“เซลส์สาว” แจ้งจับตำรวจเถื่อน ลั่นต้องนำคนตบหน้ามาขอขมาเท่านั้น ด้าน ผกก.บางนา ยัน ตร.ทำเกินเหตุจริง เตรียมเรียกสีกากีฉาวมารับทราบข้อกล่าวหาทำให้เสียทรัพย์ทำร้ายร่างกายและทำให้ตกใจ
จากกรณี น.ส.ณัฐชานันท์ สุขสันต์สมเจริญ อายุ 30 ปี ตัวแทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์ยาบริษัท ดีทแฮล์ม จำกัด และ น.ส.พิชญดา ธำรงค์พรสวัสดิ์ อายุ 29 ปี ผู้จัดการบริษัทเครือเจริญโภคภัณฑ์ เข้าแจ้งความกับ พนักงานสอบสวน สน.บางนา ว่าถูกตำรวจกลุ่มงานสืบสวน ภ.จว.ชลบุรี กว่า 10 นายจู่โจมเข้าตรวจค้นรถ พร้อมทั้งทำร้ายร่างกายและทุบรถจนได้รับความเสียหาย ขณะจอดรถรอรับเพื่อนชายที่หน้าห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล สาขาบางนา เมื่อกลางดึกวันที่ 28 ก.พ.ที่ผ่านมา ตามข่าวที่เสนอไปแล้วนั้น
ความคืบหน้าคดีดังกล่าว วันนี้ (2 มี.ค.) เมื่อเวลา 11.00 น. น.ส.ณัฐชานันท์ สุขสันต์สมเจริญ อายุ 30 ปี น.ส.พิชญดา ธำรงค์พรสวัสดิ์ อายุ 29 ปี ผู้เสียหายทั้ง 2 ราย พร้อมนางนวล สุขสันต์สมเจริญ อายุ 55 ปี แม่ของ น.ส.ณัฐชานันท์ เดินทางเข้าพบ พ.ต.อ.คมศักดิ์ สุมังเกษตร ผกก.สน.บางนา เพื่อให้ปากคำเพิ่มเติมกรณีดังกล่าว โดยใช้เวลานานถึง 2 ชั่วโมง
จากนั้น น.ส.ณัฐชานนท์ เปิดเผยต่อผู้สื่อข่าวว่า วันนี้เดินทางมาให้ปากคำเพิ่มเติม หลังจากที่แจ้งความลงบันทึกประจำวันเอาไว้แล้วในคืนวันที่เกิดเหตุ โดยพวกตนขอยืนยันว่าวันเกิดเหตุขับรถมาจอดเพื่อรอเพื่อนที่เพิ่งเดินทางออกจากสนามบินสุวรรณภูมิจริงๆ แต่กลับถูกเจ้าหน้าที่กลุ่มดังกล่าวมาล้อมรถชักปืนขู่ ถีบประตู ทุบกระจกรถจนแตก และตบหน้า โดยตนทั้งสองคนเดินทางไปรับผลตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลไทยนครินทร์แล้ว ซึ่งแพทย์ระบุว่าถูกตบหน้าทำให้เนื้อเยื่ออักเสบได้รับบาดเจ็บ โดยตนถูกตบหน้าอย่างจังจนทำให้เกิดอาการบวม ส่วน น.ส.พิชญาดา ถูกตบแบบเฉียดๆ
“หลังเกิดเหตุนายตำรวจที่เป็นหัวหน้าชุดพยายามนำลูกน้องเข้ามาขอโทษแล้ว แต่กลับพาคนที่ไม่ได้ลงมือตบหน้าตนมาด้วย ซึ่งตนขอยืนยันว่าไม่ใช่แน่นอน เพราะจำใบหน้าและการแต่งกายได้ หลังจากนี้คงจะแจ้งความดำเนินคดีไปตามกฎหมาย อย่างไรก็ตาม ถ้าหากฝ่ายตำรวจจริงใจ ตนก็พร้อมที่จะเจรจาด้วยแต่ก็คงจะต้องปรึกษากับญาติๆ ผู้ใหญ่ก่อน” เหยื่อสีกากีเถื่อน กล่าว
ด้าน พ.ต.อ.คมศักดิ์ สุมังเกษตร ผกก.สน.บางนา เปิดเผยว่า หลังรับแจ้งความก็ได้สั่งให้ พ.ต.ท.สายชล หงษ์สุวรรณ์ พนักงานสอบสวนเจ้าของคดี เรียกผู้เสียหายมาสอบปากคำอย่างละเอียดอีกครั้ง ก่อนจะออกไปทำแผนที่ในจุดเกิดเหตุและออกหมายเรียกตำรวจที่ถูกกล่าวหาให้เดินทางเข้ามารับทราบข้อกล่าวหา ทำให้เสียทรัพย์ทำร้ายร่างกาย และทำให้ผู้เสียหายตกใจ
