนีออกจากร้านไป โดยทิ้งร่มเอาไว้” น.ส.อัญชลี กล่าว
น.ส.อัญชลี กล่าวด้วยว่า พอคนร้ายวิ่งออกไปก็มีชาวบ้านเห็นว่าคนร้ายวิ่งขึ้นรถกระบะยี่ห้อเชฟโรเลต สีดำ จำหมายเลขทะเบียนได้แค่ 939 ส่วนหมวดอักษรกับจังหวัดไม่ทันสังเกต แล้วขับออกไปทางซอยรามคำแหง 60 แยก 6 อย่างรวดเร็ว
ทั้งนี้ ที่ตนต้องพกดาบเอาไว้ป้องกันตัวก็เพราะทางร้านถูกคนร้ายจี้ชิงทรัพย์มาแล้วครั้งหนึ่ง เมื่อเวลา 23.45 น.ของวันที่ 18 พ.ค.ที่ผ่านมา โดยครั้งนั้นได้เงินไป 12,000 บาท อีกทั้งเมื่อตรวจสอบภาพจากล้องวงจรปิดทั้งสองครั้งก็เชื่อว่าคนร้ายน่าจะเป็นคนเดียวกัน เพราะรูปร่างหน้าตาและทรงผมเหมือนกัน อีกทั้งยังใช้ปืนลักษณะเหมือนกันอีกด้วย
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้แจ้งวิทยุทำการสกัดจับรถกระบะคันดังกล่าวแล้วแต่ยังไร้วี่แวว ซึ่งเจ้าหน้าที่คาดว่าคนร้ายน่าจะมาดูลาดเลาก่อนแล้ว จากนั้นจึงขับรถมาจอดไว้ที่ซอยรามคำแหง 60 แยก 6 ก่อนจะลงมือก่อเหตุ โดยหลังจากนี้จะเก็บร่มที่คนร้ายทิ้งเอาไว้ไปตรวจสอบลายนิ้วมือแฝง เพื่อเป็นแนวทางในการติดตามจับกุมคนร้ายรายนี้ต่อไป
วันนี้ (28 พ.ค.) เมื่อเวลา 13.30 น. ร.ต.อ.วินัย สุโขพืช พนักงานสอบสวน (สบ 1) สน.หัวหมาก รับแจ้งมีเหตุคนร้ายชิงทรัพย์ภายในร้าน 108 SHOP ชั้นล่างอาคารพฤกษาแมนชั่น เลขที่ 305/1 ซอยรามคำแหง 60 แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ จึงรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อม พ.ต.ท.พิพัฒน์ เต็งถาวร สว.สส.สน.หัวหมาก เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สน.หัวหมาก และกก.สืบสวน บก.น.4
ที่เกิดเหตุเจ้าหน้าที่พบ น.ส.อัญชลี แสงพิทยา อายุ 27 ปี แคชเชียร์ของร้านดังกล่าวยืนรอให้การด้วยอาการตื่นตระหนก โดยเบื้องต้นเจ้าตัวให้การว่า ขณะเกิดเหตุเวลาประมาณ 13.15 น. มีคนร้ายเป็นชาย สูงประมาณ 180 ซม. ผิวคล้ำ สวมเสื้อทีมฟุตบอลของอินเตอร์มิลาน ลายทางน้ำเงินดำ ข้างหลังสกรีนหมายเลข 1 นุ่งกางเกงขาสามส่วนสีดำ สวมรองเท้าผ้าใบสีดำ เดินเข้ามาในร้านทำทีซื้อน้ำอัดลมขวดหนึ่ง โดยตนก็สแกนและเก็บเงินเข้าลิ้นชักเรียบร้อย
“หลังจากนั้นเขาก็ชักปืนสีดำขึ้นมาขู่ว่าไม่อยากฆ่าใคร กำลังตกงานอยู่ เอาเงินมาให้หมด พร้อมกับหยิบเอาสินค้าตัวอื่นๆ ที่อยู่บนเคาน์เตอร์ มาให้ฉันสแกนเพื่อจะได้เปิดลิ้นชักเก็บเงินได้ แต่ดิฉันสังเกตเห็นว่าปืนที่เขาใช้เป็นปืนปลอมก็เลยไม่ยอมทำตาม เขาก็พยายามทำท่าจะยิงปืนใส่อีก พอดิฉันสู้เขาก็เอาร่มที่พกมาด้วยฟาดใส่ ก็เลยก้มไปหยิบดาบที่เตรียมเอาไว้ป้องกันตัวขึ้นมาต่อสู้กับเขาอยู่พักหนึ่ง ก่อนที่เขาจะแย่งเอาตู้บริจาคของมูลนิธิสันติสุข ซึ่งภายในมีเงินอยู่ประมาณ 1 พันกว่าบาทวิ่งหลบหนีออกจากร้านไป โดยทิ้งร่มเอาไว้” น.ส.อัญชลี กล่าว
น.ส.อัญชลี กล่าวด้วยว่า พอคนร้ายวิ่งออกไปก็มีชาวบ้านเห็นว่าคนร้ายวิ่งขึ้นรถกระบะยี่ห้อเชฟโรเลต สีดำ จำหมายเลขทะเบียนได้แค่ 939 ส่วนหมวดอักษรกับจังหวัดไม่ทันสังเกต แล้วขับออกไปทางซอยรามคำแหง 60 แยก 6 อย่างรวดเร็ว
ทั้งนี้ ที่ตนต้องพกดาบเอาไว้ป้องกันตัวก็เพราะทางร้านถูกคนร้ายจี้ชิงทรัพย์มาแล้วครั้งหนึ่ง เมื่อเวลา 23.45 น.ของวันที่ 18 พ.ค.ที่ผ่านมา โดยครั้งนั้นได้เงินไป 12,000 บาท อีกทั้งเมื่อตรวจสอบภาพจากล้องวงจรปิดทั้งสองครั้งก็เชื่อว่าคนร้ายน่าจะเป็นคนเดียวกัน เพราะรูปร่างหน้าตาและทรงผมเหมือนกัน อีกทั้งยังใช้ปืนลักษณะเหมือนกันอีกด้วย
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้แจ้งวิทยุทำการสกัดจับรถกระบะคันดังกล่าวแล้วแต่ยังไร้วี่แวว ซึ่งเจ้าหน้าที่คาดว่าคนร้ายน่าจะมาดูลาดเลาก่อนแล้ว จากนั้นจึงขับรถมาจอดไว้ที่ซอยรามคำแหง 60 แยก 6 ก่อนจะลงมือก่อเหตุ โดยหลังจากนี้จะเก็บร่มที่คนร้ายทิ้งเอาไว้ไปตรวจสอบลายนิ้วมือแฝง เพื่อเป็นแนวทางในการติดตามจับกุมคนร้ายรายนี้ต่อไป
