“เจี๊ยบ โสภิตนภา-หน่อย บุษกร” เข้าตรวจดูทรัพย์สินที่คาดถูกแก๊ง “หมูสกปรก” โจรกรรม เจอทั้งนาฬิกา-สร้อยข้อมือล้อมเพชร ทำให้ดาราผู้เป็นเจ้าของมีสีหน้ายิ้มแย้ม ดีใจที่จะได้ของคืน ด้านตำรวจยังคงเร่งไล่ล่าผู้ร่วมขบวนการอีก 2 ราย กำชับ จนท.ให้ระวังตัวหากต้องปะทะ เพราะผู้ต้องหามีอาวุธครบมือติดตัวตลอด เนื่องจากใช้เงินที่ขโมยทรัพย์จัดหาปืนสนองตันหาตนเอง
จากกรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.น.4 ได้จับกุมแก๊งลักทรัพย์กว่า 200 ล้าน โดยมี นายหทัย หรือออฟ ไชยวัณณ์ อายุ 38 ปี นักแข่งรถชื่อดังเจ้าของฉายา “ไอ้หมูสกปรก” ผู้ต้องหาร่วมกับ นายณัฐ หรือโต้ง ชาหอม อายุ 32 ปี หัวหน้าแก๊ง นายสุภัทร หรือทอม เนินวิเชียร 29 ปี นายพีรวัฒน์ หรือพี ตะวันธรงค์ อายุ 23 ปี และนายกีรติ หรือเค กุมพล อายุ 30 ปี ก่อเหตุตระเวนลักทรัพย์ ตามบ้านเรือนเศรษฐีใน กทม.และล่าสุด นายหทัย ได้เข้ามอบตัวแล้วนั้น
ความคืบหน้าในวันนี้ (6 มี.ค.) เมื่อเวลา 11.00 น.ที่ กก.สส.น.4 มีเจ้าทุกข์หลายรายทยอยเดินทางเข้าดูทรัพย์สินของกลางจำนวนมาก จนเต็มห้อง เจ้าหน้าที่ต้องให้ลงชื่อไว้ทีละ 5 ราย ก่อนที่จะเข้าไปตรวจดูทรัพย์สิน เพราะเจ้าหน้าที่เกรงว่าทรัพย์สินจะสูญหาย ต่อมา นางโสภิตนภา หรือเจี๊ยบ ชุ่มภาณี พร้อมกับ นายธิตินัน์ ชุ่มภาณี สามี เดินทางเข้าพบ พ.ต.อ.ปกรณ์ กิตติวัฒน์ ผกก.สสส.น.4 เพื่อขอดูทรัพย์สินเพราะเคยถูกโจรขึ้นบ้านย่านสุขุมวิทได้ทรัพย์สินกว่า 5 ล้านบาท ในวันขึ้นบ้านใหม่ เจ้าหน้าที่จึงให้ดาราสาวพร้อมสามีเดินดูทรัพย์สิน ปรากฏว่ามีสร้อยข้อมือล้อมเพชรรายการที่ a2 พบว่า เหมือนของตนที่หายไปพร้อมกับนำมาลองใส่ได้พอดีกับข้อมือของดาราสาวพอดี ทำให้ดาราสาวมีสีหน้าแจ่มใส แต่ก็ยังไม่แน่ใจปล่อยให้ทางเจ้าหน้าที่ตรวจสอบอีกครั้ง ระหว่างนั้น นางบุษกร หรือหน่อย วงศ์พัวพันธ์ เดินทางมาพร้อมกับแม่สามี เดินทางมาถึง กก.สส.น.4 เดินเข้าไปทักทายกับเจี๊ยบ โสภิตนภา จากนั้นพากันเดินดูทรัพย์สินบนโต๊ะวางของกลางพบว่า ของกลางรายการที่ 75 เป็นนาฬิกาปาเต๊ะ สีดำ ดาราสาวถึงกับตกใจและยิ้มด้วยสีหน้าสุขใจ และกล่าวว่าเหมือนนาฬิกาที่หายไปมากและยังมีเครื่องประดับอีกหลายชิ้นที่หายไป โดยใช้เวลาตรวจสอบทรัพย์สินประมาณ 30 นาที ก่อนจะเดินทางกลับ
