ตำรวจภูธรภาค 1 ตามจับกุมคนร้ายตระเวนลักทรัพย์ตามบ้านจัดสรรหรู ได้ของกลางมูลค่าไม่ต่ำกว่า 4 ล้านบาท สอบพบ ประวัติสุดแสบ ก่อคดีมาหลายครั้ง มีหมายจับเพียบ ตระเวนลักทรัพย์ได้เป็นมูลค่ากว่า 35 ล้านบาท ตำรวจเชื่อมีเพื่อนร่วมแก๊งอีกหลายคน แต่เจ้าตัวยังอ้าง ปฏิบัติการคนเดียว
วันนี้ (5 ก.พ.) เมื่อเวลา 10.15 น.ที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 (บช.ภ.1) พล.ต.ท.ฉลอง สนใจ ผบช.ภ.1 พล.ต.ต.ราเชนทร์ รื่นกมล รอง ผบช.ภ.1 พล.ต.ต.วิทยา ประยงค์พันธุ์ ผบก.ภ.จว.ปทุมธานี พ.ต.อ.เพชรัตน์ แสงไชย รอง ผบก.ศสส.ภ.1 พร้อมเจ้าหน้าที่ กก.ศสส.บช.ภ.1 ร่วมกันแถลงข่าวจับกุม นายศิกศักดิ์ หรือ เผือก หรือ เอก พันธรังษี อายุ 39 ปี อยู่บ้านเลขที่ 82 ต.ปากแพรก อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดพระโขนง ศาลจังหวัดนนทบุรี ศาลจังหวัดปทุมธานี และศาลจังหวัดธัญบุรี รวมทั้งหมด 8 หมายจับ ในข้อหาลักทรัพย์ในเคหสถานเวลากลางคืน โดยผ่านสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองบุคคลหรือทรัพย์นั้น หรือรับของโจร
ทั้งนี้ ตำรวจสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ภายในบ้านเช่าไม่มีเลขที่ หมู่บ้านณัฒวดี ถนนธัญบุรี คลอง 8 ตำบล และอำเภอลำลูกกา จ.ปทุมธานี พร้อมของกลางรถยนต์ยี่ห้อฮอนด้า ซีอาร์วี สีขาว จำนวน 1 คัน เครื่องเพชร และทองรูปพรรณ แบบต่างๆ บัญชีเงิน ฝากธนาคารต่างๆ และอุปกรณ์งัดแงะ เช่น สว่านมือหมุน สิ่ว ไขควง ถุงมือ ถุงเท้า ฯลฯ รวมทั้งสิ้น 58 รายการ มูลค่าประมาณ 4 ล้านบาท
พล.ต.ท.ฉลอง เปิดเผยว่า การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจากมีแก๊งคนร้ายเข้าไปงัดแงะบ้านหมู่บ้านจัดสรรทั้งในพื้นที่เขต กทม.และปริมณฑล พร้อมทั้งยกเซฟและเอาทรัพย์ของมีค่าต่างๆ ไปบ่อยครั้ง จึงสั่งการให้ศูนย์สืบสวน บช.ภ.1 ทำการสืบสวนจนกระทั่งพบว่า นายศิกศักดิ์ เป็นสมาชิกแก๊งงัดเซฟที่เคยมีประวัติก่อเหตุงัดบ้านมาแล้วหลายท้องที่เช่น สน.ลาดพร้าว สน.พหลโยธิน สน.บางชัน สน.พระโขนง สน.บางนา สภ.เมืองนนทบุรี สภ.คูคต
ครั้งสุดท้ายในท้องที่ สน.บึงกุ่ม ซึ่งถูกกล้องวงจรปิดจับภาพไว้ได้อย่างชัดเจน จนถูกเจ้าหน้าที่จับกุม จากนั้นเจ้าตัวก็ประกันตัวออกมาสู้คดี แต่ก็ยังมาก่อเหตุซ้ำอีก จนกระทั่งวานนี้ (4 ก.พ.) เจ้าหน้าที่สืบทราบว่า ผู้ต้องหาพักอาศัยอยู่ในหมู่บ้านหลังดังกล่าว จึงนำกำลังเข้าจับกุมได้พร้อมของกลางทรัพย์สินของมีค่าจำนวนมาก
