ปลัดยุติธรรม ตั้งคณะกรรมการสอบกรณีเงินบริจาคบริษัททีพีไอ รั่ว กำชับหากสำนวนคดีรั่วจากผู้ตรวจสอบจะถูกดำเนินคดีอาญา ขณะที่ ดีเอสไอ แจงส่งเอกสารให้ กกต.ครบ แต่อาจเข้าใจผิดเรื่องหมายเลขเอกสาร
วันนี้ (24 มี.ค.) ที่ กระทรวงยุติธรรม นายกิตติพงษ์ กิตยารักษ์ ปลัดกระทรวงยุติธรรม เปิดเผยว่า หลังจากที่ นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ตั้งข้อสังเกตว่า อาจมีสำนวนคดีไซฟ่อนเงิน บริษัท ทีพีไอโพลีน จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นคดีในความรับผิดชอบของกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) รั่วไหลไปยังบุคคลภายนอก ทั้งนี้ หากข้อกล่าวหาดังกล่าวเป็นความจริง ก็จะส่งผลเสียหายต่อภาพลักษณ์ของกระทรวงยุติธรรม และ ดีเอสไอ จึงได้สั่งการให้ นายชาญเชาวน์ ไชยานุกิจ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม ที่กำกับดูแลดีเอสไอ เข้าไปตรวจสอบข้อเท็จจริง และกำชับให้รายงานผลมายังกระทรวงยุติธรรมโดยเร็วที่สุด นอกจากนั้น ยังสั่งการให้กองการเจ้าหน้าที่ตรวจสอบทั้งประเด็นข้อกฎหมาย และข้อเท็จจริงจากการถอดเทปคำอภิปรายไม่ไว้วางใจ ในประเด็นที่เกี่ยวพันกับคดีบริษัท ทีพีไอ เพื่อตรวจสอบอีกทางหนึ่งว่า มีสำนวนคดีบางส่วนรั่วไหลจริงตามที่มีการกล่าวอ้างหรือไม่
“ทั้งนี้ เพื่อให้ได้ข้อมูลเบื้องต้นว่า หากมีการกระทำผิดวินัยข้าราชการเกิดขึ้น กระทรวงจะมีแนวทางปฏิบัติอย่างไร รวมถึงในประเด็นข้อกฎหมายที่คณะกรรมการตรวจสอบอาจต้องเข้าไปตรวจรายละเอียดบางส่วนที่มีการนำเสนอต่อสื่อมวลชน” นายกิตติพงษ์ กล่าว
ปลัดกระทรวงยุติธรรม กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตาม การตรวจสอบจะต้องไม่กระทบต่อรูปคดี โดยวิธีการตรวจสอบอาจจะเรียกบุคคลที่เกี่ยวข้องกับสำนวนคดีมาสอบปากคำ แทนการเข้าไปตรวจสอบรายละเอียดในสำนวนคดีและหากความลับในสำนวนคดีรั่วไหลจากบุคคลที่เข้าไปตรวจสอบ บุคคลนั้นจะต้องรับผิดทางอาญา
ด้าน พ.ต.อ.สุชาติ วงศ์อนันต์ชัย รองอธิบดีดีเอสไอ ในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวนคดีไซฟ่อนเงินบริษัท ทีพีไอ ยืนยันว่า ดีเอสไอได้ส่งสำนวนหลักฐานในคดีให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ครบถ้วน โดยข่าวที่ระบุว่า อาจมีสำนวนการสอบสวนบางแฟ้มสูญหายนั้นไม่เป็นความจริง แต่อาจเกิดความเข้าใจสับสนคลาดเคลื่อนเรื่องหมายเลขเอกสาร เนื่องจากเอกสารปะหน้า ระบุว่า สำนวนการสอบสวนทั้งสิ้นรวม 8 แฟ้ม โดยกล่องที่ 1 บรรจุแฟ้มที่ 1-4 และกล่องที่ 2 บรรจุแฟ้มที่ 5-7 ส่วนแฟ้มเอกสารที่ขาดหายไป คือ แฟ้มที่ 2/1 จึงอาจทำให้เกิดความเข้าใจผิดขึ้น อย่างไรก็ตาม ดีเอสไอพร้อมจะส่งเจ้าหน้าทื่ไปร่วมเป็นพยานในการเปิดกล่องเอกสารสำนวนคดีที่ได้จัดส่งไปให้ กกต.ก่อนหน้านี้ ทั้งนี้ หาก กกต.ตรวจสอบแล้วพบว่าเอกสารส่วนใดหายไปให้แจ้งมายังอธิบดีดีเอสไอ ทางพนักงานสอบสวนจะทำสำเนาเอกสารในสำนวนที่หายไป ให้ กกต.อีกครั้ง
“ตอนนี้ทุกคนกำลังปัดความรับผิดชอบ เพราะรัฐบาลกำลังตั้งคณะกรรมการเข้ามาตรวจสอบการรั่วไหลของข้อมูลเงินบริจาค 258 ล้านบาท ของบริษัท ทีพีไอ แต่ผมในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวนเรื่องนี้ พร้อมจะชี้แจงทุกประเด็นสงสัย และตอบคำถามทุกเรื่อง ไม่ว่าหน่วยงานใดจะว่าอย่างไร ตอนนี้หลายคนกำลังออกมาปฏิเสธว่าไม่เคยเห็นสำนวน ไม่เกี่ยวข้อง ก็ไม่เป็นไร ส่วนกรณีที่ กกต.ออกมาระบุว่า จะเชิญเจ้าหน้าที่ดีเอสไอเข้าไปร่วมเป็นคณะกรรมการเปิดกล่องสำนวนก็ยินดีไม่มีปัญหาอยู่แล้ว” พ.ต.อ.สุชาติ กล่าว