พันธมิตรฯ เตรียมยื่นคัดค้านการออกหมายจับ 21 แกนนำ ชี้ตำรวจเลือกปฏิบัติและทำคดีมิชอบ ขยันเกินเหตุ ขณะที่คดีเสื้อแดงกลับไม่คืบหน้า ทั้งที่เวลาล่วงเลยมานาน แต่ย้ำเชื่อมั่นกระบวนการศาล ระบุผลสอบ 7 ตุลาฯของ “ชายกระโปรง” ไม่น่าเชื่อถือ ชี้คนสั่งฆ่ากลับตั้งคณะกรรมการสอบเอง
วันนี้ (20 ก.พ.) นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ให้ความเห็นกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจเตรียมออกหมายจับแกนนำพันธมิตรฯ อีก 21 คน คงเป็นการออกหมายจับเพิ่มเติมจาก 9 แกนนำ ที่โดนข้อหากบฏก่อนหน้านี้ ซึ่งจากการปรึกษาทีมทนายพันธมิตรฯ คือ นายสุวัฒน์ อภัยภักดิ์ และ นายนิติธร ล้ำเหลือ แล้วก็จะยื่นเรื่องคัดค้านการออกหายจับทันทีเหมือนกับกรณีออกหมายจับ 9 แกนนำก่อนหน้านี้
“ที่แปลกก็คือ ทำไมไม่มีการออกหมายเรียกก่อน จู่ๆ จะออกหมายจับ ทั้งที่แกนนำ หรือผู้ถูกกล่าวหา หรือถูกดำเนินคดีในนามพันธมิตรฯ ไม่มีใครหลบหนีไปไหนทั้งสิ้น เรายืนยันจะเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม และพร้อมใช้สิทธิทางศาลทุกระดับ เพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของพวกเรา เพราะเราเชื่อมั่นกระบวนการยุติธรรมของประเทศยังน่าเชื่อถือ และให้ความเป็นธรรมกับผู้บริสุทธิ์ได้” นายสุริยะใส ระบุ
ผู้ประสานงานพันธมิตรฯ ยังแสดงความแปลกใจว่า ทำไมทางตำรวจให้ความสนใจกับคดีพันธมิตรฯ ฝ่ายเดียว ในขณะที่คดีที่เกี่ยวข้องกับแกนนำ นปช.และคนในเครือข่ายระบอบทักษิณ ไม่เห็นตำรวจรายงานให้ประชาชน ทราบว่าถึงไหนแล้ว ทั้งๆ ที่หลายคดีเป็นคดีสำคัญร้ายแรง และก่อเหตุก่อนที่พันธมิตรฯจะมาชุมนุมอีกด้วยซ้ำ แต่กลับเงียบหายไป เช่น คดีบุกบ้านสี่เสาฯ คดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ของแกนนำ นปช.หรือแม้แต่คดีที่คนของพันธมิตรฯ ถูกทำร้ายร่างกายในหลายจังหวัด และได้ไปแจ้งความไว้ตามโรงพักต่างๆ กลับไม่มีความคืบหน้าเลย และย้ำว่าพวกเราพร้อมให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ แต่อย่าเลือกปฏิบัติ
สำหรับผลการสอบสวนกรณีเหตุการณ์ 7 ตุลา โดยคณะกรรมการที่นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ เป็นคนแต่งตั้ง และระบุว่าไม่สามารถเอาผิดใครได้นั้น ไม่ใช่เรื่องแปลก ถ้าสามารถระบุคนผิดได้ นายสมชาย ก็คงไม่ลงนามคำสั่งแต่งตั้ง จุดยืนของพันธมิตรฯ ไม่ยอมรับคณะกรรมการสอบสวนชุดนี้ตั้งแต่ต้นแล้ว เพราะไม่ชอบด้วยกฎหมาย เนื่องจากเข้าข่ายมีส่วนได้เสีย เพราะผู้ลงนาม คือ นายสมชาย ถูกกล่าวหาว่า สั่งการให้มีการใช้ความรุนแรงสลายการชุมนุม ซึ่งผลสอบของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติก็ยืนยันข้อเท็จจริงดังกล่าว
ฉะนั้น ในช่วงที่มีการสอบสวนแกนนำพันธมิตรฯ จึงไม่ไปให้การกับคณะกรรมการชุดดังกล่าว เพราะเท่ากับไปสร้างความชอบธรรมให้กับความไม่ชอบธรรม จงไม่แปลกที่ในรายงานการสอบสวนเป็นการให้ข้อมูลจากตำรวจฝ่ายเดียว และกล่มบุคคลที่ไปให้ข้อมูลต่อคณะกรรมการก็ไม่รู้ว่าจัดตั้งมาหรือเปล่า ซึ่งกรรมการสอบสวนหลายคนก็รู้ตัวดีอยู่แล้ว ว่า ทำงานต่อไปไม่ได้ จึงสรุปรายงานการทำงานต่อคณะรัฐมนตรี ซึ่งไม่ใช่รายงานสรุปผลการสอบสวนแต่อย่างใด ซึ่ง รมต.สาทิตย์ วงศ์หนองเตย ก็ระบุไว้เช่นกันว่าไม่ใช่ข้อสรุป
“กรณีเหตุการณ์ 7 ตุลา ผมคิดว่าไม่จำเป็นต้องสอบสวนต่อ เพราะองค์กรอิสระอย่างคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ และคณะกรรมาธิการของวุฒิสภา ได้สอบสวน และมีการชี้มูล และระบุผู้รับผิดชอบไปแล้ว ผลการสอบสวนได้ถูกส่งให้ ป.ป.ช.ชุดใหญ่ เพื่อสอบสวนต่อและเอาผิดผู้เกี่ยวข้องอยู่ในขณะนี้ นอกจากนี้ บางส่วนได้เข้าสู่ศาลกระบวนการยุติธรรมไปแล้วจึงไม่มีความจำเป็นต้องสอบสวนต่อ” นายสุริยะใส กล่าว และว่ารัฐบาลควรจะใช้รายงานสรุปผลการสอบสวนของกรรมการสิทธิฯ และคณะกรรมาธิการวุฒิสภา เพื่อดำเนินการเอาผิดกับผู้เกี่ยวข้อง และเยียวยาผู้บาดเจ็บและได้รับความเสียหายในระยะยาวน่าจะดีกว่า