นางโสภิตนภา กล่าวว่า วันนี้ตนเดินทางมากับสามีเพื่อมาตรวจดูทรัพย์สิน ภายหลังจากที่ได้ทราบข่าวว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมแก๊งลักทรัพย์รายใหญ่ได้ หลังจากตรวจสอบแล้วพบสร้อยข้อมือล้อมเพชรที่คล้ายกับของตน แต่ไม่แน่ใจว่าใช่หรือไม่ ต้องตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง คนร้ายได้ขโมยทรัพย์สินภายในบ้านตนไปเมื่อเดือนสิงหาคม ปี 2551 เหตุเกิดในท้องที่ สน.ทองหล่อ ซึ่งทรัพย์สินที่สูญหายไปเป็นนาฬิกา และเครื่องประดับ รวมมูลค่าประมาณ 5 ล้านบาท หลังจากนี้จะนำเอกสารหลักฐานการแจ้งความและเอกสารใบซื้อขายสร้อยข้อมือล้อมเพชรมาให้เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบ
ด้าน นางบุษกรกล่าวว่า ในวันนี้ตนเดินทางมาพร้อมกับมารดา เพื่อมาตรวจสอบทรัพย์สินหลังทราบข่าวจากสื่อมวลชน จากการตรวจสอบทรัพย์สินของกลางพบนาฬิกา ยี่ห้อปาเต๊ะ ซึ่งมีลักษณะคล้ายกับของตนที่ถูกคนร้ายขโมยไป แต่ก็ยังไม่แน่ใจ จะต้องตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง เพราะทรัพย์สินดังกล่าวคนอื่นก็มีกันเยอะ วันนี้ตนได้เตรียมหลักฐานใบแจ้งความ และเอกสารการซื้อขายมาให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดูด้วย เบื้องต้นทราบว่ามีของกลางบางส่วนถูกนำไปจำนำและนำไปขายที่ปอยเปตแล้ว ซึ่งตนก็จะรอตรวจสอบของกลางที่จะนำออกมาจากโรงรับจำนำด้วยว่ามีของตนบ้างหรือไม่
นางบุษกร กล่าวต่อว่า คนร้ายขโมยทรัพย์สินภายในบ้านของตนไปเมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2549 ทรัพย์สินที่สูญหายไปมีทั้งนาฬิกา เครื่องประดับต่างๆ และเงินสด 2 แสนบาท รวมมูลค่าทรัพย์สินทั้งหมดที่ถูกคนร้ายขโมยไปประมาณ 7 ล้านบาท หลังจากเกิดเหตุตนทำทุกวิถีทางเพื่อที่จะให้ได้ทรัพย์สินคืนมา ทั้งทางไสยศาสตร์และไปดูหมอ ซึ่งหมอดูเคยบอกว่าจะได้ทรัพย์สินคืน จากนี้ไปตนและสามีก็คงจะไม่เก็บทรัพย์สินและของมีค่าเอาไว้ในบ้านแล้ว จะนำไปฝากไว้ที่ธนาคาร
