ตร.เตรียมออกหมายจับ “ม็อบแม้วแดง” รุมยำทหารบาดเจ็บ!

ตำรวจเตรียมออกหมายจับ “ม็อบแม้วแดง” รุมยำทหารบาดเจ็บ ขณะที่รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล “อำนวย นิ่มมะโน” ยืนยันดำเนินการเรื่องกฎหมายต่อผู้ชุมนุมทุกกลุ่มไม่มียกเว้น พูดเรื่อยเปื่อยใครคิดว่าไม่เป็นกลางให้กลับไปคิดใหม่ได้ ยกตัวเป็นอาจารย์สอนเรื่องการสอบสวน ไม่เคยสอนให้เอนเอียงเข้าข้างฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด  


วันนี้ (2 มี.ค.) ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล เมื่อเวลา 14.30 น. พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รอง ผบช.น. กล่าวภายหลังการประชุมพนักงานสอบสวน สน.ชนะสงคราม สน.ดุสิต สน.นางเลิ้ง ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีการชุมนุม เพื่อเร่งรัดคดีเกี่ยวกับการชุมนุมว่า วันนี้ได้เรียกประชุมพนักงานสอบสวนในพื้นที่ที่มีการชุมนุมบ่อยครั้ง ประชุมเร่งรัดสำนวนค้าง ไม่ว่าจะเป็นการชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดง หรือกลุ่ม นปช. หรือกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ซึ่งเป็นคดีอยู่และยังดำเนินการไม่เสร็จสิ้น โดยการประชุมวันนี้เป็นการเร่งรัดในทุกเรื่องไม่มีการเลือกปฏิบัติ วันนี้ได้สั่งเร่งรัดติดตามซึ่งผลการดำเนินการมีความพอใจในระดับหนึ่ง ที่ค้างอยู่นั้นเนื่องจากต้องรอผลตรวจพิสูจน์ หรือเพิ่มเติมประเด็นการสอบสวน โดยทำไปพร้อมๆ กันทั้งสองกลุ่ม โดยไม่มีการเลือกปฏิบัตินอกจากนี้จะเรียกพนักงานสอบสวน สน.ดอนเมือง สน.หนองจอก สน.ลาดกระบัง ส่วนคดีที่สนามบินสุวรรณภูมินั้นเป็นหน้าที่ของ กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 โดยมีสำนักงานตำรวจแห่งชาติเป็นหัวหน้าพนักงานสอบสวน ซึ่งในส่วนปฏิบัติ พร้อมที่จะดำเนินการ หากติดขัดส่วนใดก็จะรีบดำเนินการ เพื่อตอบคำถามสังคมให้ได้ว่าทุกคดีมีการดำเนินการและต่อเนื่องจริงจังไม่ว่าจะเป็นฝ่ายใดก็แล้วแต่ต้องดำเนินการตามกฎหมาย

สำหรับกลุ่มเสื้อแดงที่มีการทำร้ายทหารนั้น ได้ให้ผู้เสียหายดูภาพถ่ายและยืนยันแล้ว ซึ่งคาดว่าพรุ่งนี้จะสามารถดำเนินการขออนุมัติขอหมายจับและดำเนินการตามกฎหมาย ซึ่งส่วนนี้เป็นสิ่งยืนยันได้ว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการกับทุกกลุ่มทุกสีเสื้อโดยไม่มีการเลือกปฏิบัติ เพราะทุกครั้งที่มีการชุมนุมหรือเคลื่อนไหวทางการเมืองตนจะออกมาเตือนทุกครั้ง ต้องชุมนุมอย่างสงบและปราศจากอาวุธอย่างแท้จริง เพื่อจะไม่ให้มีการละเมิดกฎหมายเกิดขึ้น เพราะหากละเมิดกฎหมายและมีการบังคับใช้ก็จะเกิดการกระทบกระทั่ง

