ปฏิบัติการของตำรวจสน.โคกคราม ภายใต้การควบคุมสั่งการของ พ.ต.ต.นิพนธ์ จันสุมาวงศ์ สว.จร.สน.โคกคราม ที่ใช้กำลังตำรวจ 50 นาย พร้อมเจ้าหน้าที่อาสาสมัคร ตั้งจุดตรวจและปิดล้อมบริเวณถนนเกษตร-นวมินทร์ ตัดเลียบคลองลำเจียก โดยใช้รถบรรทุก 10 ล้อ จำนวน 2 คัน และบรรทุก 6 ล้อ จำนวน 3 คันปิดหัวท้ายถนนเกษตร-นวมินทร์ ด้านขาเข้า เพื่อสกัดบรรดาเด็กแว้นซิ่งรถจักรยานยนต์ ซึ่งสามารถจับกุมนักซิ่งได้รวม 47 คน รถจักรยานยนต์ของกลางรวม 51 คัน
การปฏิบัติการครั้งนี้ คาดไม่ถึงว่า ร.ต.อ.สุรพล ดาวแจ้ง รอง สว.จร.สน.โคกคราม ที่เข้าร่วมปฏิบัติการด้วย จะได้รับบาดเจ็บค่อนข้างหนัก เพราะถูกนายเอ (นามสมมติ) อายุ 15 ปี ขับรถพุ่งเข้าชนอย่างจัง จนล้มลงทำให้กระดูกคอเคลื่อน กระดูกหัวเข่าแตก
ต้องยอมรับว่า บรรดานักซิ่งจยย. ที่ยึดท้องถนนหลวงเป็นสนามประลองความเร็วนั้น มีกันอยู่ทุกพื้นที่ สุดแล้วแต่ว่า พื้นที่ไหน จะสามารถรวมตัวได้มากน้อยแค่ไหน ซึ่งขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง โดยเฉพาะถนน และตำรวจท้องที่ หากถนนดี เป็นทางตรงยาว มีทางหนีทีไล่หลายทาง บวกกับตำรวจไม่ค่อยเอาใจใส่ บริเวณนั้นแหละ จะเป็นที่ชุมนุมของพวกเด็กนรก ที่คอยสร้างความเดือดร้อนรำคาญให้ชาวบ้านมิหยุดหย่อน
หลังจากจับกุมตัวบรรดาเด็กแว้นได้แล้ว ตำรวจซึ่งเป็นผู้จับกุมและพนักงานสอบสวน ทำได้เพียงตั้งข้อหาร่วมกันกระทำผิด พ.ร.บ.ขนส่งทางบก ขับรถด้วยความเร็วสูงโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยหรือความเดือดร้อนของผู้อื่น ไม่สวมหมวกนิรภัย ขับรถโดยไม่มีใบอนุญาต ส่วนคนที่ชนตำรวจบาดเจ็บ ก็ถูกแยกไปตั้งข้อหาที่หนักกว่าตามรูปคดี
เมื่อเด็กๆถูกจับ พ่อแม่ก็พากันแห่ไปโรงพัก ขอประกันตัวทันที โดยไม่ฟังเหตุผล บ้างก็ว่า ตำรวจทำงานชักช้า มีเจตนากลั่นแกล้งจะให้ลูกๆพวกเขานอนคุกบ้างล่ะ มีเพียงส่วนน้อยเท่านั้น ที่ต้องการให้ตำรวจช่วย"ดัดสันดาน"ลูกชายคนโปรดบ้าง ซึ่งน่าจะมีไม่ถึง 1 เปอร์เซ็นต์เสียด้วยซ้ำ อย่างไรก็ตาม ตำรวจทำได้เพียง ส่งตัวบรรดาเด็กแว้นไปคุมขังยังบ้านเมตตา และให้พ่อแม่ผู้ปกครองไปยื่นเรื่องขอประกันตัวเด็กที่บ้านเมตตากันเอาเอง ส่วนที่อายุเกินกว่าจะเข้าบ้านเมตตาได้ ก็จะส่งฟ้องศาลให้ตัดสินโทษทันที
