“ทักษิณ” ทนฟังความจริงไม่ได้ ส่งทนายแจ้งความ “พล.อ.พิจิตร กุลละวณิชย์” องคมนตรี ฐานหมิ่นประมาท แฉเอาเงินโกงชาติกว่าแสนล้านไปฟอกที่เกาะเคย์แมน
วันนี้ (6 เม.ย.) เมื่อเวลา 11.00 น. นายวิชิต ปลั่งศรีสกุล ทนายความผู้รับมอบอำนาจจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร พร้อมด้วย นายวรัญชัย โชคชนะ แกนนำกลุ่มต่อต้านอภิสิทธิ์ชน และทีมทนายความ เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.สุรพันธ์ สุวรรณประดิษฐ์ พนักงานสอบสวน (สบ 2) สน.พระราชวัง เพื่อแจ้งความดำเนินคดีต่อ พล.อ.พิจิตร กุลละวณิชย์ องคมนตรี ฐานหมิ่นประมาท จากกรณีการให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนที่กระทรวงกลาโหม เมื่อวันที่ 3 เม.ย.ที่ผ่านมา โดยพาดพิงถึง พ.ต.ท.ทักษิณ ว่าเป็นผู้จ้องล้มล้างสถาบันเบื้องสูงและนำเงินกว่าแสนล้านบาทไปฟอกยังต่างประเทศ
นายวิชิตกล่าวว่า จากกรณีที่ พล.อ.พิจิตร ได้ให้ข่าวกับสื่อมวลชนที่กระทรวงกลาโหม เมื่อวันที่ 3 เม.ย.ที่ผ่านมาว่า พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นผู้คิดการณ์ล้มล้างสถาบันเบื้องสูง และพูดจาบจ้วงสถาบันเบื้องสูงทั้งที่อัยการเคยสั่งไม่ฟ้องไปแล้ว หนำซ้ำ พล.อ.พิจิตร ยังกล่าวให้ร้ายทำนองว่า พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นนายกรัฐมนตรี แค่ 6 ปี แต่สามารถโกงประเทศชาตินำเงินไปฟอกที่เกาะเคย์แมนได้เป็นแสนล้านบาท โดยคำพูดดังกล่าวไม่เป็นความจริง ล้วนแต่เป็นการให้ร้ายด้วยความเท็จทั้งสิ้น ตนจึงได้รับมอบอำนาจจาก พ.ต.ท.ทักษิณ พร้อมนำหลักฐานเป็นข้อความจากเว็บไซต์ และหนังสือพิมพ์ทุกฉบับมาแจ้งความกับพนักงานสอบสวน เพื่อให้ดำเนินคดีกับ พล.อ.พิจิตร ในข้อหาหมิ่นประมาทให้ถึงที่สุด
“นอกจากนี้ยังมีหลักฐานเป็นข้อความจากคำให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนของท่านผู้หญิงวิระยา ชวกุล ประธานคณะกรรมการและเลขาธิการมูลนิธิบำรุงขวัญทหาร ตำรวจ อาสาสมัครชายแดนในพระบรมราชินูปถัมภ์ ซึ่งเป็นบุคคลที่รับใช้ใกล้เบื้องพระยุคลบาท มาเป็นหลักฐานยืนยันด้วยว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ก็เป็นคนที่จงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์เช่นเดียวกับคนอีกกว่า 60 ล้านคนทั่วประเทศ และไม่เคยคิดล้มล้างสถาบันเบื้องสูงแต่อย่างใด ผมนขอยืนยันว่าจะดำเนินคดีอาญาให้ถึงที่สุด เพราะผู้ที่กล่าวหาผู้อื่นโดยไม่เป็นความจริงต้องได้รับโทษ และหวังว่าจะได้รับความเป็นธรรมจากพนักงานสอบสวน หากพนักงานสอบสวนไม่ให้ความเป็นธรรมหรือทำงานล่าช้าก็จะรวมตัวกันไปฟ้องศาลอาญาด้วยตนเองต่อไป” นายวิชิต กล่าว
จากนั้น นายวรัญชัย โชคชนะ แกนนำกลุ่มต่อต้านอภิสิทธิ์ชน ได้นำพวงหรีดสีม่วงสภาพเก่า ติดป้ายข้อความเขียนด้วยลายมือว่า “อาลัย...พิจิตร” มาวางบริเวณด้านหน้า สน.พระราชวัง พร้อมแจกเอกสารเรียกร้องให้ พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ และพล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรี ลาออกจากตำแหน่ง โดยอ้างเหตุผลเพื่อความสงบสุขของบ้านเมือง เนื่องจากขณะนี้มีพลังมวลชนจำนวนมากนัดชุมนุมต่อต้านและแสดงความไม่พอใจ ซึ่งอาจก่อให้เกิดเหตุการณ์รุนแรง จนถึงขั้นจลาจลลุกเป็นไฟนองเลือดหรือเกิดสงครามการเมืองขึ้นในแผ่นดินได้
ด้านพ.ต.อ.สุคุณ พรหมายน ผกก.สน.พระราชวัง กล่าวว่า ในเบื้องต้น เนื่องจากคดีนี้เป็นการแจ้งความดำเนินคดีกับบุคคลระดับสูง จึงได้รายงานไปยังผู้บังคับบัญชาภายในกองบัญชาการตำรวจนครบาล(บชน.)แล้ว เพื่อพิจารณาแนวทางการสืบสวนดำเนินคดีที่เหมาะสมต่อไป
พ.ต.อ.สุคุณ กล่าวว่า ตามปกติในคดีที่มีการร้องทุกข์กล่าวโทษบุคคลระดับองคมนตรี ผู้บังคับบัญชาระดับสูงของ บชน.จะต้องมีการพิจารณาแต่งตั้งพนักงานสอบสวนที่อาวุโสเข้ามารับผิดชอบสำนวนคดี หรืออาจต้องตั้งคณะทำงานมาดูเป็นพิเศษ ส่วนในขั้นตอนการสอบปากคำ พนักงานสอบสวนที่รับผิดชอบอาจไม่จำเป็นต้องเรียกตัวผู้ถูกกล่าวหามาให้การที่โรงพัก โดยอาจขอเข้าพบและสอบปากคำผู้ถูกกล่าวหาที่ไหนก็ได้