ด้าน พ.ต.อ.อาณัติ เกล็ดมณี รอง ผบก.น.4 กล่าวถึงการดำเนินการรวบรวมทรัพย์สินของกลางที่ยึดมาได้จากผู้ต้องหาว่า ได้สั่งการให้พนักงานสอบสวนสน.วังทองหลางทำการรวบรวม เป็นบัญชีพรัอมบันทึกภาพ และตั้งเป็นรูปคณะกรรมการตรวจมอบของกลางให้พนักงานสอบสวน สน.วังทองหลาง เป็นผู้ดูแลรักษา ซึ่งประชาชนที่สงสัยว่าจะเป็นทรัพย์สินของตนให้ไปดูของกลางได้ที่พนักงานสอบสวน สน.วังทองหลาง หากใช่ทรัพย์สินที่ถูกโจรกรรมมา ให้นำหลักฐานของทระพย์สินเข้าติดต่อพนักงานสอบสวนในท้องที่เกิดเหตุที่ตนเองแจ้งความไว้ให้เป็นผู้ประสานงานกับพนักงานสอบสวน สน.วังงทองหลาง เพื่อตรวจดูทรัพย์สินโดยละเอียด หากมีจำนวนหลายรายต้องมีการโต้สิทธิ ต้องนำหลักฐานมายืนยันว่าใครมีหลักฐานชัดเจนกว่ากัน หากใช่ทรัพย์สินของตนจริงก็เป็นหน้าที่ของพนักงานสอบสวนท้องที่เกิดเหตุนำเอกสารไปติดต่อขอรับทรัพย์สินจากพนักงานสอบสวน สน.วังทองหลาง ที่จะมอบผ่านร้อยเวรเจ้าของคดี หากทางผู้เสียไม่สามารถมารับทรัพย์สินได้เอง
ส่วนทรัพย์สินที่คนร้ายซื้อเป็นรถยนต์ และทองรูปพรรณ บ้าน มูลค่าหลายล้านบาทพนักงานสอบสวนจะนำสำนวนส่งศาลหากไต่สวนได้มาจากการกระทำผิดกศาลจะสั่งให่จำหน่ายของกลางทอดตลาดแล้วนำเงินมาชดเชยให้กับผู้เสียหาย ซึ่งทางศาลจะเป็นผู้ชี้ขาด
พ.ต.อ.ปกรณ์ กิตติวัฒน์ ผกก.สส.น.4 เปิดเผยว่า เช้าวันนี้ได้สั่งการให้ พ.ต.ท.อภิชาติ อุดรมาตย์ สว.ผ.1 นำตั๋วจำนำที่พบในบ้านผู้ต้องหากว่า 50 ใบ ไปตรวจสอบตามโรงรับจำนำก็พบว่ายังมีทรัพย์สินอยู่ในโรงรับจำนำหลายรายการ จึงให้ฝ่ายสืบสวนบันทึกภาพทรัพย์สินเหล่านั้นมาให้ผู้เสียหายดู และจะประสานพนักงานสอบสวนทำการอายัดทรัพย์สินที่พบทั้งหมด
ส่วนการดำเนินการล่าตัวผู้ต้องหาที่เหลือทั้งนายพี และนายเค ได้จัดกำลังชุดสืบสวน 2 ชุด กำลัง 15 นาย ออกติดตามไล่ล่า และได้กำชับให้ระมัดระวังตัวเป็นพิเศษ เนื่องจากคนร้ายใช้เงินที่ขโมยมาได้ไปซื้ออาวุธปืนจำนวนมากติดตัวอยู่ตลอด หากมีการปะทะกันทางตำรวจต้องใช้มาตรการรุนแรงตอบโต้ โดยจากการสอบสวนทราบว่าผู้ต้องหากลุ่มนี้ได้ทำการโจรกรรมมาหลายครั้งเริ่มตั้งแต่ปี 2549 ทั้งในกรุงเทพฯ และจังหวัดใกล้เคียงมีมูลค่าหลายพันล้านบาท เพราะเท่าที่ผู้เสียหายแต่ละรายถูกโจรกรรมไปแต่ละครั้งมีมูลค่าหลายร้อยล้านบาทก็มี