พล.ต.ท.ฉลอง จากการสอบสวน นายศิกศักดิ์ ให้การรับสารภาพว่า เคยถูกจับกุมในข้อหาลักทรัพย์ติดคุกมาแล้ว 2 ครั้ง ในท้องที่ สน.มีนบุรี ติดคุกอยู่ 4 ปี และที่จ.พระนครศรีอยุธยาติดคุกอยู่ 2 ปี และครั้งหลังสุดที่ถูกจับในท้องที่ สน.บึงกุ่ม หลังจากประกันตัวออกมาสู้คดี เมื่อช่วงต้นเดือน ต.ค.ปีที่แล้ว นายศิกศักดิ์ ก็ไปเช่ารถมาแล้วเข้าไปงัดบ้านหลังหนึ่ง บนถนนศรีนครินทร์ ได้ทรัพย์สินมา 110,000 บาท จากนั้นในช่วงเที่ยงคืนของวันที่ 14 ต.ค.ก็เช่ารถเข้าไปงัดบ้านหลังหนึ่งในหมู่บ้านแคทรียา ต.ลาดสวาย อ.คูคต จ.ปทุมธานี โดยเจ้าตัวรื้อค้นไม่พบทรัพย์สินภายในบ้าน จึงขโมยรถแวนยี่ห้อเชฟโรเล็ต ราคาประมาณ 1 ล้านบาทออกไป
ต่อมาวันที่ 29 ต.ค.เวลาเที่ยงคืนอีกเช่นเดียวกัน นายศิกศักดิ์ ได้ใช้รถเชฟโรเลต คันที่ขโมยมา เข้าไปงัดบ้านหลังหนึ่ง ในหมู่บ้านลาซาลนิเวศน์ ซอยลาซาล 22 ถนนศรีนครินทร์ ซึ่งเมื่อเข้าไปก็พบเจ้าของบ้านนอนอยู่ในบ้านถึง 5 คน แต่ นายศิกศักดิ์ สามารถเดินรื้อค้นทรัพย์สินต่างห้องต่างในบ้าน ทั้งเงินสด แหวนเพชร สร้อยคอทองคำ ไปเป็นจำนวนมาก อีกทั้งขับรถยี่ห้อโตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์สีดำ และยี่ห้อบีเอ็มดับเบิ้ลยู สีขาว ที่จอดอยู่ในบ้านออกไปด้วย โดยที่คนในบ้านไม่มีใครตื่นเลย ซึ่งเป็นไปได้ว่าผู้ต้องหาอาจใช้วิธีวางยาสลบก็เป็นได้ โดยครั้งนี้ได้ทรัพย์สินไปร่วม 10 ล้านบาท
พล.ต.ท.ฉลอง กล่าวต่อว่า หลังจากนั้นในวันที่ 31 ต.ค. ช่วงเวลาเดียวกัน นายศิกศักดิ์ ใช้รถเก๋งบีเอ็มดับเบิ้ลยู คันที่ขโมยมา ขับเข้าไปงัดบ้านหลังหนึ่งในหมู่บ้านลัดดาวัลย์ ถนนศรีนครินทร์ ต.บางแก้ว อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ ก่อนลักเอาทรัพย์สินทั้งเงินสด เครื่องเพชรและทองรูปพรรณ นาฬิกา กระเป๋า ต่างๆ รวมมูลค่าถึง 25 ล้านบาท ไปขายและจำนำตามโรงรับจำนำย่านสะพานควาย สะพานใหม่ ธูปเตมีย์ พร้อมทั้งนำไปขายต่างจังหวัดเช่น ลพบุรี นครศรีธรรมราช ได้เงินมาประมาณ 3 ล้านบาท จากนั้นก็นำไปกินเที่ยว เล่นพนันในบ่อนที่ภาคใต้ ซื้อรถซื้อของ รวมทั้งใช้หนี้และใช้ต่อสู้คดี พร้อมทั้งแบ่งให้ภรรยาที่เลี้ยงดูอยู่ถึง 4 คนใช้จ่าย
พล.ต.ท.ฉลอง กล่าวต่อว่า ผู้ต้องหาอ้างว่าทุกครั้งจะก่อเหตุเพียงคนเดียว แต่เป็นไปไม่ได้แน่นอน เนื่องจากวันที่ 29 ต.ค.ที่เข้าไปขโมยรถออกมา 2 คันนั้น ผู้ต้องหาก็ได้ขับรถไปด้วย จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะขับรถอีกสองคันออกมาด้วย ต้องมีเพื่อนร่วมแก๊งแน่นอน แต่ผู้ต้องหายังไม่ยอมให้การว่ามีใครบ้าง ซึ่งเจ้าหน้าที่ตรวจสอบพบแล้วว่ามีอยู่ด้วยกัน 3 คน ซึ่งเจ้าหน้าท่จะสอบสวนขยายผลเพื่อติดตามจับกุมต่อไป