ทั้งนี้ ในขั้นตอนของการปฏิบัติ ตำรวจมีหน้าที่ป้องกัน และปราบปรามจับกุมเท่านั้น แต่ต้องยอมรับด้วยว่า บรรดาเด็กแว้น-เด็กเวรเหล่านี้ ส่วนใหญ่เป็นพวก"นกรู้" รู้ว่า ตรงจุดไหน มีตำรวจตั้งด่าน ก็จะหลีกเลี่ยง ทั้งสถานที่และเวลา ซึ่งส่งผลให้การรปราบปรามของตำรวจก็เป็นได้โดยยาก ซึ่งการจับกุมเด็กแว้นจำนวนมากเช่นนี้ นอกจากจะต้องมีการวางแผน เตรียมกาารอย่างเป็นระบบแล้ว ยังต้องคำนึงถึงความปลอดภัย โดยเฉพาะไม่ใช่แค่ความปลอดภัยของตำรวจชุดจับกุมปิดล้อม แต่ต้องคำนึงถึงความปลอดภัยของตัวเด็กแว้นด้วย หากเกิดเหตุไม่คาดคิดขึ้น ตำรวจคงต้องรับไปเต็มๆ เรื่องนี้ต้องเห็นใจตำรวจบ้าง
หลังการจับกุม เมื่อเด็กๆ ถูกส่งไปยังบ้านเมตตาแล้ว ก็จะอยู่ในการดูแลของกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน ซึ่งจะจัดการอบรมเด็กร่วมกับผู้ปกครองตามโปรแกรมช็อกเทอราปีเป็นเวลา 5 วัน โดยโปรแกรมดังกล่าวไม่มีอันตรายใดๆ ต่อเด็ก แต่เป็นการพัฒนาพฤติกรรมเชิงบวก ผ่านกิจกรรมที่มุ่งเน้นให้เด็กตระหนักถึงความผิด หรือปรับเปลี่ยนพฤติกรรมที่กระทำอยู่ตามปกติ ให้หันไปสู่ทิศทางที่เหมาะสมมีวินัย ที่สำคัญไม่หันไปกระทำผิดซ้ำซากอีก หลังนั้น จึงจะให้ประกันตัวในวันสุดท้ายของการอบรม โดยผู้ปกครองจะใช้หลักทรัพย์หรือเงินสดประกันตัว คนละประมาณ 3,000 บาท
เมื่อผ่านการอบรมมจากกรมพินิจฯแล้ว เด็กก็จะถูกนำตัวส่งฟ้องศาลเยาวชนและครอบคัวกลางต่อไปภายใน 30 วัน ซึ่งศาลจะมีคำพิพากษาเป็นอย่างไร ไม่สามารถที่จะคาดเดาได้
อย่างไรก็ตาม เท่าที่ผ่านมา ทั้งตำรวจ กรมพินิจ และศาล ต่างก็ดำเนินการตามสมควรกับบรรดาเด็กๆเหล่านี้ไปแล้ว แต่ทำไม การแข่งขันซิ่งรถจยย.กันบนท้องถนนหลวง จึงมีเกิดขึ้นกันทุกพื้นที่ เมื่อมีการจับกุมเด็กๆได้จำนวนมากๆครั้งหนึ่ง ก็จะมีการออกมาระบุว่า ต่อไป จะต้องเอาผิดกับพ่อแม่ผู้ปกครอง ที่ปล่อยให้เด็กไปสร้างความเดือดร้อนรำคาญให้กับชาวบ้าน แต่กี่ครั้งแล้ว ที่ยังไม่มีการดำเนินการดังกล่าวอย่างจริงจัง
หากตำรวจดำเนินการปราบปราม จับกุมอย่างจริงจัง และประสานกันทุกพื้นที่ เชื่อว่า ปัญหาเหล่านี้ จะบรรเทาลงได้ ขณะเดียวกัน กรมพินิจฯ ก็ดำเนินการอบอรมเด็กๆเหล่านี้อย่างมีประสิทธิภาพ แม้พ่อแม่ผู้ปกครองจะต้องเสียน้ำตาไปบ้าง ให้อยู่กินนอนซัก 1 เดือนเป็นอย่างน้อย ก็ยังดีที่ยังได้บุตรหลานกลับมา แต่หากยัง(ขืน)ปล่อยให้บุตรหลานไปซิ่งจยย.อีก สักวันหนึ่ง อาจจะเสียน้ำตาโดยที่จะไม่มีวันได้บุตรหลานกลับคืนมา ขณะเดียวกัน หากศาลจะพิจารณาพิพากษาลงโทษไปตามสมควรแก่ความผิด พร้อมทั้งสั่งยึดรถจยย.ของกลางไว้เป็นของหลวงเพื่อประโยชน์แก่ทางราชการก็จะดีไม่น้อย โดยที่ หากรถของกลางของเด็กๆที่นำมาซิ่งยังผ่อนไม่หมด ก็ให้บริษัทไฟแนนซ์ดำเนินการกับผู้ซื้อไปตามสัญญา เป็นการดัดสันดานไปในตัว หรือจะมีกลวิธีอื่นที่ดีกว่านี้ ก็ยินดีสนับสนุน!