สำหรับผู้ต้องหาที่เหลือทั้ง 2 คน เป็นมือเจียรตัดตู้เซฟ เริ่มเส้นทางโจรตั้งแต่ลักเล็กขโมยน้อยตามคอนโดจนมาเข้าร่วมทีกับนายออฟ ฉายาในวงการนักแข่งเรียกหมูสกปรก เพราะมีนิสัยทำตัวสกปรก และชอบพูกลับหลังให้ร้ายทีมแข่งและนักแข่งคนอื่นจะเป็นที่ร้จักกันดีจึงตั้งฉายา ออฟซ่า หรือ หมูสกปรก วางแผนแยบยลมีการนำเอาบัตรประชาชนใบขับขี่ที่ขโมยมาไปไว้แลกปิดบังอำพรางตัวเองเพื่อเข้าโจรกรรมในสถานที่ต่างๆ
วันเดียวกัน เมื่อเวลา 13.30 น. ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ร.ต.ต.อนุสรณ์ เขื่อนแต้ พนักงานสอบสวน สน.วันทองหลาง ได้ควบคุมตัวนายสุภัทร หรือทอม เนินวิเชียร อายุ 29 ปี ชาว จ.ระยอง นายณัฐ หรือโต้ง ชาหอม อายุ 30 ปี ชาว กทม. และน.ส.วลัยลักษณ์ ศรีประไพ อายุ 27 ปี ชาว จ.ชลบุรี ผู้ต้องหาแก๊งลักทรัพย์ไฮโซ มายื่นคำร้องฝากขังต่อศาลครั้งแรก
คำร้องสรุปว่า เมื่อวันที่ 15 ธ.ค. 51 น.ส.จรียาภรณ์ ใจบุญ เข้าแจ้งความให้ดำเนินคดีกับผู้ต้องหากับพวกที่ทุบกระจกหน้าต่างห้องนอนชั้นล่าง งัดประตูห้องครัว เข้าไปในบ้านงัดตู้เซฟ 2 ใบ แล้วลักเงินสดทั้งเงินไทยและเงินต่างประเทศประมาณ 59 ล้านบาท และเครื่องประดับเพชร ทอง ทองรูปพรรณ พระเครื่องต่าง ๆ อีกประมาณ 50 ล้านบาท หลบหนีไป เหตุเกิดที่บ้านเลขที่ 39/2 ซ.9 แยก 2 ภายในหมู่บ้านธารารมณ์ ซ.รามคำแหง 9 แขวงและเขตวังทองหลาง กทม. ก่อนถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามจับกุมได้พร้อมของกลางต่างๆ รวม 18 รายการมูลค่า 5,273,425 บาท ชั้นสอบสวนผู้ต้องหาที่ 1 และ 2 ให้การรับสารภาพ ส่วนผู้ต้องหาที่ 3 ให้การปฏิเสธ
พนักงานสอบสวนควบคุมตัวผู้ต้องหามาจะครบกำหนดแล้ว แต่การสอบสวนยังไม่เสร็จสิ้นต้องสอบปากคำพยานอีก 10 ปาก รอผลการตรวจลายพิมพ์มือ และผลการตรวจเปรียบเทียบลายพิมพ์มือกับลายนิ้วแฝง รอผลการตรวจของกลาง และอื่นๆ ด้วยความจำเป็นดังกล่าวจึงขอฝากขังผู้ต้องหาไว้เป็นเวลา 12 วัน จนถึงวันที่ 17 มี.ค.นี้ ท้ายคำร้องพนักงานสอบสวนขอคัดค้านการประกัน เนื่องจากการะทำของผู้ต้องหามีลักษณะเป็นกลุ่มแก๊ง กระทำผิดอีกหลายคดี หลายท้องที่ มีผู้เสียบหาย และทรัพย์สินที่เสียหายจำนวนมาก หากได้รับการปล่อยชั่วคราวเกรงจะหลบหนี ศาลพิจารณาคำร้องและสอบถามผู้ต้องหาแล้วไม่คัดค้านจึงอนุญาตให้ฝากขังได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับนายหทัย หรือออฟ ไชยวัณณ์ อายุ 38 ปี นักแข่งรถแชมป์ประเทศไทยหลายสนาม ฉายาออฟ หมูสกปรก หนึ่งในผู้ต้องหาสำคัญที่เพิ่งเข้ามอบตัวเมื่อวันที่ 5 มี.ค.พนักงานสอบสวนจะนำตัวมาฝากขังต่อศาลอาญาในวันที่ 7 มี.ค. นี้
จากกรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.น.4 ได้จับกุมแก๊งลักทรัพย์กว่า 200 ล้าน โดยมี นายหทัย หรือออฟ ไชยวัณณ์ อายุ 38 ปี นักแข่งรถชื่อดังเจ้าของฉายา “ไอ้หมูสกปรก” ผู้ต้องหาร่วมกับ นายณัฐ หรือโต้ง ชาหอม อายุ 32 ปี หัวหน้าแก๊ง นายสุภัทร หรือทอม เนินวิเชียร 29 ปี นายพีรวัฒน์ หรือพี ตะวันธรงค์ อายุ 23 ปี และนายกีรติ หรือเค กุมพล อายุ 30 ปี ก่อเหตุตระเวนลักทรัพย์ ตามบ้านเรือนเศรษฐีใน กทม.และล่าสุด นายหทัย ได้เข้ามอบตัวแล้วนั้น
ความคืบหน้าในวันนี้ (6 มี.ค.) เมื่อเวลา 11.00 น.ที่ กก.สส.น.4 มีเจ้าทุกข์หลายรายทยอยเดินทางเข้าดูทรัพย์สินของกลางจำนวนมาก จนเต็มห้อง เจ้าหน้าที่ต้องให้ลงชื่อไว้ทีละ 5 ราย ก่อนที่จะเข้าไปตรวจดูทรัพย์สิน เพราะเจ้าหน้าที่เกรงว่าทรัพย์สินจะสูญหาย ต่อมา นางโสภิตนภา หรือเจี๊ยบ ชุ่มภาณี พร้อมกับ นายธิตินัน์ ชุ่มภาณี สามี เดินทางเข้าพบ พ.ต.อ.ปกรณ์ กิตติวัฒน์ ผกก.สสส.น.4 เพื่อขอดูทรัพย์สินเพราะเคยถูกโจรขึ้นบ้านย่านสุขุมวิทได้ทรัพย์สินกว่า 5 ล้านบาท ในวันขึ้นบ้านใหม่ เจ้าหน้าที่จึงให้ดาราสาวพร้อมสามีเดินดูทรัพย์สิน ปรากฏว่ามีสร้อยข้อมือล้อมเพชรรายการที่ a2 พบว่า เหมือนของตนที่หายไปพร้อมกับนำมาลองใส่ได้พอดีกับข้อมือของดาราสาวพอดี ทำให้ดาราสาวมีสีหน้าแจ่มใส แต่ก็ยังไม่แน่ใจปล่อยให้ทางเจ้าหน้าที่ตรวจสอบอีกครั้ง ระหว่างนั้น นางบุษกร หรือหน่อย วงศ์พัวพันธ์ เดินทางมาพร้อมกับแม่สามี เดินทางมาถึง กก.สส.น.4 เดินเข้าไปทักทายกับเจี๊ยบ โสภิตนภา จากนั้นพากันเดินดูทรัพย์สินบนโต๊ะวางของกลางพบว่า ของกลางรายการที่ 75 เป็นนาฬิกาปาเต๊ะ สีดำ ดาราสาวถึงกับตกใจและยิ้มด้วยสีหน้าสุขใจ และกล่าวว่าเหมือนนาฬิกาที่หายไปมากและยังมีเครื่องประดับอีกหลายชิ้นที่หายไป โดยใช้เวลาตรวจสอบทรัพย์สินประมาณ 30 นาที ก่อนจะเดินทางกลับ