“ผมทำงานมากว่า 30 ปี ในสายสอบสวน ผมไม่เคยถูกกล่าวหาว่าไม่เป็นกลาง เพราะฉะนั้นใครที่คิดว่าผมไม่เป็นกลางไม่เป็นธรรม คิดผิด คิดใหม่ได้” พล.ต.ต.อำนวยกล่าว

รอง ผบช.น.ผู้นี้ยังกล่าวถึงกรณีที่นายนิติธร ล้ำเหลือ ตัวแทนกลุ่มพันธมิตรฯ เข้ายื่นหนังสือ ขอเลื่อนการเข้าพบพนักงานสอบสวน โดยอ้างว่ากระชั้นชิดและไม่มีเวลาเตรียมพยานหลักฐานที่จะหักล้างข้อกล่าวหาว่า เบื้องต้นได้นำเสนอไปยัง พล.ต.ท.ภาณุพงษ์ สิงหรา ณ อยุธยา ผู้ช่วย ผบ.ตร. หัวหน้าคณะพนักงานสอบสวน ซึ่งเชื่อว่าน่าจะให้โอกาสผู้ถูกกล่าวหาต่อสู้คดีพิสูจน์ความบริสุทธิ์ได้อย่างเต็มที่ และจากการพูดคุยจะมากันครบในวันที่ 30 มี.ค.ก็ถือเป็นเรื่องที่ดีและตำรวจมีการเตรียมพนักงานสอบสวนไว้พร้อมแล้ว

“ส่วนที่ว่าจะมีการยื่นคัดค้านขอเปลี่ยนตัวพนักงานสอบสวนนั้น ผมขอยืนยันว่าตั้งแต่เป็นตำรวจมา และยังเป็นอาจารย์ได้สั่งสอนพนักงานสอบสวนว่าให้กระบวนการยุติธรรมเป็นธรรมและเป็นกลาง มีหน้าที่ในการรวบรวมพยานหลักฐานและค้นหาความจริงเบื้องต้นเพื่นำเสนอตามกระบวนการยุติธรรมอย่าไปลำเอียง อย่าไปเข้าข้างใดข้างหนึ่ง เราเป็นต้นธารแห่งความยุติธรรม และผมก็ยืนอยู่จุดนี้มาโดยตลอด และดำเนินการกับทุกฝ่ายไม่มีการเลือกปฏิบัติ เพราะบ้านเมืองมีขื่อมีแป ไม่อยากให้กฎหมายเป็นเพียงกระดาษเปื้อนน้ำหมึกไม่ได้” พล.ต.ต.อำนวย กล่าว

ด้าน พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 1 (ผบก.น.1) กล่าวถึงคดีม็อบเสื้อแดงรุมทำร้าย ส.อ.อำนวย ทองรินทร์ ทหารประจำกองพันทหารราบมณฑลทหารบกที่ 11 ที่ปลอมตัวเข้าไปปะปนในผู้ชุมนุมสืบสวนหาข่าวจนได้รับบาดเจ็บเมื่อกลางดึกวันที่ 25 ก.พ.ว่า พนักงานสอบสวนได้นำภาพเหตุการณ์ที่ปรากฎในกล้องวงจรปิดและจากกล้องวิดีโอต่างๆ ที่บันทึกได้ให้ ส.อ.อำนวย ที่ตกเป็นผู้เสียหายตรวจสอบแล้วและยืนยันชี้ตัวผู้ต้องหาที่รุมทำร้ายซึ่งจำหน้าได้เพียง 1 คนเป็นชายที่ร่วมกันรุมทำร้ายและหน่วงเหนี่ยวกักขัง ขณะนี้อยู่ระหว่างตรวจสอบว่าเป็นใครมาจากไหนและจะรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขออนุมัติศาลออกหมายจับบุคคลดังกล่าวในเร็วๆ นี้ เมื่อผู้เสียหายยืนยันชี้ตัวเพียงคนเดียวเท่านั้นจากบุคคลที่ปรากฏในภาพจำนวนหลายคนเราก็พร้อมดำเนินการ