ตม.โชว์จับแก๊งแขกอินเดียเปิดร้านขายอัญมณีบังหน้า ซื้อขายกับร้านอื่นเริ่มแรกจ่ายเงินสด พอเครดิตดีก็จ่ายเป็นเช็คแทน แต่เมื่อนำไปขึ้นเงินเช็คดันมีสปริงเมื่อถูกจับอ้างว่าเคยทำธุรกิจจิวเวลรี่-ภาพยนตร์ในอินเดียแต่เจ๊ง เลยเข้ามาหากินในไทยเกือบ 20 ปีแล้ว และถูกคนไทยโกงเงินไปกว่าร้อยล้านเลยทำให้เช็คเด้ง ด้านตำรวจ บอกแก๊งนี้โกงลวงเหยื่อสร้างความเสียหายเป็นพันล้าน แถมปลอมพาสปอร์ตเข้าประเทศด้วย
วันนี้(20 มี.ค.) เมื่อเวลา 13.10 น. พล.ต.ท.ชัชวาลย์ สุขสมจิตร์ ผบช.สตม. พล.ต.ต.พิทักษ์ จารุสมบัติ รอง ผบช.สตม.และ พ.ต.ท.สมชาย เดชแพ รอง ผกก.1 ศสส.สตม. ร่วมแถลงข่าวจับกุมนายอาร์จูน ปาราซาร์ เดอร์กาชานการ์ หรือมูเกส ดักการ์ซาการ์ ชาร์มา นายมาเฮซกุมาร ดูร์กาชานการ์ ชามาร์ และนายปาวัน กุมาร เจน สัญชาติอินเดียทั้งสามคม และเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลแขวงพระนครใต้ ที่805/2551 ลงวันที่ 10 พ.ย.51 ,เลขที่ 96/2552 ลงวันที่ 17 ก.พ.52 และเลขที่ 808/2551 ลงวันที่ 1 ธ.ค.51 ตามลำดับ ในข้อหาร่วมกันฉ้อโกง และร่วมกันออกเช็คเพื่อชำระหนี้ที่มีอยู่จริง และบังคับใช้ได้ตามกฎหมาย โดยเจตนาที่จะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็คนั้น และเป็นบุคคลต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด
พล.ต.ท.ชัชวาลย์ เปิดเผยว่า ผู้ต้องหากลุ่มนี้มีพฤติกรรมเปิดร้านจำหน่ายอัญมณีบังหน้า จากนั้นจะติดต่อซื้อขายอัญมณีจากร้านอื่นๆ โดยช่วงแรกจะจ่ายเป็นเงินสด เมื่อผู้เสียหายตายใจ ก็จะเริ่มสั่งสินค้าในจำนวนมากๆ แล้วจะจ่ายเป็นเช็คธนาคารแทน แต่เมื่อผู้เสียหายนำเช็คไปขึ้นเงินที่ธนาคาร ก็จะพบว่าเช็คดังกล่าวไม่สามารถขึ้นเงินได้ จากนั้นผู้ต้องหาก็จะปิดร้านหลบหนีไป จนเจ้าหน้าที่ทำการรวบรวมหลักฐานขออนุมัติหมายจับ และติดตามจับกุมผู้ต้องหาได้ที่ร้านทรีบาร์ ถนนเกษตรนวมินทร์ เมื่อเวลา 03.00 น.วันนี้
จากการสอบสวนผู้ต้องหาทั้งหมดให้การรับสารภาพว่า โดยนายอาร์จูน ปาราซาร์ เดอร์กาชานการ์ อ้างว่าก่อนหน้านี้เคยทำธุรกิจเปิดร้านจิวเวลรี่ และบริษัททำภาพยนตร์อยู่ที่ประเทศอินเดีย แต่ภายหลังบริษัทเจ๊ง ก็เข้ามาอยู่เปิดบริษัทขายจิวเวลรี่ที่ประเทศไทยได้ 19 ปี แล้วภายหลังถูกคนไทยโกงไปประมาณ 150 ล้านบาท จึงทำให้ตนหาเงินมาหมุนในเช็คไม่ทันจนทำให้เช็คเด้งดังกล่าว
พล.ต.ท.ชัชวาลย์ กล่าวด้วยว่า จากการตรวจสอบพบว่า ผู้ต้องหากลุ่มนี้ได้กระทำการในลักษณะดังกล่าวมาแล้วกว่า 2 ปี มูลค่าความเสียหายกว่า 1 พันล้านบาท นอกจากนี้กลุ่มผู้ต้องหายังพยายามหลบหนีคดีด้วยการว่าจ้างแก๊งปลอมแปลงหนังสือเดินทางของประเทศอินเดีย ทำหนังสือเดินทางปลอมเพื่อใช้หลบหนีออกนอกประเทศด้วย เบื้องต้นควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมาย พร้อมผลักดันออกนอกประเทศต่อไป
