xs
xsm
sm
md
lg

ศาลสั่งม็อบแดงถ่อยเปิดทางเข้า-ออกทำเนียบ!

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม


ศาลแพ่งมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวทำเนียบรัฐบาล โดยสั่งให้ 3 เกลอหัวขวด เปิดถนนหลานหลวง ตั้งแต่แยกเทวกรรม ถึงสะพานมัฆวาน และให้เปิดประตูที่ 6 และประตูที่ 8 เพื่อให้ข้าราชการ คณะรัฐมนตรี และผู้มาติดต่อราชการเข้าออกได้ ระบุ แม้พวก 3 เกลอจะอ้างชุมนุมอย่างสงบ ปราศจากอาวุธ แต่ถือเป็นการละเมิดสิทธิ ทำให้ข้าราชการไม่สามารถเข้าออกไปปฏิบัติหน้าที่ได้ โดยให้มีผลทันที

วันนี้ (31 มี.ค.) ที่ศาลแพ่ง ถนนรัชดาภิเษก นายจาตุรงค์ ปัญญาดิลก รองปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (สปน.) เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายวีระ มุกสิกพงศ์, นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ และ นายจตุพร พรหมพันธุ์ 3 แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ร่วมกันเป็นจำเลยเรื่องละเมิด ขอให้ศาลมีคำสั่งให้พวกจำเลยพร้อมบริวารเปิดทางเข้าออกทำเนียบรัฐบาล พร้อมยื่นคำร้องไต่สวนฉุกเฉิน ให้ศาลมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว ให้จำเลยและกลุ่มผู้ชุมนุมคนเสื้อแดงเปิดทางเข้าออกทำเนียบรัฐบาล เพื่อให้ข้าราชการเข้าทำงานได้ตามปกติ ศาลได้เปิดบัลลังก์ 702 ทำการไต่สวนฉุกเฉิน

คำฟ้องใจความว่า โจทก์มีหน้าที่อำนวยการบริหารราชการในส่วนที่เกี่ยวกับทำเนียบรัฐบาล อันเป็นที่ทำการของผู้บริหารรัฐบาล จำเลยเป็นแกนนำกลุ่ม นปช.ทำการเคลื่อนไหวต่อต้านรัฐบาล โดยเมื่อวัน 26 มี.ค.ที่ผ่านมา พวกจำเลยได้นำประชาชนจำนวน 30,000 คน ที่รวมตัวกันที่บริเวณท้องสนามหลวง เดินขบวนไปยังถนนราชดำเนิน เพื่อทำการปิดล้อมทำเนียบรัฐบาล ทั้ง 4 ด้าน ปิดถนนพิษณุโลก ถนนนครปฐม ถนนลูกหลวง ถนนราชดำเนินกลาง นอกจากนี้จำเลยทั้งสาม กับพวกยังตั้งเวทีปราศรัยที่บริเวณ สะพานชมัยมรุเชษฐ์ ปราศรัยผ่านเครื่องขยายเสียง มีรถขายเสียงเคลื่อนที่ไปโดยรอบอีกด้วย การกระทำของจำเลยทั้งสามกับพวก เป็นการขัดขวางไม่ให้ข้าราชการ หรือเจ้าพนักงานที่ทำงานในทำเนียบรัฐบาล รวมทั้งประชาชนที่ต้องการจะเข้าไปติดต่อราชการในทำเนียบรัฐบาล ไม่สามารถเดินเข้าออกได้โดยสะดวก การกระทำของจำเลยทั้งสาม ส่งผลกระทบต่อเสรีของโจทก์ จึงขอให้ศาลมีคำสั่งให้จำเลยทั้งสามกับพวกเปิดเส้นทางเข้าออกทำเนียบรัฐบาล ตั้งแต่ถนนลูกหลวง แยกสะพานเทวกรรม ถึงแยกสะพานมัฆวานรังสรรค์ติดคลองผดุงกรุงเกษม รวมถึงให้งดการใช้เครื่องขยายเสียงอีกด้วย