นางโสภิตนภา กล่าวว่า วันนี้ตนเดินทางมากับสามีเพื่อมาตรวจดูทรัพย์สิน ภายหลังจากที่ได้ทราบข่าวว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมแก๊งลักทรัพย์รายใหญ่ได้ หลังจากตรวจสอบแล้วพบสร้อยข้อมือล้อมเพชรที่คล้ายกับของตน แต่ไม่แน่ใจว่าใช่หรือไม่ ต้องตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง คนร้ายได้ขโมยทรัพย์สินภายในบ้านตนไปเมื่อเดือนสิงหาคม ปี 2551 เหตุเกิดในท้องที่ สน.ทองหล่อ ซึ่งทรัพย์สินที่สูญหายไปเป็นนาฬิกา และเครื่องประดับ รวมมูลค่าประมาณ 5 ล้านบาท หลังจากนี้จะนำเอกสารหลักฐานการแจ้งความและเอกสารใบซื้อขายสร้อยข้อมือล้อมเพชรมาให้เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบ
ด้าน นางบุษกรกล่าวว่า ในวันนี้ตนเดินทางมาพร้อมกับมารดา เพื่อมาตรวจสอบทรัพย์สินหลังทราบข่าวจากสื่อมวลชน จากการตรวจสอบทรัพย์สินของกลางพบนาฬิกา ยี่ห้อปาเต๊ะ ซึ่งมีลักษณะคล้ายกับของตนที่ถูกคนร้ายขโมยไป แต่ก็ยังไม่แน่ใจ จะต้องตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง เพราะทรัพย์สินดังกล่าวคนอื่นก็มีกันเยอะ วันนี้ตนได้เตรียมหลักฐานใบแจ้งความ และเอกสารการซื้อขายมาให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดูด้วย เบื้องต้นทราบว่ามีของกลางบางส่วนถูกนำไปจำนำและนำไปขายที่ปอยเปตแล้ว ซึ่งตนก็จะรอตรวจสอบของกลางที่จะนำออกมาจากโรงรับจำนำด้วยว่ามีของตนบ้างหรือไม่
นางบุษกร กล่าวต่อว่า คนร้ายขโมยทรัพย์สินภายในบ้านของตนไปเมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2549 ทรัพย์สินที่สูญหายไปมีทั้งนาฬิกา เครื่องประดับต่างๆ และเงินสด 2 แสนบาท รวมมูลค่าทรัพย์สินทั้งหมดที่ถูกคนร้ายขโมยไปประมาณ 7 ล้านบาท หลังจากเกิดเหตุตนทำทุกวิถีทางเพื่อที่จะให้ได้ทรัพย์สินคืนมา ทั้งทางไสยศาสตร์และไปดูหมอ ซึ่งหมอดูเคยบอกว่าจะได้ทรัพย์สินคืน จากนี้ไปตนและสามีก็คงจะไม่เก็บทรัพย์สินและของมีค่าเอาไว้ในบ้านแล้ว จะนำไปฝากไว้ที่ธนาคาร
ด้าน พ.ต.อ.อาณัติ เกล็ดมณี รอง ผบก.น.4 กล่าวถึงการดำเนินการรวบรวมทรัพย์สินของกลางที่ยึดมาได้จากผู้ต้องหาว่า ได้สั่งการให้พนักงานสอบสวนสน.วังทองหลางทำการรวบรวม เป็นบัญชีพรัอมบันทึกภาพ และตั้งเป็นรูปคณะกรรมการตรวจมอบของกลางให้พนักงานสอบสวน สน.วังทองหลาง เป็นผู้ดูแลรักษา ซึ่งประชาชนที่สงสัยว่าจะเป็นทรัพย์สินของตนให้ไปดูของกลางได้ที่พนักงานสอบสวน สน.