ตำรวจยังไม่ยืนยันภาพจากกล้องวงจรปิด ซึ่งถูกระบุว่า เป็นรถคนร้ายตามยิงถล่ม “สนธิ ลิ้มทองกุล” เป็นรถกระบะมาสด้าของคนร้ายตัวจริงหรือไม่ เพราะภาพยังไม่ชัดเจน เห็นเพียงคนนั่งท้ายกระบะ 3-4 คน แต่มีสวมหมวกไหมพรมด้วย โดยอยู่ระหว่างตรวจพิสูจน์ แต่มีรายงานข่าว พยานอีกคนเห็นรถกระบะติดหมวดทะเบียน “จังหวัดสระบุรี” ขับปาดหน้า ก่อนจะเกิดเหตุ ซึ่งชุดสืบสวนกำลังเร่งตรวจสอบอย่างละเอียด
วันนี้ (27 เม.ย.) ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าในการคลี่คลายคดีคนร้ายใช้อาวุธสงคราม ยิงถล่ม นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์ ASTVผู้จัดการ และแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เหตุเกิดเมื่อเช้าตรู่วันที่ 17 เม.ย. บริเวณหน้าวัดเอี่ยมวรนุช ถนนสามเสน เขตพระนคร กทม.โดยขณะนี้เวลาล่วงเลยมาถึง 10 วันแล้ว ล่าสุด พล.ต.ต.สุพร พันธุ์เสือ รอง ผบช.น.โฆษกกองบัญชาการตำรวจนครบาล กล่าวว่า ภาพของรถต้องสงสัยที่ปรากฏบนหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่ง ซึ่งได้มาจากกล้องวงจรปิด ระบุว่า อาจเป็นรถต้องสงสัยของคนร้ายที่ลงมือยิงถล่มรถนายสนธินั้น คณะทำงานชุดคลี่คลายคดีชุดดังกล่าว อยู่ระหว่างการตรวจสอบ โดยเบื้องต้นพบว่า อาจเป็นรถกระบะยี่ห้อมาสด้า สีน้ำเงิน ซึ่งชุดสืบสวนอยู่ระหว่างดำเนินการต่อไป ว่า ภาพจากกล้องวงจรปิดดังกล่าว จะสามารถเห็นหน้าของคนร้าย หรือทะเบียนรถได้หรือไม่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภาพดังกล่าวเป็นภาพซึ่งได้จากกล้องวงจรปิดจุดหนึ่ง เป็นลักษณะคล้ายภาพขาวดำ โดยจับภาพรถกระบะวิ่งผ่านกล้อง เป็นภาพค่อนข้างเบลอ แต่ที่น่าสังเกต คือ มีคนนั่งอยู่ที่ท้ายรถกระบะคันดังกล่าวประมาณ 3-4 คน ทั้งหนึ่งในนั้นยังสวมหมวกไหมพรมด้วย
ทั้งนี้ ภาพจากกล้องวงจรปิดภาพดังกล่าว ที่ถูกระบุว่า เป็นรถกระบะมาสด้านั้น สอดคล้องกับกรณีที่ พล.ต.ท.วรพงษ์ ชิวปรีชา ผบช.น.ออกมาระบุหลังเกิดเหตุการณ์ได้ 4 วัน เมื่อวันที่ 20 เม.ย.ว่า “ได้นำแชมป์แฟนพันธุ์แท้รถมือสอง มาช่วยตรวจสอบภาพรถกระบะต้องสงสัย ที่บันทึกได้จากกล้องวงจรปิดทั้ง 2 จุด คือ บริเวณศาลรัฐธรรมนูญ และจุดยิง นายสนธิ เพื่อหาความเชื่อมโยงกันของทั้ง 2 คดี ในเรื่องของยานพาหนะ ซึ่งผลการตรวจสอบพบว่า รถกระบะต้องสงสัยทั้ง 2 จุด เป็นรถกระบะยี่ห้อโตโยต้า วีโก้ สีดำ เหมือนกัน แต่การตรวจสอบอย่างละเอียด พบว่า เป็นรถคนละคัน ขณะนี้ที่ยืนยันได้ คือ โตโยต้าวีโก้ สีดำ อีกคันไม่ชัดเจนระหว่างฟอร์ด กับ มาสด้า เพราะภาพไม่ชัด แต่ทั้งหมดเป็นเพียงรถต้องสงสัยเท่านั้น ไม่สามารถยืนยันได้ว่าเป็นรถของคนร้าย”
