ตำรวจวังทองหลางตามรวบตัวแก๊งต้มตุ๋นแรงงานไปเกาหลีได้ยกทีม หลังทำทีเปิดบริษัทหลอกพาไปทำงานที่เกาหลีได้ แต่ต้องเสียค่านายหน้าคนละ 1.8-2 แสนบาท พอเหยื่อหลงเชื่อก็จะพาไปทำวีซ่าเพื่อให้ดูน่าเชื่อถือ แต่พอถึงวันจริงกลับพาไปปล่อยไว้ที่โรงแรมแล้วปิดบริษัทหนี แฉมีเหยื่อหลงเชื่อไปนับร้อยราย เสียเงินไปร่วม 100 ล้านบาทแล้ว
วานนี้ (26 ก.พ.) พ.ต.อ.สมิต เชิงสะอาด ผกก.สน.วังทองหลาง พ.ต.ท.นิวัฒน์ อุทัยศรี สว.สส.สน.วังทองหลาง นางวาสนา รักสกุล หัวหน้าศูนย์ประสานการปราบปรามผู้เป็นภัยต่อคนหางาน กรมการจัดหางาน กระทรวงแรงงาน นำกำลังเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สน.วังทองหลาง เข้าจับกุมตัวนายเมธิชัย ธรรมคุตต์ อายุ 51 ปี อยู่บ้านเลขที่ 100/12 ม.3 ต.บึงรำอ้อ อ.หนองเสือ จ.ปทุมธานี ผู้ต้องหาตามหมายจับ ศาลอาญาเลขที่ 86/2552 ลงวันที่ 13 ม.ค. 2552 ในความผิดฐานร่วมกันฉ้อโกงประชาชน ร่วมกันจัดหางานให้คนงานไปทำงานต่างประเทศโดยไม่ได้รับอนุญาติจากนายทะเบียนจัดหางานกลาง หลอกลวงผู้อื่นว่าสามารถหางานหรือสามารถส่งไปฝึกงานต่างประเทศได้ และโดยการหลอกลวงดังกล่าวเป็นไปได้ซึ่งเงินหรือทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดจากผู้ถูกหลอกลวง โดยสามารถจับกุมตัวได้ที่หน้า บริษัทเจ เอ็ม พี โคเรียล จำกัด เลขที่ 200/114 ถนนแจ้งวัฒนะ เขตหลักสี่ นอกจากนี้ยังได้จับกุมตัวนางพิมพ์อร มอญกระโทก ซึ่งอ้างเป็นเจ้าของบริษัทดังกล่าว และพนักงานบริษัทอีก 2 คน มาสอบสวนที่ สน.วังทองหลาง
พ.ต.อ.สมิต เปิดเผยว่า การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจากเมื่อประมาณเดือน ต.ค.-พ.ย. ปี 51 ที่ผ่านมา มีผู้เสียหายจำนวน 73 รายเข้าแจ้งความกับทางพนักงานสอบสวน สน.วังทองหลาง ว่าถูกผู้ต้องหาทั้งหมดหลอกลวง โดยก่อนหน้านี้ทั้งหมดเปิดบริษัทจัดหางานชื่อว่า บริษัทดองฮง เทสติ้ง จำกัด ในซอยลาดพร้าว 94 ทำการหลวงลวงประชาชนว่า สามารถจัดการให้เดินทางไปทำงานที่ประเทศเกาหลี ได้ เพราะนางพิมพ์อร มีแฟนเป็นเจ้าหน้าที่ ตม.ของเกาหลี โดยแต่ละคนจะต้องเสียค่านายหน้าประมาณ 180,000-200,000 บาท
เมื่อผู้เสียหายหลงเชื่อก็จะถูกพาไปทำวีซ่าที่สถานทูตเกาหลี เพื่อสร้างความเชื่อมั่น และเมื่อเอกสารพร้อมก็จะนัดวันที่จะเดินทาง โดยกลุ่มผู้ต้องหาจะพาผู้เสียหายไปปล่อยให้รออยู่ตามโรงแรม โดยอ้างว่าจะจัดรถมารับไปขึ้นเครื่องพร้อมกัน จากนั้นทั้งหมดก็จะพากันปิดบริษัทหอบเงินหลบหนีไป สร้างความเสียหายในเฉพาะพื้นที่ สน.วังทองหลาง ถึง 17 ล้านบาท
