เจ้าหน้าที่จากกรมบังคับคดี ปิดหมายศาลแพ่ง สั่งม็อบเสื้อแดงเปิดทาง หลังไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาล โดยจะนำคณะสื่อมวลชนร่วมเดินทางเป็นสักขีพยานในการรื้อถอนสิ่งกีดขวางตามคำสั่งศาลบนถนนลูกหลวง เพื่อให้สามารถนำรถเข้า-ออกทำเนียบรัฐบาลได้ พร้อมทั้งประสานกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อคุ้มกัน ด้าน รอง ภาณุ แจ้งหลีกเลี่ยงเส้นทางม็อบ
วันนี้ (7 เม.ย.) ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล เจ้าหน้าที่จากกรมบังคับคดีจำนวน 30 นาย เดินทางเข้าพบ พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 1 (ผบก.น.1) เพื่อหารือและเตรียมการปิดคำสั่งศาลแพ่งที่ทำเนียบรัฐบาล กรณีให้ผู้ชุมนุมแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เปิดทางให้ข้าราชการ และคณะรัฐมนตรีเข้าทำงานได้ โดยจะมีการนำคณะสื่อมวลชนร่วมเดินทางเป็นสักขีพยานในการรื้อถอนสิ่งกีดขวางตามคำสั่งศาลบนถนนลูกหลวงเพื่อให้สามารถนำรถเข้า-ออกทำเนียบรัฐบาลได้ พร้อมทั้งประสานกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อคุ้มกันด้วย
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 31 มี.ค.สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (สปน.) ได้ยื่นฟ้องศาลแพ่ง เพื่อให้กลุ่มผู้ชุมนุมเสื้อแดงเปิดทางเพื่อให้คณะรัฐมนตรีและข้าราชการ ต่อมาศาลมีคำสั่ง ให้กลุ่มผู้ชุมนุมเปิดถนนลูกหลวง ซึ่งเป็นทางเข้าออกทำเนียบรัฐบาล ตั้งแต่แยกเทวกรรมถึงสะพานมัฆวานรังสรรค์ และเปิดประตูที่ 6 และ 8 ของทำเนียบรัฐบาล เพื่อให้ข้าราชการ รวมทั้งคณะรัฐมนตรี และผู้ที่ไปติดต่อราชการสามารถเข้าออกได้ และให้ใช้เครื่องขยายเสียงในความดังที่เหมาะสม ไม่รบกวนการทำงานของเจ้าหน้าที่ในทำเนียบรัฐบาล ในช่วงเวลาทำการวันจันทร์ถึง วันศุกร์ ตั้งแต่เวลา 08.30-16.30 น.โดยคำสั่งให้มีผลทันที
ต่อมา เจ้าหน้าที่กรมบังคับคดี ได้ประสานมายัง บช.น.เพื่อไปปิดประกาศหมายศาลแพ่ง โดยมี พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รอง ผบช.น. พร้อมด้วย พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ผบก.น.1 ร่วมกันนำหมายศาลไปส่งให้ นายวีระ มุสิกพงศ์ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ และ นายจตุพร พรหมพันธุ์ 3 แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง แต่ทั้ง 3 ไม่อยู่ในบริเวณเวทีปราศรัย จึงนำคำสั่งศาลมาติดประกาศไว้ที่ประตูที่ 6 และ 8 แทน แต่กลุ่มคนเสื้อแดงยังไม่ปฏิบัติตาม เจ้าหน้าที่ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี จึงแจ้งต่อศาลอีกครั้งว่าจำเลยและบริวารยังไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาล และกรมบังคับคดีนัดติดหมายศาลอีกครั้งในวันนี้
ต่อมาผู้สื่อข่าวรายงานว่า การปิดหมายได้ยกเลิกไปก่อน เนื่องจากเจ้าหน้าที่บังคับคดีสามารถเจรจาตกลงกับ กลุ่มผู้ชุมนุมได้แล้ว โดยกลุ่มผู้ชุมนุม จะยอมเปิดเส้นทางให้เจ้าหน้าที่เข้าออกทำเนียบรัฐบาล ได้ตามคำสั่งศาล