วังทองหลาง หากใช่ทรัพย์สินที่ถูกโจรกรรมมา ให้นำหลักฐานของทระพย์สินเข้าติดต่อพนักงานสอบสวนในท้องที่เกิดเหตุที่ตนเองแจ้งความไว้ให้เป็นผู้ประสานงานกับพนักงานสอบสวน สน.วังงทองหลาง เพื่อตรวจดูทรัพย์สินโดยละเอียด หากมีจำนวนหลายรายต้องมีการโต้สิทธิ ต้องนำหลักฐานมายืนยันว่าใครมีหลักฐานชัดเจนกว่ากัน หากใช่ทรัพย์สินของตนจริงก็เป็นหน้าที่ของพนักงานสอบสวนท้องที่เกิดเหตุนำเอกสารไปติดต่อขอรับทรัพย์สินจากพนักงานสอบสวน สน.วังทองหลาง ที่จะมอบผ่านร้อยเวรเจ้าของคดี หากทางผู้เสียไม่สามารถมารับทรัพย์สินได้เอง
ส่วนทรัพย์สินที่คนร้ายซื้อเป็นรถยนต์ และทองรูปพรรณ บ้าน มูลค่าหลายล้านบาทพนักงานสอบสวนจะนำสำนวนส่งศาลหากไต่สวนได้มาจากการกระทำผิดกศาลจะสั่งให่จำหน่ายของกลางทอดตลาดแล้วนำเงินมาชดเชยให้กับผู้เสียหาย ซึ่งทางศาลจะเป็นผู้ชี้ขาด
พ.ต.อ.ปกรณ์ กิตติวัฒน์ ผกก.สส.น.4 เปิดเผยว่า เช้าวันนี้ได้สั่งการให้ พ.ต.ท.อภิชาติ อุดรมาตย์ สว.ผ.1 นำตั๋วจำนำที่พบในบ้านผู้ต้องหากว่า 50 ใบ ไปตรวจสอบตามโรงรับจำนำก็พบว่ายังมีทรัพย์สินอยู่ในโรงรับจำนำหลายรายการ จึงให้ฝ่ายสืบสวนบันทึกภาพทรัพย์สินเหล่านั้นมาให้ผู้เสียหายดู และจะประสานพนักงานสอบสวนทำการอายัดทรัพย์สินที่พบทั้งหมด
ส่วนการดำเนินการล่าตัวผู้ต้องหาที่เหลือทั้งนายพี และนายเค ได้จัดกำลังชุดสืบสวน 2 ชุด กำลัง 15 นาย ออกติดตามไล่ล่า และได้กำชับให้ระมัดระวังตัวเป็นพิเศษ เนื่องจากคนร้ายใช้เงินที่ขโมยมาได้ไปซื้ออาวุธปืนจำนวนมากติดตัวอยู่ตลอด หากมีการปะทะกันทางตำรวจต้องใช้มาตรการรุนแรงตอบโต้ โดยจากการสอบสวนทราบว่าผู้ต้องหากลุ่มนี้ได้ทำการโจรกรรมมาหลายครั้งเริ่มตั้งแต่ปี 2549 ทั้งในกรุงเทพฯ และจังหวัดใกล้เคียงมีมูลค่าหลายพันล้านบาท เพราะเท่าที่ผู้เสียหายแต่ละรายถูกโจรกรรมไปแต่ละครั้งมีมูลค่าหลายร้อยล้านบาทก็มี
สำหรับผู้ต้องหาที่เหลือทั้ง 2 คน เป็นมือเจียรตัดตู้เซฟ เริ่มเส้นทางโจรตั้งแต่ลักเล็กขโมยน้อยตามคอนโดจนมาเข้าร่วมทีกับนายออฟ ฉายาในวงการนักแข่งเรียกหมูสกปรก เพราะมีนิสัยทำตัวสกปรก และชอบพูกลับหลังให้ร้ายทีมแข่งและนักแข่งคนอื่นจะเป็นที่ร้จักกันดีจึงตั้งฉายา ออฟซ่า หรือ หมูสกปรก วางแผนแยบยลมีการนำเอาบัตรประชาชนใบขับขี่ที่ขโมยมาไปไว้แลกปิดบังอำพรางตัวเองเพื่อเข้าโจรกรรมในสถานที่ต่างๆ