อย่างไรก็ตาม มีรายงานล่าสุด แจ้งว่า ภายหลังจากที่ นายสนธิ ถูกคนร้ายถล่มด้วยอาวุธสงคราม และรอดตายมาได้ราวปาฏิหาริย์ กลายเป็นข่าวครึกโครมไปทั่วโลกนั้น ปรากฏว่า มีพยานผู้หนึ่งโทรศัพท์ไปแจ้งให้ชุดสืบสวน ว่า ก่อนจะเกิดเหตุได้ขับขี่รถจักรยานยนต์มาตามถนนสามเสน ก่อนถึงที่เกิดเหตุไม่มากนัก จากนั้นถูกรถกระบะ 2 คันขับปาดหน้าไปอย่างรวดเร็ว และจำได้ว่า รถ 1 ใน 2 คันเป็นรถกระบะโตโยต้า จำทะเบียนได้เพียงว่า เป็นหมวดจังหวัดสระบุรี ในขณะที่อีกคันไม่สามารถจดจำได้ ซึ่งขณะนี้ชุดสืบสวนได้ส่งข้อมูลดังกล่าวให้กับศูนย์สืบสวนดำเนินการตรวจสอบอย่างละเอียดแล้ว
พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ รอง ผบ.ตร.กล่าวถึงความคืบหน้าการสอบสวนคดีลอบสังหารนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ว่า ยังไม่ได้พบกับ นายสนธิ ก่อนหน้านี้ ให้สัมภาษณ์ไปแล้วว่าอยู่ระหว่างดำเนินการ ดังนั้น จะไม่พูดแล้ว ถ้าพูดแล้วต้องได้เรื่อง ถ้าไม่ได้เรื่องไม่พูด แต่คาดว่าภายในสัปดาห์นี้จะได้ความชัดเจนเรื่องการสอบสวน
ด้าน นายนิติธร ล้ำเหลือ ทนายความของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.)เปิดเผยหลังเดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน บก.น.1 เพื่อยื่นคำให้การเพิ่มเติมของ 21 แกนนำพันธมิตรฯเป็นลายลักษณ์อักษร ถึงกรณีที่ นายสนธิ ลิ้มทองกุล ถูกลอบยิงว่า ได้มีการพูดหรือกำชับอะไรเป็นพิเศษหรือไม่ นายนิติธร กล่าวว่า มีเพียงคดี 21 แกนนำ ส่วนเรื่องลอบยิงไม่ใช่หน้าที่เรา เป็นหน้าที่ของพนักงานสอบสวนที่ต้องหาความจริงให้ได้ แต่เบื้องต้นคงยังไม่สามารถให้การในรายละเอียดได้ เพราะมีอาการมึนศีรษะอยู่บ้าง
วันนี้ (27 เม.ย.) ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าในการคลี่คลายคดีคนร้ายใช้อาวุธสงคราม ยิงถล่ม นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์ ASTVผู้จัดการ และแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เหตุเกิดเมื่อเช้าตรู่วันที่ 17 เม.ย. บริเวณหน้าวัดเอี่ยมวรนุช ถนนสามเสน เขตพระนคร กทม.โดยขณะนี้เวลาล่วงเลยมาถึง 10 วันแล้ว ล่าสุด พล.ต.ต.สุพร พันธุ์เสือ รอง ผบช.น.โฆษกกองบัญชาการตำรวจนครบาล กล่าวว่า ภาพของรถต้องสงสัยที่ปรากฏบนหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่ง ซึ่งได้มาจากกล้องวงจรปิด ระบุว่า อาจเป็นรถต้องสงสัยของคนร้ายที่ลงมือยิงถล่มรถนายสนธินั้น คณะทำงานชุดคลี่คลายคดีชุดดังกล่าว อยู่ระหว่างการตรวจสอบ โดยเบื้องต้นพบว่า อาจเป็นรถกระบะยี่ห้อมาสด้า สีน้ำเงิน ซึ่งชุดสืบสวนอยู่ระหว่างดำเนินการต่อไป ว่า ภาพจากกล้องวงจรปิดดังกล่าว จะสามารถเห็นหน้าของคนร้าย หรือทะเบียนรถได้หรือไม่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภาพดังกล่าวเป็นภาพซึ่งได้จากกล้องวงจรปิดจุดหนึ่ง เป็นลักษณะคล้ายภาพขาวดำ โดยจับภาพรถกระบะวิ่งผ่านกล้อง เป็นภาพค่อนข้างเบลอ แต่ที่น่าสังเกต คือ มีคนนั่งอยู่ที่ท้ายรถกระบะคันดังกล่าวประมาณ 3-4 คน ทั้งหนึ่งในนั้นยังสวมหมวกไหมพรมด้วย