การปฏิบัติการครั้งนี้ คาดไม่ถึงว่า ร.ต.อ.สุรพล ดาวแจ้ง รอง สว.จร.สน.โคกคราม ที่เข้าร่วมปฏิบัติการด้วย จะได้รับบาดเจ็บค่อนข้างหนัก เพราะถูกนายเอ (นามสมมติ) อายุ 15 ปี ขับรถพุ่งเข้าชนอย่างจัง จนล้มลงทำให้กระดูกคอเคลื่อน กระดูกหัวเข่าแตก
ต้องยอมรับว่า บรรดานักซิ่งจยย. ที่ยึดท้องถนนหลวงเป็นสนามประลองความเร็วนั้น มีกันอยู่ทุกพื้นที่ สุดแล้วแต่ว่า พื้นที่ไหน จะสามารถรวมตัวได้มากน้อยแค่ไหน ซึ่งขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง โดยเฉพาะถนน และตำรวจท้องที่ หากถนนดี เป็นทางตรงยาว มีทางหนีทีไล่หลายทาง บวกกับตำรวจไม่ค่อยเอาใจใส่ บริเวณนั้นแหละ จะเป็นที่ชุมนุมของพวกเด็กนรก ที่คอยสร้างความเดือดร้อนรำคาญให้ชาวบ้านมิหยุดหย่อน
หลังจากจับกุมตัวบรรดาเด็กแว้นได้แล้ว ตำรวจซึ่งเป็นผู้จับกุมและพนักงานสอบสวน ทำได้เพียงตั้งข้อหาร่วมกันกระทำผิด พ.ร.บ.ขนส่งทางบก ขับรถด้วยความเร็วสูงโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยหรือความเดือดร้อนของผู้อื่น ไม่สวมหมวกนิรภัย ขับรถโดยไม่มีใบอนุญาต ส่วนคนที่ชนตำรวจบาดเจ็บ ก็ถูกแยกไปตั้งข้อหาที่หนักกว่าตามรูปคดี
เมื่อเด็กๆถูกจับ พ่อแม่ก็พากันแห่ไปโรงพัก ขอประกันตัวทันที โดยไม่ฟังเหตุผล บ้างก็ว่า ตำรวจทำงานชักช้า มีเจตนากลั่นแกล้งจะให้ลูกๆพวกเขานอนคุกบ้างล่ะ มีเพียงส่วนน้อยเท่านั้น ที่ต้องการให้ตำรวจช่วย"ดัดสันดาน"ลูกชายคนโปรดบ้าง ซึ่งน่าจะมีไม่ถึง 1 เปอร์เซ็นต์เสียด้วยซ้ำ อย่างไรก็ตาม ตำรวจทำได้เพียง ส่งตัวบรรดาเด็กแว้นไปคุมขังยังบ้านเมตตา และให้พ่อแม่ผู้ปกครองไปยื่นเรื่องขอประกันตัวเด็กที่บ้านเมตตากันเอาเอง ส่วนที่อายุเกินกว่าจะเข้าบ้านเมตตาได้ ก็จะส่งฟ้องศาลให้ตัดสินโทษทันที
ทั้งนี้ ในขั้นตอนของการปฏิบัติ ตำรวจมีหน้าที่ป้องกัน และปราบปรามจับกุมเท่านั้น แต่ต้องยอมรับด้วยว่า บรรดาเด็กแว้น-เด็กเวรเหล่านี้ ส่วนใหญ่เป็นพวก"นกรู้" รู้ว่า ตรงจุดไหน มีตำรวจตั้งด่าน ก็จะหลีกเลี่ยง ทั้งสถานที่และเวลา ซึ่งส่งผลให้การรปราบปรามของตำรวจก็เป็นได้โดยยาก ซึ่งการจับกุมเด็กแว้นจำนวนมากเช่นนี้ นอกจากจะต้องมีการวางแผน เตรียมกาารอย่างเป็นระบบแล้ว ยังต้องคำนึงถึงความปลอดภัย โดยเฉพาะไม่ใช่แค่ความปลอดภัยของตำรวจชุดจับกุมปิดล้อม แต่ต้องคำนึงถึงความปลอดภัยของตัวเด็กแว้นด้วย หากเกิดเหตุไม่คาดคิดขึ้น ตำรวจคงต้องรับไปเต็มๆ เรื่องนี้ต้องเห็นใจตำรวจบ้าง