วันนี้ (5 ก.พ.) เมื่อเวลา 10.15 น.ที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 (บช.ภ.1) พล.ต.ท.ฉลอง สนใจ ผบช.ภ.1 พล.ต.ต.ราเชนทร์ รื่นกมล รอง ผบช.ภ.1 พล.ต.ต.วิทยา ประยงค์พันธุ์ ผบก.ภ.จว.ปทุมธานี พ.ต.อ.เพชรัตน์ แสงไชย รอง ผบก.ศสส.ภ.1 พร้อมเจ้าหน้าที่ กก.ศสส.บช.ภ.1 ร่วมกันแถลงข่าวจับกุม นายศิกศักดิ์ หรือ เผือก หรือ เอก พันธรังษี อายุ 39 ปี อยู่บ้านเลขที่ 82 ต.ปากแพรก อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดพระโขนง ศาลจังหวัดนนทบุรี ศาลจังหวัดปทุมธานี และศาลจังหวัดธัญบุรี รวมทั้งหมด 8 หมายจับ ในข้อหาลักทรัพย์ในเคหสถานเวลากลางคืน โดยผ่านสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองบุคคลหรือทรัพย์นั้น หรือรับของโจร
ทั้งนี้ ตำรวจสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ภายในบ้านเช่าไม่มีเลขที่ หมู่บ้านณัฒวดี ถนนธัญบุรี คลอง 8 ตำบล และอำเภอลำลูกกา จ.ปทุมธานี พร้อมของกลางรถยนต์ยี่ห้อฮอนด้า ซีอาร์วี สีขาว จำนวน 1 คัน เครื่องเพชร และทองรูปพรรณ แบบต่างๆ บัญชีเงิน ฝากธนาคารต่างๆ และอุปกรณ์งัดแงะ เช่น สว่านมือหมุน สิ่ว ไขควง ถุงมือ ถุงเท้า ฯลฯ รวมทั้งสิ้น 58 รายการ มูลค่าประมาณ 4 ล้านบาท
พล.ต.ท.ฉลอง เปิดเผยว่า การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจากมีแก๊งคนร้ายเข้าไปงัดแงะบ้านหมู่บ้านจัดสรรทั้งในพื้นที่เขต กทม.และปริมณฑล พร้อมทั้งยกเซฟและเอาทรัพย์ของมีค่าต่างๆ ไปบ่อยครั้ง จึงสั่งการให้ศูนย์สืบสวน บช.ภ.1 ทำการสืบสวนจนกระทั่งพบว่า นายศิกศักดิ์ เป็นสมาชิกแก๊งงัดเซฟที่เคยมีประวัติก่อเหตุงัดบ้านมาแล้วหลายท้องที่เช่น สน.ลาดพร้าว สน.พหลโยธิน สน.บางชัน สน.พระโขนง สน.บางนา สภ.เมืองนนทบุรี สภ.คูคต
ครั้งสุดท้ายในท้องที่ สน.บึงกุ่ม ซึ่งถูกกล้องวงจรปิดจับภาพไว้ได้อย่างชัดเจน จนถูกเจ้าหน้าที่จับกุม จากนั้นเจ้าตัวก็ประกันตัวออกมาสู้คดี แต่ก็ยังมาก่อเหตุซ้ำอีก จนกระทั่งวานนี้ (4 ก.พ.) เจ้าหน้าที่สืบทราบว่า ผู้ต้องหาพักอาศัยอยู่ในหมู่บ้านหลังดังกล่าว จึงนำกำลังเข้าจับกุมได้พร้อมของกลางทรัพย์สินของมีค่าจำนวนมาก
