ดีเอสไอแจงประชาชนที่ถูกหลอกในคดีแชร์ลูกโซ่มีสิทธิ์ได้เงินคืนเมื่อคดีถูกพิพากษาสูงสุด และในคดีที่เจ้าหน้าที่เข้าจับกุมขณะที่ยังไม่ปิดกิจการได้ยึดเงินของกลางอายัดไว้ วอนให้ผู้เสียหายถูกต้มตุ๋นจากแก๊งแชร์ลูกโซ่ทุกคดีเข้าร้องทุกข์กล่าวโทษกับดีเอสไอ ไม่ต้องกลัวคำขู่
วันนี้ (27 พ.ค.) พ.อ.ปิยะวัฒก์ กิ่งเกตุ ผอ.สำนักคดีอาญาพิเศษ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กล่าวถึงกรณีที่มีผู้เสียหายในคดีแชร์ลูกโซ่หลายรายได้ยื่นหนังสือสอบถามเรื่องเงินที่คณะพนักงานสืบสวนสอบสวนคดีพิเศษได้ยึดอายัดไว้ โดยเฉพาะเงินสดที่ยึดอายัดได้ จากบริษัท อีซี่เน็ตเวิร์ค มาร์เก็ตติ้ง จำกัด และมีผู้เสียหายอีกจำนวนหนึ่งที่สอบถามความคืบหน้าในการดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิด ในขณะที่ผู้เสียหายบางรายก็สอบถามว่า มีโอกาสที่จะได้รับเงินคืนมากน้อยเพียงใดว่า ในการเข้าตรวจค้นจับกุมผู้กระทำผิดในคดีแชร์ลูกโซ่ คณะพนักงานสืบสวนสอบสวนคดีพิเศษได้สืบสวน สอบสวน รวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ จนมีพยานหลักฐานชัดเจนว่าเป็นความผิดตามกฎหมายว่าด้วยการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน โดยดีเอสไอได้ทำงานร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค หรือ สคบ., กลุ่มป้องปรามการเงินนอกระบบ สำนักงานปลัดกระทรวงการคลัง, สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ หรือ ก.ล.ต. รวมทั้งสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน หรือ ปปง. ซึ่งเมื่อได้พยานหลักฐานชัดเจน พนักงานสอบสวนคดีพิเศษจะยื่นคำร้องต่อศาล เพื่อขอออกหมายค้นและหมายจับ เมื่อได้รับอนุญาตก็จะสนธิกำลังเข้าตรวจค้น จับกุม และยึดเอกสารและ/หรือสิ่งของที่สามารถใช้เป็นพยานหลักฐานในการดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิด
โดยบางคดีพนักงานสอบสวนคดีพิเศษสามารถจับกุมได้ก่อนที่บริษัทฯ จะปิดกิจการและหลบหนีไปพร้อมกับเงินของกลางที่หลอกลวงประชาชนมา แต่ในอีกหลายๆ คดี ผู้กระทำความผิดปิดบริษัทหลบหนีไปพร้อมกับเงินแล้ว ซึ่งกรณีหลังโอกาสที่จะนำเงินมาคืนประชาชนถือว่ายาก แต่ก็พยายามตรวจสอบทรัพย์สินของผู้กระทำความผิด หากพบก็จะยึดอายัดมาคืนให้ประชาชนต่อไป
ส่วนกรณีแรกซึ่งเป็นกรณีที่พนักงานสอบสวนคดีพิเศษต้องการทำมากที่สุดเพราะจะได้เงินคืนมากที่สุด แต่ก็ติดขัดด้วยการที่ผู้เสียหายไม่ยอมร้องทุกข์กล่าวโทษ เพราะยังได้รับผลประโยชน์ตอบแทนอยู่ และได้รับการข่มขู่จากผู้กระทำความผิดว่า หากไปพบดีเอสไอจะไม่ได้เงินคืน ซึ่งเป็นเหลี่ยมทางอาชญากรเศรษฐกิจ
อย่างไรก็ตาม หลังจากส่งสำนวนให้พนักงานอัยการแล้ว พนักงานสอบสวนคดีพิเศษจะดำเนินคดีอาญาฐานฟอกเงินกับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดทุกคน พร้อมกับส่งเรื่องให้กลุ่มป้องปรามการเงินนอกระบบ สำนักงานปลัดกระทรวงการคลัง ดำเนินคดีล้มละลาย ตามมาตรา 8 และมาตรา 10 แห่งกฎหมายว่าด้วยการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชนอีกด้วย ในส่วนของคดีอาญา พนักงานอัยการจะยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อขอให้บังคับจำเลยชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้กับผู้เสียหายด้วย
สำหรับผู้เสียหายที่มิได้เข้าพบพนักงานสอบสวนคดีพิเศษด้วยเหตุใดๆ ก็ตาม ผู้เสียหายยังมีโอกาสได้รับการชดใช้ความเสียหายด้วยการติดต่อกับพนักงานสอบสวนคดีพิเศษหรือพนักงานเจ้าหน้าที่กลุ่มป้องปรามการเงินนอกระบบ เพื่อส่งเอกสารหลักฐานที่ได้รับความเสียหายให้กับพนักงานเจ้าหน้าที่ เพื่อสิทธิประโยชน์ประชาชนในการขอเฉลี่ยทรัพย์คืนภายหลังที่มีการดำเนินคดีล้มละลาย และศาลได้มีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดแล้วอีกช่องทางหนึ่ง ซึ่งผู้เสียหายจะได้รับชดใช้ค่าสินไหมทดแทนก็ต่อเมื่อมีคำพิพากษาถึงที่สุด หรือเมื่อศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดแล้ว ซึ่งต้องใช้เวลาในการดำเนินการของกระบวนการยุติธรรมระยะเวลาหนึ่งเนื่องจากมีคดีอาญาอยู่ในศาลเป็นจำนวนมาก
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ขณะนี้คดีแชร์ลูกโซ่อยู่ระหว่างการพิจารณาในชั้นศาลหลายคดี เช่น คดีแชร์ข้าวสารของบริษัท อีซี่ เน็ตเวิร์ค มาร์เก็ตติ้ง จำกัด, คดีแชร์ก๋วยเตี๋ยวของบริษัท สยามฟู้ดแฟรนไชส์ จำกัด, คดีมันนี่เกมส์ โคโลนี่อินเวสท์ (www.colonyinvest.com, www.colonyinvest.net.) โดยศาลได้นัดพิจารณาคดีตั้งแต่เดือนนี้ถึง มิ.ย.นี้