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงเช้า พล.ต.ท.วรพงษ์ ชิวปรีชา ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เรียกประชุมนายตำรวจระดับรองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ผู้บังคับการตำรวจนครบาล และนายตำรวจที่เกี่ยวข้อง ในการดูแลความสงบเรียบร้อยการชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช.เพื่อประเมินสถานกาณณ์และวางมาตรการป้องกันเหตุรุนแรงวันนัดชุมนุมใหญ่วันพรุ่งนี้ โดยการประชุมได้มีการประเมินจำนวนผู้ชุมนุมที่จะมารวมตัวกัน ทั้งบริเวณหน้าทำเนียบรัฐบาล ลานพระบรมรูปทรงม้า และบ้านสี่เสาเทเวศร์ ของ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ว่า มีจำนวนเท่าใด เพื่อจัดวางกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจประจำตามจุดต่างๆ เพื่อดูแลความสงบเรียบร้อยของผู้ชุมนุมให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด
นอกจากนี้ ยังมีการประเมินด้านการข่าว เพื่อป้องกันกลุ่มมือที่สามที่จะเข้ามาก่อความวุ่นวายขึ้น ซึ่งประเด็นดังกล่าว กองบัญชาการตำรวจนครบาลเน้นย้ำให้เจ้าหน้าที่ดูแลเป็นพิเศษ ทั้งนี้ ยังมีการเปลี่ยนแผนรับมือกลุ่มคนรักแผ่นดิน ที่จะมาตั้งเวทีหน้าบ้านพักสี่เสาเทเวศร์ เพื่อไม่ให้เกิดการปะทะกับกลุ่มเสื้อแดง จนเกิดเหตุการณ์บานปลายได้
อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่า ในส่วนของกำลังเจ้าหน้าที่ทหารที่จะเข้ามาร่วมดูแลผู้ชุมนุม ขณะนี้ยังอยู่ในฐานที่ตั้ง ที่กองทัพจัดไว้ รวมทั้งภายในบ้านพัก พล.อ.เปรม และทำเนียบรัฐบาลเท่านั้น
ต่อมาเวลา 11.30 น.พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ผบก.น.1 กล่าวว่า การชุมนุมใหญ่ของกลุ่มคนเสื้อแดงที่จะเคลื่อนขบวนไปยังหน้าบ้านหน้าบ้านสี่เสาเทเวศร์ ของ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ในวันที่ 8 เมษายนนี้ หากมีผู้ชุมนุมมาเยอะจะปิดการจราจรโดยอัตโนมัติและไม่มีการประกาศ คาดว่า จะมี 3 เส้นที่มีผลกระทบคือ ถนนพิษณุโลกตั้งแต่แยกนางเลิ้งมาถึงสามแยกเทเวศร์ เส้นที่ 2 แยกราชดำเนินนอกตั้งแต่สะพานมัฆวานรังสรรค์มาแยกพระปูทรงม้าถึงถนนอู่ทองใน และเส้นที่ 3 คือ ถนนศรีอยุธยาตั้งแต่แยกวัดเบญจญ ถึงสี่เสาเทเวศร์
พล.ต.ต.วิชัย กล่าวต่อว่า อีก 2 เส้นที่กระทบ คือ ถนนราชสีมากับเส้นถนนสามเสน เนื่องจากเส้นสามเสนติดกับบ้านประธานองคมนตรี หากจำนวนคนเยอะ ก็ต้องปิดตั้งแต่แยกซังฮี้ถึงแยกเทเวศน์ และอีกเส้นคือถนนราชสีมา ต้องปิดที่แยกการเรือนถึงแยกประชาเกษม จึงอยากฝากประชาชนว่าพรุ่งนี้ ไม่จำเป็นขอให้หลีกเลี่ยงเส้นทางโดยรอบทำเนียบ และรอบบ้านประธานองคมนตรี ถนนพิษณุโลก ถนนราชดำเนินนอก ถนนศรีอยุธยา ขอให้หลีกเลี่ยงทั้งวัน ส่วนวันที่ 9 – 10 เมษายน ขอให้ฟังประกาศเป็นระยะ และการปิดครั้งนี้เป็นการปิดตามสถานการณ์ไม่ได้ปิดเพราะมีการประกาศจากเจ้าพนักงาน ต้องดูปริมาณคนก่อนและจะปิดเท่าที่จำเป็น
“ส่วนที่ว่าจะมีคนมาร่วมชุมนุมเท่าใดนั้น คงต้องประเมินสถานการณ์ คาดว่าน่าจะมีผู้ร่วมชุมนุมร่วมแสนคน จะมากหรือน้อยกว่านี้คงขึ้นอยู่กับประชาชนจากต่างจังหวัดจะเข้ามาเท่าใด แต่คนในกรุงเทพฯก็น่าจะมีประมาณ 3 หมื่นคน ซึ่งทางการข่าวกำลังตรวจสอบอยู่ ส่วนในเรื่องมือที่3 ก็ฝากให้กลุ่มผู้ชุมและเจ้าหน้าที่ของรัฐช่วยกันดูแลด้วย ทุกคนต้องช่วยเฝ้าระวังอย่าให้มือที่ 3 มาแทรก เพื่อให้เรียบร้อยตามปกติ” ผบก.น.1 กล่าว
