“วรพงษ์” เยี่ยมอาการลูกน้อง สั่งปูนบำเหน็จเต็มที่ หมอเผยเข่า-หน้าแข้งยุบ เพื่อผ่าตัด ส่วนสมองต้องรอเช็กอย่างละเอียด คาดใช้เวลารักษาตัวประมาณ 4 เดือน เจ้าตัวเผยอยากหายไวๆ จะได้กลับไปปฏิบัติหน้าที่ ผบช.น. เตือนผู้ปกครองควรหากิจกรรมทำช่วงปิดเทอม อย่าออกมาก่อความเดือดร้อนรำคาญ ส่วน ผบก.น.2 สั่ง สอบรถที่ยึดได้ อาจพบความเชื่อมโยงการก่อเหตุอื่นๆ ส่วนหากพบผู้ปกครองซื้อให้เตรียมฟันผู้ปกครองด้วย
วันนี้ (15 มี.ค.) ที่โรงพยาบาลตำรวจ เมื่อเวลา 14.00 น. พล.ต.ท.วรพงษ์ ชิวปรีชา ผบช.น. พร้อมด้วย พล.ต.ต.สาโรจน์ พรหมเจริญ ผบก.น.2 และ พ.ต.อ.มาโนช รัตนโชติ ผกก.สน.โคกคราม เดินทางเข้าเยี่ยมพร้อมมอบเงินสวัสดิการช่วยเหลือเบื้องต้นแก่ ร.ต.อ.สุรพล ดาวแจ้ง รอง สว.จร.สน.โคกคราม ที่ถูกแก๊งเด็กแว้น ซิ่งจักรยานยนต์ชนจนได้รับบาดเจ็บ ที่นอนพักรักษาตัวที่ห้องเลขที่ 601 ชั้น 6 หอผู้ป่วยข้าราชการตำรวจบาดเจ็บ อาคารเฉลิมพระเกียรติ ร.9 โรงพยาบาลตำรวจ โดยมี นางจิตรลดา ดาวแจ้ง อายุ 47 ปี ภรรยา และนายสุริยะ ดาวแจ้ง อายุ 21 ปี บุตรชาย ให้การต้อนรับ
ร.ต.อ.สุรพล ที่ยังนอนพักอยู่บนเตียงคนไข้ มีเฝือกดามที่คอ และขาขวา กล่าวขอบคุณ ผบช.น.และคณะพร้อมเล่าเหตุการณ์ให้ฟังสั้นๆ ว่า ก่อนเกิดเหตุตนพร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.โคกคราม ไปสกัดจับกุมแก๊งซิ่งรถจักรยานยนต์ซิ่ง ตามแผนที่กำหนดไว้ โดยตนรับผิดชอบอยู่บริเวณด้านหน้าโรงเรียนเลิศหล้า ถนนเกษตรนวมินทร์ ฝั่งมุ่งหน้าไปทางแยกเกษตร โดยจุดนั้นใช้รถยนต์ 6 ล้อ ขวางช่องถนนจำนวน 3 คัน แต่จังหวะนั้นมีรถของชาวบ้านแล่นผ่านออกไปพอดี ทำให้ตนต้องตัดสินใจเปิดการจราจรให้ และเป็นจังหวะเดียวกับที่แก๊งรถซิ่ง ขับย้อนศรผ่านมาและพุ่งฝ่าวงล้อมของเจ้าหน้าที่ออกมาชนตนจนได้รับบาดเจ็บ
“ตอนนั้นผมพยายามกระโดดหลบแล้วแต่ก็ไม่พ้น ซึ่งตอนนี้ไม่อยากคิดอะไรมากแค่อยากให้ตัวเองหายไวๆ เพราะอยากกลับไปปฏิบัติหน้าที่ต่อ แต่อาการขณะนี้ก็ยังรู้สึกปวดที่หัวเข่า และปวดศีรษะ ซึ่งเป็นห่วงก็เพียงเรื่องสมองซึ่งแพทย์ยังต้องดูอาการอยู่ตลอด 24 ชั่วโมง” ร.ต.อ.สุรพล กล่าว