พล.ต.ท.ฉลอง จากการสอบสวน นายศิกศักดิ์ ให้การรับสารภาพว่า เคยถูกจับกุมในข้อหาลักทรัพย์ติดคุกมาแล้ว 2 ครั้ง ในท้องที่ สน.มีนบุรี ติดคุกอยู่ 4 ปี และที่จ.พระนครศรีอยุธยาติดคุกอยู่ 2 ปี และครั้งหลังสุดที่ถูกจับในท้องที่ สน.บึงกุ่ม หลังจากประกันตัวออกมาสู้คดี เมื่อช่วงต้นเดือน ต.ค.ปีที่แล้ว นายศิกศักดิ์ ก็ไปเช่ารถมาแล้วเข้าไปงัดบ้านหลังหนึ่ง บนถนนศรีนครินทร์ ได้ทรัพย์สินมา 110,000 บาท จากนั้นในช่วงเที่ยงคืนของวันที่ 14 ต.ค.ก็เช่ารถเข้าไปงัดบ้านหลังหนึ่งในหมู่บ้านแคทรียา ต.ลาดสวาย อ.คูคต จ.ปทุมธานี โดยเจ้าตัวรื้อค้นไม่พบทรัพย์สินภายในบ้าน จึงขโมยรถแวนยี่ห้อเชฟโรเล็ต ราคาประมาณ 1 ล้านบาทออกไป
ต่อมาวันที่ 29 ต.ค.เวลาเที่ยงคืนอีกเช่นเดียวกัน นายศิกศักดิ์ ได้ใช้รถเชฟโรเลต คันที่ขโมยมา เข้าไปงัดบ้านหลังหนึ่ง ในหมู่บ้านลาซาลนิเวศน์ ซอยลาซาล 22 ถนนศรีนครินทร์ ซึ่งเมื่อเข้าไปก็พบเจ้าของบ้านนอนอยู่ในบ้านถึง 5 คน แต่ นายศิกศักดิ์ สามารถเดินรื้อค้นทรัพย์สินต่างห้องต่างในบ้าน ทั้งเงินสด แหวนเพชร สร้อยคอทองคำ ไปเป็นจำนวนมาก อีกทั้งขับรถยี่ห้อโตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์สีดำ และยี่ห้อบีเอ็มดับเบิ้ลยู สีขาว ที่จอดอยู่ในบ้านออกไปด้วย โดยที่คนในบ้านไม่มีใครตื่นเลย ซึ่งเป็นไปได้ว่าผู้ต้องหาอาจใช้วิธีวางยาสลบก็เป็นได้ โดยครั้งนี้ได้ทรัพย์สินไปร่วม 10 ล้านบาท
พล.ต.ท.ฉลอง กล่าวต่อว่า หลังจากนั้นในวันที่ 31 ต.ค. ช่วงเวลาเดียวกัน นายศิกศักดิ์ ใช้รถเก๋งบีเอ็มดับเบิ้ลยู คันที่ขโมยมา ขับเข้าไปงัดบ้านหลังหนึ่งในหมู่บ้านลัดดาวัลย์ ถนนศรีนครินทร์ ต.บางแก้ว อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ ก่อนลักเอาทรัพย์สินทั้งเงินสด เครื่องเพชรและทองรูปพรรณ นาฬิกา กระเป๋า ต่างๆ รวมมูลค่าถึง 25 ล้านบาท ไปขายและจำนำตามโรงรับจำนำย่านสะพานควาย สะพานใหม่ ธูปเตมีย์ พร้อมทั้งนำไปขายต่างจังหวัดเช่น ลพบุรี นครศรีธรรมราช ได้เงินมาประมาณ 3 ล้านบาท จากนั้นก็นำไปกินเที่ยว เล่นพนันในบ่อนที่ภาคใต้ ซื้อรถซื้อของ รวมทั้งใช้หนี้และใช้ต่อสู้คดี พร้อมทั้งแบ่งให้ภรรยาที่เลี้ยงดูอยู่ถึง 4 คนใช้จ่าย
พล.ต.ท.ฉลอง กล่าวต่อว่า ผู้ต้องหาอ้างว่าทุกครั้งจะก่อเหตุเพียงคนเดียว แต่เป็นไปไม่ได้แน่นอน เนื่องจากวันที่ 29 ต.ค.ที่เข้าไปขโมยรถออกมา 2 คันนั้น ผู้ต้องหาก็ได้ขับรถไปด้วย จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะขับรถอีกสองคันออกมาด้วย ต้องมีเพื่อนร่วมแก๊งแน่นอน แต่ผู้ต้องหายังไม่ยอมให้การว่ามีใครบ้าง ซึ่งเจ้าหน้าที่ตรวจสอบพบแล้วว่ามีอยู่ด้วยกัน 3 คน ซึ่งเจ้าหน้าท่จะสอบสวนขยายผลเพื่อติดตามจับกุมต่อไป