xs
xsm
sm
md
lg

ร้อง รพ.นพรัตน์ ทำลูกสาวตายทั้งกลม ใช้สิทธิรักษา 30 บาท

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

สามีภรรยาคนงานก่อสร้าง แจ้งความโรงพยาบาลนพรัตนราชธานี ทำลูกสาวตายทั้งกลม หลังใช้สิทธิรักษา 30 บาท เผย แพทย์ให้กลับบ้านทั้งที่ปวดท้อง จนทนไม่ไหวต้องกลับมาที่โรงพยาบาลอีก แต่ไม่ทำคลอดให้ จนน้ำคร่ำท่วมปอด ส่งศพตรวจพิสูจน์นิติเวช

วันนี้ (1 ก.พ.) เมื่อเวลา 09.45 น.นายอำไพ ตุ้มทับ อายุ 46 ปี และ นางสำรอง ตุ้มทับ อายุ 43 ปี สองสามีภรรยา ชาว จ.สุพรรณบุรี ซึ่งมีอาชีพเป็นคนงานก่อสร้าง ได้เข้าแจ้งความกับ ร.ต.ท.ธวัชชัย มานันตพงศ์ ร้อยเวร สน.บางชัน ว่า ทีมแพทย์และพยาบาลของ รพ.นพรัตนราชธานี กระทำการโดยประมาทปล่อยให้ลูกสาว คือ น.ส.น้ำอ้อย ตุ้มทับ อายุ 22 ปี ซึ่งกำลังตั้งครรภ์ และมีอาการปวดท้องคลอดบุตรต้องเสียชีวิตลงเมื่อช่วงกลางดึกวานนี้ (31 ม.ค.) ทั้งที่ผู้ตายอยู่ในความดูแลของแพทย์และพยาบาลตั้งแต่วันที่ 30 ม.ค.ที่ผ่านมาแล้ว

โดย นางสำรอง กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ น.ส.น้ำอ้อย ได้ไปใช้สิทธิประกันสุขภาพถ้วนหน้า ของสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ตามโครงการ 30 บาท รักษาทุกโรค เพื่อฝากครรภ์ที่คลินิกเวชกรรมซอยนวลจันทร์ ซึ่งเป็นหน่วยบริการปฐมภูมิ ต่อมาเมื่อช่วงเช้าวันที่ 30 ม.ค.ที่ผ่านมา น.ส.น้ำอ้อย ก็เกิดอาการปวดท้องคลอดบุตร ตนจึงรีบพาไปที่คลินิกดังกล่าว แต่แพทย์ประจำคลินิกได้ทำเรื่องส่งต่อไปทำคลอดที่ รพ.นพรัตนราชธานี เมื่อเดินทางไปถึง ทางแพทย์ของ รพ.นพรัตนราชธานี กลับแจ้งมาว่า ปากมดลูกยังไม่เปิด ต้องกลับไปนอนพักดูอาการที่บ้านเสียก่อน ตนจึงต้องพากันกลับมาที่แคมป์พักคนงานย่านซอยรามอินทรา 39 ทั้งๆ ที่ น.ส.น้ำอ้อย ยังคงปวดท้องอยู่

นางสำรอง กล่าวอีกว่า หลังนอนพักได้จนถึงช่วงเย็นวันเดียวกัน น.ส.น้ำอ้อย ก็บ่นปวดท้องอีก โดยขอร้องให้ตนพาไปหาหมออีกครั้ง ตนจึงตัดสินใจพากลับไปที่ รพ.นพรัตนราชธานี ตามเดิม คราวนี้แพทย์บอกว่า ปากมดลูกเริ่มเปิดได้ประมาณ 1 เซนติเมตรแล้ว จึงอนุญาตให้ น.ส.น้ำอ้อย นอนพักที่ห้องรอคลอด ตั้งอยู่บนชั้นที่ 2 อาคาร 4 โดยแพทย์ยังได้กำชับบอกตนด้วยว่า ให้ไปซื้อของใช้เด็กเตรียมไว้ได้เลย จนกระทั่งถึงช่วงเช้าวันที่ 31 ม.ค.แพทย์ก็ยังไม่ทำคลอดให้เสียที ประกอบกับ น.ส.น้ำอ้อย เริ่มมีอาการอาเจียนแทรกซ้อนจนทานอะไรไม่ได้ ตนจึงถามแพทย์ว่า จะต้องให้น้ำเกลือ หรือตัดสินใจผ่าตัดเอาเด็กออกแทนการคลอดด้วยวิธีธรรมชาติหรือไม่ ซึ่งตอนนั้นทางแพทย์ ตอบกลับมาเพียงว่า ให้นอนรอดูอาการไปก่อน