พ.ต.อ.คมศักดิ์ กล่าวต่อว่า หลังเกิดเหตุทางผู้บังคับบัญชาของเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดดังกล่าวก็ออกมาแสดงความรับผิดชอบและกล่าวขอโทษผู้เสียหายไปแล้ว เนื่องจากเป็นการปฏิบัติหน้าที่ผิดพลาดจริงๆ โดยก่อนเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดดังกล่าวได้รับแจ้งจากสายลับว่ามีเอเยนต์ค้ายาไอซ์ซึ่งขับรถเก๋งสีเดียวกันกับรถของผู้เสียหาย มาจอดส่งของกลางกันที่ห้างเซ็นทรัลบางนา แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดดังกล่าวเกิดการเข้าชาร์จรถผิดคัน ซึ่งภายหลังก็สามารถยึดของกลางเป็นยาไอซ์น้ำหนัก 1 กิโลกรัม ซึ่งป็นของเอเยนต์ตัวจริงนำมาทิ้งไว้ได้บริเวณตู้โทรศัพท์ด้านหน้าห้างนั่นเอง
“เท่าที่พูดคุยกับผู้เสียหายและแม่ของผู้เสียหายก็ทราบว่าเป็นคนที่มีจิตใจงดงาม แต่อยากให้เจ้าหน้าที่ชุดดังกล่าวออกมารับผิดชอบ ขณะนี้ฝ่ายผู้เสียหายก็เริ่มเข้าใจแล้วว่าเป็นความผิดพลาดจริงๆ แต่ยังยืนยันว่าจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด และขอปรึกษากับญาติผู้ใหญ่ก่อนว่าจะเอาอย่างไรต่อไป ทั้งนี้ พนักงานสอบสวนก็จะต้องดำเนินการไปตามขั้นตอนของกฎหมาย และขอยืนยันว่าจะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย เพราะเข้าใจดีว่าตอนเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ชุดดังกล่าวทำเกินไปจริงๆ ผู้ชายนับ 10 คน กระทำอย่างนั้นกับผู้หญิงแค่ 2 คน โดยเฉพาะเรื่องถูกตบหน้าซึ่งผู้เสียหายเครียดมาก” พ.ต.อ.คมศักดิ์ กล่าว
ขณะเดียวกัน พ.ต.ท.สุทัศน์ พุ่มพันธุ์ม่วง รอง ผกก.กลุ่มงานสืบสวน ภ.จว.ชลบุรี หัวหน้าเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดดังกล่าว ได้เดินทางมาที่ สน.บางนา พร้อมเปิดเผยว่า ข้อเท็จจริงคดีนี้คือวันเกิดเหตุ กำลังตำรวจชุดของตนกำลังปฏิบัติหน้าที่ล่อซื้อยาไอซ์จากเอเยนต์รายใหญ่ซึ่งเป็นเครือข่ายนักโทษในเรือนจำ โดยตนได้รับรายงานว่าเอเยนต์นำยาไอซ์ที่สั่งซื้อมาวางบริเวณตู้โทรศัพท์ด้านข้างรถเก๋งสีฟ้าที่จอดอยู่ด้านหน้าห้างเซ็นทรัลบางนา และยังได้รับรายงานอีกว่าในมีผู้ชายและผู้หญิงนั่งอยู่ภายในรถ
พ.ต.ท.สุทัศน์ กล่าวต่อว่า เมื่อเดินทางไปถึงก็พบรถผู้เสียหายจอดอยู่พอดีจึงรีบแสดงตัวเข้าจับกุม แต่เมื่อกำลังตำรวจล้อมรถแล้วผู้เสียหายก็ยังไม่ยอมเปิดประตูลงมา ประกอบกับกระจกรถก็ติดฟิล์มมืดจึงต้องใช้วิธีการทุบกระจกเข้าชาร์จ เพราะตำรวจก็เกรงว่าจะถูกยิงสวนเหมือนกัน
“จากประสบการณ์ที่ผ่านมา ผมจับคดียาเสพติดมาแล้วเป็น 100 ราย ไม่เคยพลาด จะมีบ้างที่ผู้ต้องหาหลบหนีไปได้ แต่กรณีนี้ต้องยอมรับว่าพลาดจริงๆ เพราะโดนเอเยนต์หลอก ส่วนเรื่องที่ลูกน้องผมไปตบหน้าผู้เสียหาย ผมได้รับชี้แจงมาว่าเป็นเพียงการเหวี่ยงมือไปโดนเท่านั้น ซึ่งผมก็พร้อมที่จะพาลูกน้องทุกคนเข้ามาให้ชี้ตัวและขอขมา พร้อมชดใช้ในสิ่งที่เสียหายทั้หมดอยู่แล้ว เนื่องจากเป็นการผิดพลาดจากการปฏิบัติหน้าที่จริงๆ ไม่ได้มีเจตนาจะกลั่นแกล้งแต่อย่างใด ส่วนเรื่องที่ต้องยึดมือถือกับกุญแจรถเอาไว้ ก็เพราะสถานการณ์ตอนนั้นยังไม่สามารถตัดสินใจอะไรได้ จึงต้องยึดเอาไว้เพื่อตรวจสอบ” พ.ต.ท.สุทัศน์ กล่าว