ต่อมาทางเจ้าหน้าที่สืบทราบว่า นายเมธิชัยเป็นตัวการสำคัญในคดีดังกล่าว ซึ่งจากการตรวจสอบประวัติ พบว่าเคยถูกตำรวจ ปดส.จับกุมในข้อหาฉ้อโกงมาแล้วหลายครั้ง และจะใช้วิธีหลบหนีประกันออกมาก่อเหตุซ้ำอีก โดยนายเมธิชัยได้เปลี่ยนชื่อ-นามสกุลตัวเองไปถึง 16 ครั้ง แถมยังมีการเอารูปตนเองไปปลอมแปลงชื่อเป็นบุคคลอื่นอีก จึงได้มีการประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และเจ้าหน้าที่จากกระทรวงแรงงานเพื่อติดตามจับกุมตัว
พ.ต.อ.สมิต กล่าวต่อว่า ต่อมาเจ้าหน้าที่สืบทราบว่าผู้ต้องหาทั้งหมดแอบมาเปิดบริษัทจัดหางานแห่งใหม่ที่ถนนแจ้งวัฒนะ จึงได้วางกำลังซุ่มดูอยู่หลายวัน จนเมื่อช่วงบ่ายพบตัวนายเมธิชัยเดินเข้ามาที่บริษัทจึงได้แสดงตัวเข้าทำการจับกุมเอาไว้ได้ นอกจากนี้ยังพบแรงงานอีก 10 กว่าราย ที่ถูกกลุ่มผู้ต้อหาหลอกลวงมา แต่กลุ่มนี้ยังโชคดีที่ยังไม่ทันได้จ่ายเงินค่านายหน้าให้ไป ซึ่งจากการสอบสวนผู้ต้องหาทั้งหมดยังให้การปฏิเสธ แต่ทางพนักงานสอบสวนก็มีพยานหลักฐานที่จะสามารถเอาผิดได้อย่างแน่นอน
ด้าน นาย คารม พลทำ อายุ 28 ปี อยู่บ้านเลขที่ 20 ม.17 ต.ปากคาด อ.ปากคาด จ.หนองคาย หนึ่งในผู้เสียหาย กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ตนทำงานเป็นคนงานในอู่ต่อเรือย่านสมุทรปราการ จากนั้นก็มีนายหน้ามาชักชวนไปทำงานที่เกาหลี บอกว่าจะได้ค่าแรงมากกว่าหลายเท่าตัวเลยหลงเชื่อเอาที่นาไปจำนอง เอาเงิน 180,000 บาท มาจ่ายเป็นค่านายหน้าให้นางพิมพ์อร แต่เมื่อมาถึงวันเดินทางก็ถูกทิ้งไว้ที่โรงแรมพร้อมกับผู้เสียหายรายอื่นๆ เมื่อตามไปดูที่บริษัทก็พบว่าได้ปิดหนีไปแล้ว จึงได้เดินทางมาแจ้งความที่ สน.วังทองหลาง
ด้านนางวาสนา รักสกุล หัวหน้าศูนย์ประสานการปราบปรามผู้เป็นภัยต่อคนหางาน กรมการจัดหางาน กระทรวงแรงงาน กล่าวว่า ผู้ต้องหารายนี้ทางกระทรวงแรงงานได้จับตาดูมาเป็นเวลานานแล้ว เพราะมีผู้เสียหายเข้าแจ้งความเอาไว้หลายร้อยราย ทั้งที่ ปดส. กองปราบปราม และตาม สน.และสภ.ต่างๆ ในภาคอีสาน ซึ่งคิดเป็นความเสียหาย ร่วม 100 ล้านบาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากทางเจ้าหน้าที่ควบคุมตัวผู้ต้องหามาที่ สน.วังทองหลาง ได้มี พล.ต.ต.ขจร สัยวัฒน์ สว.หนองคาย ประธานกรรมาธิการแรงงานและสวัสดิการสังคม วุฒิสภา พร้อมคณะได้เดินทางมาตรวจสอบที่ สน.วังทองหลาง พร้อมทั้งกล่าวขอบคุณเจ้าหน้าที่ ตร.ที่ไม่นิ่งนอนใจ ติดตามจับกุมตัวผู้ต้องหาจนได้ เพราะกรรมาธิการ ได้รับเรื่องร้องเรียนเป็นจำนวนมาก แต่มีอำนาจหน้าที่เพียงเรียกผู้เกี่ยวข้องมาให้ข้อมูลเท่านั้น ไม่สามารถไปจับกุมได้