“จนกระทั่งเมื่อคืนนี้ (31 ม.ค.) ช่วงเวลาประมาณ 2 ทุ่ม ตนร้อนใจมากจึงขับ รถ จยย.ออกจากแคมป์พักคนงานไปเยี่ยมลูกสาว ที่โรงพยาบาล พอไปถึงพยาบาลบอกว่าหมดเวลาเยี่ยมแล้ว จึงต้องย้อนกลับไปที่แคมป์ แล้วตัดสินใจโทรศัพท์ไปสอบถามอีกครั้งตอนประมาณ 4 ทุ่ม คราวนี้แพทย์แจ้งว่า ลูกสาวตนมีอาการน้ำคร่ำท่วมปอด กำลังช็อกและปั๊มหัวใจช่วยเหลืออยู่ จึงต้องเดินทางไปที่โรงพยาบาลอีกครั้งในช่วงกลางดึก โดยแพทย์ให้ตนเลือกว่าจะเอาชีวิตแม่ หรือเด็กในครรภ์เอาไว้ ตนจึงบอกไปว่า ให้เอาชีวิตลูกสาวตนไว้ก่อน พร้อมยกมือไหว้ขอร้องทีมแพทย์ แต่แล้วลูกสาวตนก็ต้องเสียชีวิต ไปพร้อมกับลูกในครรภ์ เมื่อช่วงตี 1 ที่ผ่านมา เมื่อตนสอบถามสาเหตุที่แท้จริง แต่ก็ไม่ได้รับคำตอบใดๆ จากทีมแพทย์และพยาบาลของรพ.นพรัตนราชธานี บ้างเลย” นางสำรอง กล่าวทั้งน้ำตา

ด้าน นายอำไพ กล่าวว่า ตนกับภรรยาและลูกเขย เป็นแค่คนงานก่อสร้าง คงไม่มีปัญญาไปเอาความผิดกับใคร จึงอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาช่วยเหลือ เพื่อเอาผิดกับทางโรงพยาบาลที่ปล่อยให้ลูกสาวและหลานในท้องต้องตาย และอยากให้เหตุการณ์นี้เป็นครั้งสุดท้ายที่ผู้ประกันตนตามโครงการ 30 บาท รักษาทุกโรค จะต้องมาจบชีวิต เพราะแพทย์ไม่สนใจไยดี ทั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นคนรวยหรือคนจน หากเกิดอาการเจ็บป่วยขึ้นมา ก็หวังจะพึ่งพาแพทย์และพยาบาลทั้งนั้น ขณะเดียวกัน ร.ต.ท.ธวัชชัย เปิดเผยว่า ตอนนี้ยังไม่สามารถแจ้งความเอาผิดกับผู้ใดได้

เบื้องต้นตนจะส่งมอบศพไปให้สถาบันนิติเวช รพ.ตำรวจ ทำการผ่าชันสูตรหาสาเหตุการตายอย่างละเอียดเสียก่อน หากผลออกมาพบว่า สาเหตุเกิดจากความประมาทของผู้ให้การรักษาก็จะออกหมายเรียกทีมแพทย์และพยาบาลที่เกี่ยวข้องมาสอบปากคำก่อนแจ้งข้อหาเพื่อดำเนินคดีต่อไป

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับ น.ส.น้ำอ้อย เคยอยู่กินกับสามีเก่าที่ จ.พิษณุโลก จนมีลูกสาววัย 7 ขวบ ด้วยกันมาแล้ว 1 คน ต่อมาก็แยกทางกัน และฝากลูกสาวเอาไว้ให้ญาติฝ่ายสามีเก่าเลี้ยงดู จนกระทั่งมาพบรักกับสามีใหม่ ชื่อ นายประพฤติ ดาบอำลา อายุ 26 ปี ชาว จ.สกลนคร แล้วตัดสินใจมีลูกด้วยกัน แต่ก็ต้องมาเสียชีวิตพร้อมลูกในครรภ์จากเหตุการณ์ดังกล่าว
นายอำไพ ตุ้มทับ อายุ 46 ปี และ นางสำรอง ตุ้มทับ อายุ 43 ปี สองสามีภรรยา ชาว จ.สุพรรณบุรี ร่ำไห้ที่ลูกสาวต้องเสียชีวิตไปพร้อมกับลูกในท้อง
น.ส.น้ำอ้อย ตุ้มทับ อายุ 22 ปี ผู้ตาย
กำลังโหลดความคิดเห็น