ต่อมาเวลา 14.45 น. พ.ต.อ.ธีรพล จินดาหลวง รอง ผบก.ภ.จว.ชลบุรี เปิดเผยว่า จากเรื่องที่เกิดขึ้นถือเป็นเหตุสุดวิสัย ทั้งนี้ไม่ได้มีใครต้องการให้เกิดขึ้น ตำรวจอยู่ระหว่างปฏิบัติหน้าที่ตามที่ได้รับรายงานจากสายลับจริงๆ ซึ่งที่ผ่านมาตำรวจชุดนี้มีผลงานมาโดยตลอด จับยาเสพติดได้ครั้งละจำนวนมาก และตนก็ไม่ได้ปกป้องลูกน้องแต่อย่างใด โดยก่อนหน้านี้เคยมีผู้ต้องหานำเงินสดกว่า 400,000 บาท มาติดสินบน แต่เจ้าหน้าที่ชุดนี้ก็ไม่ได้รับ อีกทั้งยังดำเนินคดีติดสินบนเจ้าหน้าที่อีกด้วย
พ.ต.อ.ธีรพล กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ทาง ผบก.ภ.จว.ชลบุรี ก็ได้แสดงความเสียใจต่อเรื่องที่เกิดขึ้นไม่อยากให้ภาพลักษณ์ของตำรวจเสียหาย การทำงานในเรื่องการปราบปรามยาเสพติดตำรวจจะต้องเพิ่มความระมัดระวังเป็นพิเศษเนื่องจากสถิติที่ผ่านมาการเข้าจับกุมผู้ต้องหายาเสพติด 10 ราย จะมีอาวุธปืนถึง 8 ราย จึงต้องขอความเห็นใจเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วย
“หลังจากนี้คงเป็นขั้นตอนของพนักงานสอบสวน ในการรวบรวมพยานหลักฐานทั้งเรื่องคดีอาญาและการตั้งกรรมการสอบวินัย ทางผู้บังคับบัญชาของตนก็ตั้งคณะกรรมการสอบสวนไปแล้ว ยืนยันว่าจะให้ความยุติธรรมกับทั้ง 2 ฝ่าย สำหรับ ส.ต.อ.บัณณทัต คร้ามไพบูลย์ ผบ.หมู่งานสืบสวน กลุ่มงานสืบสวน ภ.จว.ชลบุรี ที่ผู้เสียหายชี้ตัวยืนยันก็จะถูกตั้งกรรมการสอบ และตำรวจทั้ง 12 นาย ที่ออกปฏิบัติหน้าที่วันนั้นก็ยินดีที่จะให้ผู้เสียหายชี้ตัว และพร้อมที่จะชดใช้ค่าเสียหายให้ทุกบาททุกสตางค์”
มีรายงานว่า หลังจากที่ผู้เสียหายทั้ง 2 รายทราบว่า ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจคู่กรณีจะมาขอเจรจาที่ สน.บางนา ก็เดินทางกลับทันที โดย น.ส.ณัฐชานันท์ ได้ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวผ่านทางโทรศัพท์ว่า ขณะนี้ตนยังไม่พร้อมที่จะเจรจากับใครทั้งสิ้น อยากปล่อยให้เป็นหน้าที่ของพนักงานสอบสวน เนื่องจากตนยังมีอาการปวดศีรษะอยู่อีกทั้งยังหวาดกลัวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น คงต้องปล่อยให้เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย แต่ในส่วนของตนรับไม่ได้จริงๆ กับการที่ถูกตบหน้า จึงอยากให้นำตัวผู้ที่ตบมาดำเนินคดีตามกฎหมายให้ถึงที่สุด
ผู้สื่อข่าวถามด้วยว่า หลังเกิดเหตุมีใครติดต่อมาบ้างหรือไม่ น.ส.ณัฐชานันท์ กล่าวว่า มีคนอ้างตัวว่าเป็นตำรวจที่ จ.ชลบุรี ติดต่อเข้ามาขอเจรจาชดใช้ค่าเสียหาย ด้วยความกลัวและยังตกใจอยู่ ตนจึงขอปฏิเสธไป เพราะยังไม่พร้อมที่จะเจรจากับผู้ใดทั้งสิ้น
ทีมโหด! ออกทีวีขอโทษ “เซลส์สาว” ไม่สำนึกวอนเหยื่อให้เข้าใจตำรวจ
รองผู้การฯชลบุรี พร้อมขอขมา “เซลส์สาว” อ้างเข้าใจผิด
ตำรวจรับทำเกินเหตุตบหน้า-ทุบรถเซลส์สาว พร้อมชดใช้ค่าเสียหาย
โวยตำรวจสุดเถื่อน! ตบหน้าเซลส์สาว-ทุบรถพังยับ เหตุเข้าใจผิดคิดว่าแก๊งยาบ้า