วันนี้(20 มี.ค.) เมื่อเวลา 13.10 น. พล.ต.ท.ชัชวาลย์ สุขสมจิตร์ ผบช.สตม. พล.ต.ต.พิทักษ์ จารุสมบัติ รอง ผบช.สตม.และ พ.ต.ท.สมชาย เดชแพ รอง ผกก.1 ศสส.สตม. ร่วมแถลงข่าวจับกุมนายอาร์จูน ปาราซาร์ เดอร์กาชานการ์ หรือมูเกส ดักการ์ซาการ์ ชาร์มา นายมาเฮซกุมาร ดูร์กาชานการ์ ชามาร์ และนายปาวัน กุมาร เจน สัญชาติอินเดียทั้งสามคม และเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลแขวงพระนครใต้ ที่805/2551 ลงวันที่ 10 พ.ย.51 ,เลขที่ 96/2552 ลงวันที่ 17 ก.พ.52 และเลขที่ 808/2551 ลงวันที่ 1 ธ.ค.51 ตามลำดับ ในข้อหาร่วมกันฉ้อโกง และร่วมกันออกเช็คเพื่อชำระหนี้ที่มีอยู่จริง และบังคับใช้ได้ตามกฎหมาย โดยเจตนาที่จะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็คนั้น และเป็นบุคคลต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด
พล.ต.ท.ชัชวาลย์ เปิดเผยว่า ผู้ต้องหากลุ่มนี้มีพฤติกรรมเปิดร้านจำหน่ายอัญมณีบังหน้า จากนั้นจะติดต่อซื้อขายอัญมณีจากร้านอื่นๆ โดยช่วงแรกจะจ่ายเป็นเงินสด เมื่อผู้เสียหายตายใจ ก็จะเริ่มสั่งสินค้าในจำนวนมากๆ แล้วจะจ่ายเป็นเช็คธนาคารแทน แต่เมื่อผู้เสียหายนำเช็คไปขึ้นเงินที่ธนาคาร ก็จะพบว่าเช็คดังกล่าวไม่สามารถขึ้นเงินได้ จากนั้นผู้ต้องหาก็จะปิดร้านหลบหนีไป จนเจ้าหน้าที่ทำการรวบรวมหลักฐานขออนุมัติหมายจับ และติดตามจับกุมผู้ต้องหาได้ที่ร้านทรีบาร์ ถนนเกษตรนวมินทร์ เมื่อเวลา 03.00 น.วันนี้
จากการสอบสวนผู้ต้องหาทั้งหมดให้การรับสารภาพว่า โดยนายอาร์จูน ปาราซาร์ เดอร์กาชานการ์ อ้างว่าก่อนหน้านี้เคยทำธุรกิจเปิดร้านจิวเวลรี่ และบริษัททำภาพยนตร์อยู่ที่ประเทศอินเดีย แต่ภายหลังบริษัทเจ๊ง ก็เข้ามาอยู่เปิดบริษัทขายจิวเวลรี่ที่ประเทศไทยได้ 19 ปี แล้วภายหลังถูกคนไทยโกงไปประมาณ 150 ล้านบาท จึงทำให้ตนหาเงินมาหมุนในเช็คไม่ทันจนทำให้เช็คเด้งดังกล่าว
พล.ต.ท.ชัชวาลย์ กล่าวด้วยว่า จากการตรวจสอบพบว่า ผู้ต้องหากลุ่มนี้ได้กระทำการในลักษณะดังกล่าวมาแล้วกว่า 2 ปี มูลค่าความเสียหายกว่า 1 พันล้านบาท นอกจากนี้กลุ่มผู้ต้องหายังพยายามหลบหนีคดีด้วยการว่าจ้างแก๊งปลอมแปลงหนังสือเดินทางของประเทศอินเดีย ทำหนังสือเดินทางปลอมเพื่อใช้หลบหนีออกนอกประเทศด้วย เบื้องต้นควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมาย พร้อมผลักดันออกนอกประเทศต่อไป
