กองปราบฯ ลุยสืบขยายผลคดีหนุ่มแบงก์ ธอส.ยักยอกเงินบัญชีดอกเบี้ยลูกค้า พบก่อเหตุจำนวน 419 ครั้ง มูลค่าเสียหายเกือบ 500 ล้านบาท ชุดสืบร่วมกับ ธอส.ติดตามเส้นทางเงินเบื้องต้นสอบพบแล้ว 300 ล้าน สั่งตรวจสอบแปรสภาพเป็นทรัพย์สินใด ด้านเจ้าหน้าที่ ธอส.ยันเหตุที่เกิดขึ้นไม่ได้เป็นความบกพร่องของธนาคารเป็นเรื่องที่ดำเนินการส่วนบุคคล
วันนี้ (14 พ.ค.) ที่กองปราบปราม เมื่อเวลา 15.00 น. พ.ต.อ.พรศักดิ์ สุรสิทธิ์ ผกก.1 บก.ป.กล่าวถึงความคืบหน้าคดี นายสมเกียรติ ปัญญาวรคุณเดช อายุ 33 ปี พนักงานธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) สาขาเซนต์หลุยส์ 3 ผู้ต้องหายักยอกเงินจากบัญชีที่ใช้สำหรับจ่ายดอกเบี้ยลูกค้า ธอส.ว่า เจ้าหน้าที่ ธอส.ได้ประสานข้อมูลมาว่านายสมเกียรติได้ยักยอกเงินจากบัญชีดอกเบี้ยดังกล่าวเป็นจำนวน 419 ครั้ง มูลค่าความเสียหายเกือบ 500 ล้านบาท โดยมีการโอนเงินที่ยักยอกเข้าบัญชีของนายสมเกียรติ และในบัญชีของบุคคลอื่น ซึ่งชุดสืบสวนกับทางเจ้าหน้าที่ ธอส.อยู่ระหว่างเร่งสืบสวนและติดตามเส้นทางของเงินที่สูญหายไป ซึ่งตรวจสอบพบว่ามีประมาณ 300 ล้านบาท อย่างไรก็ตามจะมีการตรวจสอบว่าเงินดังกล่าวถูกยักย้ายถ่ายเทหรือแปรสภาพเป็นทรัพย์สินใดบ้าง
พ.ต.อ.พรศักดิ์ กล่าวต่อว่า สำหรับข้อมูลการซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาลตามที่ผู้ต้องหาอ้างว่าเคยซื้อเป็นเงินจำนวน 32 ล้านบาท ถูกรางวัลเป็นเงิน 38 ล้านบาทนั้น ได้นำพ่อค้าแม่ค้าที่จำหน่ายสลากฯ บริเวณหน้ากองสลากมาสอบปากคำ พบว่าผู้ต้องหามีพฤติกรรมมาซื้อสลากฯ ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ ถึงเดือนสิงหาคม 2551 โดยซื้องวดละประมาณ 3-18 ล้านบาท นอกจากนี้ ได้มีการสอบปากคำเจ้าหน้าที่ของ ธอส. ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ ธอส.ได้ยืนยันว่าการยักยอกเงินจากบัญชีธนาคารดังกล่าวเป็นการดำเนินการส่วนบุคคลไม่ได้เป็นความบกพร่องของระบบธนาคาร อย่างไรก็ดี ทางพนักงานสอบสวน บก.ป.จะได้เรียกตัวเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคนิคของ ธอส.มาสอบปากคำในประเด็นนี้ต่อไป