ด้าน พล.ต.ท.วรพงษ์ กล่าวว่า จากการสอบถามอาการของ ร.ต.อ.สุรพล กระดูกหัวเข่าและหน้าแข้งข้างขวาแตก ประกอบกับกระดูกคอเคลื่อน ท้ายทอยช้ำ และศีรษะด้านหลังแตก แพทย์เจ้าของไข้แจ้งว่าต้องรอให้แผลบวมบริเวณเข่าและหน้าแข้งยุบเสียก่อนคาดว่าน่าจะประมาณ 1 สัปดาห์จึงจะผ่าตัดได้ โดยหลังจากนั้นคงต้องรออีกราว 3-4 เดือน กว่าที่ผู้บาดเจ็บจะหายกลับมาปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างเดิม
พล.ต.ท.วรพงษ์ กล่าวอีกว่า ช่วนี้เป็นช่วงปิดเทอมอยากฝากไปถึงพ่อแม่ผู้ปกครองด้วยว่าการจับกุมบุตรหลานท่านมาลงโทษคงไม่ใช่เป้าหมายในการป้องกันเหตุที่แท้จริง แต่ถ้าหากท่านปล่อยปละละเลยให้บุตรหลานมาทำแบบนี้ก็จะมีกฎหมายบังคับไว้อยู่แล้วว่าท่านอาจจะถูกลงโทษด้วย ทางที่ดีควรช่วยกันหากิจกรรมที่เป็นประโยชน์ให้บุตรหลานทำในช่วงนี้จะดีกว่า
“สำหรับนโยบายการเสริมสร้างความปลอดภัยให้กับเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน ซึ่งก่อนหน้านี้ตนได้สั่งการไปถึงทุกโรงพักแล้วว่า ให้ช่วยกันไปคิดหาแผนการป้องกันและปราบปราม ตลอดจนยุทธวิธีตำรวจที่ใช้ในการสกัดจับกุมกลุ่มคนจำนวนมาก อย่างพวกแก๊งซิ่งรถแข่งแบบนี้เอาไว้แล้ว เพราะแต่ละพื้นที่จะรู้ดีว่าเขตของตัวเองมีปัญหาตรงจุดไหนเพื่อลดความสูญเสียที่อาจเกิดขึ้นทั้ง 2 ฝ่าย” พล.ต.ท.วรพงษ์ กล่าว
ด้าน พล.ต.ต.สาโรจน์ ในส่วนของผู้ต้องหาทั้ง 51 คน และรถ จยย.ทั้ง 51 คัน ที่ถูกจับถูกยึดมาเมื่อคืนนี้นั้น จะถูกตรวจสอบประวัติอย่างละเอียด โดยเยาวชนก็จะถูกส่งต่อไปยังสถานพินิจ ส่วนผู้ต้องหาที่เป็นผู้ใหญ่ก็จะถูกส่งฟ้องศาล ส่วน รถ จยย. แต่ละคันก็จะให้ฝ่ายสืบสวนไปหาข้อมูลที่มาที่ไป ว่าได้มาอย่างไร เคยเอาไปใช้ก่อเหตุร้ายมาบ้างหรือไม่ ถ้าพบว่ารายไหนที่ผู้ปกครองซื้อรถมาให้บุตรหลานนำมาใช้แข่งตามถนนหลวงก็จะต้องดำเนินคดีกับผู้ปกครองด้วย ซึ่งจะต้องขอเวลาตรวจสอบอีกสักระยะ และต้องขอชมเชยเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานทุกนายด้วย เพราะทุกคนมีความตั้งใจและใช้ความพยายามกันอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะ ร.ต.อ.สุรพล ซึ่งได้รับบาดเจ็บ ในเบื้องต้นตนได้มอบเงินสวัสดิการช่วยเหลือในส่วนของ บก.น.2 ไปแล้ว และทาง ผบช.น.ก็นำมามอบให้อีก ในส่วนของการปูนบำเหน็จความชอบนั้นต้องทำกันอยู่แล้ว เพราะทราบมาว่า ร.ต.อ.สุรพล มีความขยันขันแข็ง ทุ่มเท และตั้งใจปฏิบัติหน้าที่มาโดยตลอด