หลังการจับกุม เมื่อเด็กๆ ถูกส่งไปยังบ้านเมตตาแล้ว ก็จะอยู่ในการดูแลของกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน ซึ่งจะจัดการอบรมเด็กร่วมกับผู้ปกครองตามโปรแกรมช็อกเทอราปีเป็นเวลา 5 วัน โดยโปรแกรมดังกล่าวไม่มีอันตรายใดๆ ต่อเด็ก แต่เป็นการพัฒนาพฤติกรรมเชิงบวก ผ่านกิจกรรมที่มุ่งเน้นให้เด็กตระหนักถึงความผิด หรือปรับเปลี่ยนพฤติกรรมที่กระทำอยู่ตามปกติ ให้หันไปสู่ทิศทางที่เหมาะสมมีวินัย ที่สำคัญไม่หันไปกระทำผิดซ้ำซากอีก หลังนั้น จึงจะให้ประกันตัวในวันสุดท้ายของการอบรม โดยผู้ปกครองจะใช้หลักทรัพย์หรือเงินสดประกันตัว คนละประมาณ 3,000 บาท
เมื่อผ่านการอบรมมจากกรมพินิจฯแล้ว เด็กก็จะถูกนำตัวส่งฟ้องศาลเยาวชนและครอบคัวกลางต่อไปภายใน 30 วัน ซึ่งศาลจะมีคำพิพากษาเป็นอย่างไร ไม่สามารถที่จะคาดเดาได้
อย่างไรก็ตาม เท่าที่ผ่านมา ทั้งตำรวจ กรมพินิจ และศาล ต่างก็ดำเนินการตามสมควรกับบรรดาเด็กๆเหล่านี้ไปแล้ว แต่ทำไม การแข่งขันซิ่งรถจยย.กันบนท้องถนนหลวง จึงมีเกิดขึ้นกันทุกพื้นที่ เมื่อมีการจับกุมเด็กๆได้จำนวนมากๆครั้งหนึ่ง ก็จะมีการออกมาระบุว่า ต่อไป จะต้องเอาผิดกับพ่อแม่ผู้ปกครอง ที่ปล่อยให้เด็กไปสร้างความเดือดร้อนรำคาญให้กับชาวบ้าน แต่กี่ครั้งแล้ว ที่ยังไม่มีการดำเนินการดังกล่าวอย่างจริงจัง
หากตำรวจดำเนินการปราบปราม จับกุมอย่างจริงจัง และประสานกันทุกพื้นที่ เชื่อว่า ปัญหาเหล่านี้ จะบรรเทาลงได้ ขณะเดียวกัน กรมพินิจฯ ก็ดำเนินการอบอรมเด็กๆเหล่านี้อย่างมีประสิทธิภาพ แม้พ่อแม่ผู้ปกครองจะต้องเสียน้ำตาไปบ้าง ให้อยู่กินนอนซัก 1 เดือนเป็นอย่างน้อย ก็ยังดีที่ยังได้บุตรหลานกลับมา แต่หากยัง(ขืน)ปล่อยให้บุตรหลานไปซิ่งจยย.อีก สักวันหนึ่ง อาจจะเสียน้ำตาโดยที่จะไม่มีวันได้บุตรหลานกลับคืนมา ขณะเดียวกัน หากศาลจะพิจารณาพิพากษาลงโทษไปตามสมควรแก่ความผิด พร้อมทั้งสั่งยึดรถจยย.ของกลางไว้เป็นของหลวงเพื่อประโยชน์แก่ทางราชการก็จะดีไม่น้อย โดยที่ หากรถของกลางของเด็กๆที่นำมาซิ่งยังผ่อนไม่หมด ก็ให้บริษัทไฟแนนซ์ดำเนินการกับผู้ซื้อไปตามสัญญา เป็นการดัดสันดานไปในตัว หรือจะมีกลวิธีอื่นที่ดีกว่านี้ ก็ยินดีสนับสนุน!