สำหรับการไต่สวนฉุกเฉินครั้งนี้ โจทก์มีพยานรวม 4 ปาก ขึ้นเบิกความ ประกอบด้วย นายมงคล แสงหิรัญ ผู้อำนวยการสำนักกฎหมายและระเบียบกลาง, นายสมพาศ นิลพันธ์ ผู้อำนวยการกองการเจ้าหน้าที่สำนักนายกรัฐมนตรี, นายพงศ์ศักดิ์ ศิริวงษ์ ผู้อำนวยการสำนักสถานที่ และรักษาความปลอดภัย สำนักเลขาธิการ สำนักนายกรัฐมนตรี และ พ.ต.ท.นพสิน พูลสวัสดิ์ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สังกัดศูนย์สืบสวน บช.น.เข้าเบิกความเป็นพยาน โดยมี นายคารม พลทะกลาง ทนายความจำเลย เป็นผู้ซักค้าน คำเบิกความของพยานทั้ง 4 ปาก โดยทนายความจำเลย ค้านในประเด็นว่า กลุ่มผู้ชุมนุมไม่ได้เข้าไปภายในทำเนียบรัฐบาล มีการชุมนุมโดยสงบปราศจากอาวุธ และการขออำนาจศาลแพ่งวินิจฉัยเพิกถอนสิทธิการชุมนุมของกลุ่ม นปช.นั้น ไม่สามารถกระทำได้ เนื่องจากอยู่ระหว่างการวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ อำนาจการวินิจฉัยกรณีดังกล่าวแก่ ศาลแพ่ง หรือศาลปกครอง

ต่อมา เมื่อเวลา 19.00 น.ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานในชั้นไต่สวนฉุกเฉินแล้ว เห็นว่า แม้รัฐธรรมนูญในราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2550 มาตรา 61 วรรคหนึ่ง จะบัญญัติไว้ว่า ประชาชนย่อมมีสิทธิในการชุมนุมโดยสงบ และปราศจากอาวุธ และวรรคสองบัญญัติว่า สิทธิการชุมนุมตามวรรคหนึ่ง ไม่สามารถละเมิดได้ แต่การที่จำเลยทั้ง 3 นำกลุ่มผู้ชุมนุมขับไล่รัฐบาล โดยปิดล้อมทางเข้าออกทำเนียบ ทำให้ข้าราชการตลอดจนเจ้าหน้าที่ ไม่สามารถเดินทางเข้าปฏิบัติหน้าที่ได้โดยสะดวกตามสมควร อีกทั้งมีการใช้เครื่องขยายเสียงดังตลอดเวลา ซึ่งเป็นการรบกวนการทำงาน ซึ่งถือเป็นการใช้สิทธิเกินสมควร จึงเห็นควรให้นำเอามาตรการคุ้มครองมาใช้ โดยมีคำสั่งให้ จำเลยทั้ง 3 เปิดถนนลูกหลวง ซึ่งเป็นยทางเข้าออกทำเนียบรัฐบาลตั้งแต่แยกเทวกรรมถึงสะพานมัฆวานรังสรรค์ และเปิดประตูที่ 6 และ 8 ของทำเนียบรัฐบาล เพื่อให้ข้าราชการของโจทก์ รวมทั้งคณะรัฐมนตรี และผู้ที่ไปติดต่อราชการสามารถเข้าออกได้ และให้ใช้เครื่องขยายเสียงในความดังที่เหมาะสม ไม่รบกวนการทำงานของเจ้าหน้าที่ในทำเนียบรัฐบาล ในช่วงเวลาทำการวันจันทร์ ถึง วันศุกร์ ตั้งแต่เวลา 08.30-16.30 น.โดยคำสั่งให้มีผลทันที
กำลังโหลดความคิดเห็น