ทั้งนี้ ภาพจากกล้องวงจรปิดภาพดังกล่าว ที่ถูกระบุว่า เป็นรถกระบะมาสด้านั้น สอดคล้องกับกรณีที่ พล.ต.ท.วรพงษ์ ชิวปรีชา ผบช.น.ออกมาระบุหลังเกิดเหตุการณ์ได้ 4 วัน เมื่อวันที่ 20 เม.ย.ว่า “ได้นำแชมป์แฟนพันธุ์แท้รถมือสอง มาช่วยตรวจสอบภาพรถกระบะต้องสงสัย ที่บันทึกได้จากกล้องวงจรปิดทั้ง 2 จุด คือ บริเวณศาลรัฐธรรมนูญ และจุดยิง นายสนธิ เพื่อหาความเชื่อมโยงกันของทั้ง 2 คดี ในเรื่องของยานพาหนะ ซึ่งผลการตรวจสอบพบว่า รถกระบะต้องสงสัยทั้ง 2 จุด เป็นรถกระบะยี่ห้อโตโยต้า วีโก้ สีดำ เหมือนกัน แต่การตรวจสอบอย่างละเอียด พบว่า เป็นรถคนละคัน ขณะนี้ที่ยืนยันได้ คือ โตโยต้าวีโก้ สีดำ อีกคันไม่ชัดเจนระหว่างฟอร์ด กับ มาสด้า เพราะภาพไม่ชัด แต่ทั้งหมดเป็นเพียงรถต้องสงสัยเท่านั้น ไม่สามารถยืนยันได้ว่าเป็นรถของคนร้าย”
อย่างไรก็ตาม มีรายงานล่าสุด แจ้งว่า ภายหลังจากที่ นายสนธิ ถูกคนร้ายถล่มด้วยอาวุธสงคราม และรอดตายมาได้ราวปาฏิหาริย์ กลายเป็นข่าวครึกโครมไปทั่วโลกนั้น ปรากฏว่า มีพยานผู้หนึ่งโทรศัพท์ไปแจ้งให้ชุดสืบสวน ว่า ก่อนจะเกิดเหตุได้ขับขี่รถจักรยานยนต์มาตามถนนสามเสน ก่อนถึงที่เกิดเหตุไม่มากนัก จากนั้นถูกรถกระบะ 2 คันขับปาดหน้าไปอย่างรวดเร็ว และจำได้ว่า รถ 1 ใน 2 คันเป็นรถกระบะโตโยต้า จำทะเบียนได้เพียงว่า เป็นหมวดจังหวัดสระบุรี ในขณะที่อีกคันไม่สามารถจดจำได้ ซึ่งขณะนี้ชุดสืบสวนได้ส่งข้อมูลดังกล่าวให้กับศูนย์สืบสวนดำเนินการตรวจสอบอย่างละเอียดแล้ว
พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ รอง ผบ.ตร.กล่าวถึงความคืบหน้าการสอบสวนคดีลอบสังหารนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ว่า ยังไม่ได้พบกับ นายสนธิ ก่อนหน้านี้ ให้สัมภาษณ์ไปแล้วว่าอยู่ระหว่างดำเนินการ ดังนั้น จะไม่พูดแล้ว ถ้าพูดแล้วต้องได้เรื่อง ถ้าไม่ได้เรื่องไม่พูด แต่คาดว่าภายในสัปดาห์นี้จะได้ความชัดเจนเรื่องการสอบสวน
ด้าน นายนิติธร ล้ำเหลือ ทนายความของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.)เปิดเผยหลังเดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน บก.น.1 เพื่อยื่นคำให้การเพิ่มเติมของ 21 แกนนำพันธมิตรฯเป็นลายลักษณ์อักษร ถึงกรณีที่ นายสนธิ ลิ้มทองกุล ถูกลอบยิงว่า ได้มีการพูดหรือกำชับอะไรเป็นพิเศษหรือไม่ นายนิติธร กล่าวว่า มีเพียงคดี 21 แกนนำ ส่วนเรื่องลอบยิงไม่ใช่หน้าที่เรา เป็นหน้าที่ของพนักงานสอบสวนที่ต้องหาความจริงให้ได้ แต่เบื้องต้นคงยังไม่สามารถให้การในรายละเอียดได้ เพราะมีอาการมึนศีรษะอยู่บ้าง