วันเดียวกัน เมื่อเวลา 13.30 น. ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ร.ต.ต.อนุสรณ์ เขื่อนแต้ พนักงานสอบสวน สน.วันทองหลาง ได้ควบคุมตัวนายสุภัทร หรือทอม เนินวิเชียร อายุ 29 ปี ชาว จ.ระยอง นายณัฐ หรือโต้ง ชาหอม อายุ 30 ปี ชาว กทม. และน.ส.วลัยลักษณ์ ศรีประไพ อายุ 27 ปี ชาว จ.ชลบุรี ผู้ต้องหาแก๊งลักทรัพย์ไฮโซ มายื่นคำร้องฝากขังต่อศาลครั้งแรก
คำร้องสรุปว่า เมื่อวันที่ 15 ธ.ค. 51 น.ส.จรียาภรณ์ ใจบุญ เข้าแจ้งความให้ดำเนินคดีกับผู้ต้องหากับพวกที่ทุบกระจกหน้าต่างห้องนอนชั้นล่าง งัดประตูห้องครัว เข้าไปในบ้านงัดตู้เซฟ 2 ใบ แล้วลักเงินสดทั้งเงินไทยและเงินต่างประเทศประมาณ 59 ล้านบาท และเครื่องประดับเพชร ทอง ทองรูปพรรณ พระเครื่องต่าง ๆ อีกประมาณ 50 ล้านบาท หลบหนีไป เหตุเกิดที่บ้านเลขที่ 39/2 ซ.9 แยก 2 ภายในหมู่บ้านธารารมณ์ ซ.รามคำแหง 9 แขวงและเขตวังทองหลาง กทม. ก่อนถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามจับกุมได้พร้อมของกลางต่างๆ รวม 18 รายการมูลค่า 5,273,425 บาท ชั้นสอบสวนผู้ต้องหาที่ 1 และ 2 ให้การรับสารภาพ ส่วนผู้ต้องหาที่ 3 ให้การปฏิเสธ
พนักงานสอบสวนควบคุมตัวผู้ต้องหามาจะครบกำหนดแล้ว แต่การสอบสวนยังไม่เสร็จสิ้นต้องสอบปากคำพยานอีก 10 ปาก รอผลการตรวจลายพิมพ์มือ และผลการตรวจเปรียบเทียบลายพิมพ์มือกับลายนิ้วแฝง รอผลการตรวจของกลาง และอื่นๆ ด้วยความจำเป็นดังกล่าวจึงขอฝากขังผู้ต้องหาไว้เป็นเวลา 12 วัน จนถึงวันที่ 17 มี.ค.นี้ ท้ายคำร้องพนักงานสอบสวนขอคัดค้านการประกัน เนื่องจากการะทำของผู้ต้องหามีลักษณะเป็นกลุ่มแก๊ง กระทำผิดอีกหลายคดี หลายท้องที่ มีผู้เสียบหาย และทรัพย์สินที่เสียหายจำนวนมาก หากได้รับการปล่อยชั่วคราวเกรงจะหลบหนี ศาลพิจารณาคำร้องและสอบถามผู้ต้องหาแล้วไม่คัดค้านจึงอนุญาตให้ฝากขังได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับนายหทัย หรือออฟ ไชยวัณณ์ อายุ 38 ปี นักแข่งรถแชมป์ประเทศไทยหลายสนาม ฉายาออฟ หมูสกปรก หนึ่งในผู้ต้องหาสำคัญที่เพิ่งเข้ามอบตัวเมื่อวันที่ 5 มี.ค.พนักงานสอบสวนจะนำตัวมาฝากขังต่อศาลอาญาในวันที่ 7 มี.ค. นี้