xs
xsm
sm
md
lg

เผยเบื้องหลังนาทีลูกๆบอกลา"ไมเคิล"ก่อนจับแต่งชุดเก่งเต็มยศครั้งสุดท้าย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

สร้อยหัวใจอีกครึ่งดวงบนตัวปารีส
นับเป็นเรื่องที่เศร้าที่สุดของวงการเพลงในเวลานี้กับการสูญเสียราชาเพลงป็อปผู้ยิ่งใหญ่ "ไมเคิล แจ็กสัน" ไปอย่างกระทันหัน และที่เสียใจที่สุดกับเหตุการณ์นี้เห็นจะเป็นลูกๆทั้งสามที่เข้าไปบอกลาพ่อเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่ลูกสาวจะถอดสร้อยให้พ่อติดตัวไปด้วย

บรรยากาศแสนเศร้าในวันที่ไมเคิล แจ็กสัน จากไป ได้รับการเปิดเผยจาก ลา โทยา พี่สาวแท้ๆวัย 53 ปีของราชาเพลงป็อปชื่อดัง ที่กล่าวว่าวันนั้นเด็กๆจับมือพ่อ เรียกให้เขาฟื้น สวดมนต์ภาวนาพร้อมน้ำตาที่ไหลอาบแก้ม

"ปารีส เป็นคนบอกว่าเธออยากเห็นพ่อของเธอเป็นครั้งสุดท้าย ฉันเลยพาเธอเข้าไปที่ห้อง มันมีผ้าคลุมหน้าเขาอยู่ฉันเลยดึงออก ปารีสก็ร้องออกมา 'โอ้ พ่อคะ หนูรักพ่อ'" ลา โทยา พี่สาวกล่าว

"เรากอดไมเคิล และฉันจูบเขาที่หน้าผากส่วนเด็กๆก็กุมมือเขา เขาดูไม่เหมือนคนตาย ตาของเขาปิดลงครึ่งหนึ่ง ดูราวกับว่าเขาแค่กำลังพักอยู่เท่านั้น ก่อนหน้านี้เด็กๆร้องไห้โฮ แต่พอเข้าไปในห้องนั้นและได้เห็นไมเคิล พวกแกก็หยุดร้องและกลายมาเป็นนิ่งสงบ"

ลา โทยา ยังได้เผยวินาทีที่เธอทราบข่าวการเสียชีวิตของน้องชายที่ทำเอาเธอเข่าอ่อนจนเกือบจะเกิดอุบัติเหตุด้วย "ฉันอยู่ที่บ้านห่างจากไมเคิลแค่สามนาที และตอนนั้นฉันกำลังคุยกับเพื่อนอยู่เลยเรื่องที่ฟาร์ราห์ ฟอว์เซ็ตต์ และ เอ็ด แมคมานน์ คนดังระดับตำนานเพิ่งเสียชีวิต ฉันกำลังพูดเลยว่าเดี๋ยวต้องมีอีกคน เพราะว่าปกติมักจะไปแบบแพ็กสามเสมอ แต่อีกชั่วโมงครึ่งต่อมาพ่อฉันก็โทรมาบอกเรื่องไมเคิลถูกส่งตัวเข้าโรงพยาบาล"

"ฉันรีบกระโดดขึ้นรถ แล้วก็โทรศัพท์หาผู้ช่วยของแม่ถามว่าเขาเป็นอย่างไรบ้าง? แต่เขาก็ไม่พูดอะไรเลย ในที่สุดฉันก็ได้ยินแม่ตะโกนอยู่ข้างหลัง ทำไมไม่บอกเธอไปล่ะ? จากนั้นเธอก็คว้าโทรศัพท์ไปแล้วก็ร้องโฮออกมา 'เขาตายแล้ว!' ฉันเกือบขับรถชน ขาฉันไม่มีแรงเลย"

พอเมื่อลา โทยา ไปถึงโรงพยาบาลนางพยาบาลได้บอกกับเธอว่าไมเคิล ยังไม่ตาย "ตอนนั้นฉันรู้สึกดีมาก แต่จากนั้นพอฉันเข้าไปเห็นแม่และหลานๆที่กำลังนั่งอยู่บนตักทุกคนต่างร้องไห้กันหมด พวกเขาพูดแต่ว่า 'เขาไปแล้ว' ฉันลงไปกองอยู่กับพื้นแล้วก็ร้องไห้ไม่หยุด แต่หลังจากนั้น 20 นาทีฉันก็ตั้งสติแล้วก็ตระหนักว่าฉันจะต้องเข้มแข็งเพื่อหลานๆที่กำลังร้องไห้โฮ"

จากนั้นแรนดี,เจอร์เมน พี่ชายไมเคิลและหลานออสติน ได้ช่วยกันพาเด็กๆเข้าไปดูหน้าพ่อครั้งสุดท้าย "ฉันถามเด็กๆว่าอยากบอกอะไรกับพ่อไหม?แล้วพวกเด็กๆก็ได้พูดบางอย่างกับเขา"

"ปารีสกุมมือเขา พวกเรานั่งกันอยู่รอบๆเตียง ที่อกของเขาแดงมากจากการพยายามปั๊มหัวใจช่วยชีวิต หน้าเขาไม่มีเครื่องสำอางค์และยังดูดีมาก เขาไม่ได้หัวล้านอย่างที่รายงานข่าวบอกไป ทุกอย่างดูดีมาก"

"พวกเราทั้งหมดต่างสวดมนต์ให้เขา เราอยู่ที่นั่นประมาณชั่วโมงครึ่ง พอเราเดินออกจากห้องตอนนั้นพวกเด็กๆไม่ร้องไห้แล้ว พวกแกเงียบมาก" แต่ความกังวลของลา โทยา คงยังไม่หมดไปเพราะเธอรู้ดีว่าปารีส เป็นคนเดียวที่รับมือกับเรื่องการเสียชีวิตของพ่อได้ยากที่สุด เธอสวมเสื้อที-เชิร์ตของไมเคิลทุกวันและที่กำแพงในห้องนอนเธอก็เต็มไปด้วยโปสเตอร์รูปของไมเคิล

"ปารีสเขียนจดหมายถึงพ่อทุกวัน เป็นจดหมายที่น่ารักมากๆ เธอเขียนว่าเธอรักเขามากแค่ไหน ไมเคิลเคยบอกว่าปารีสมักเขียนโน้ตถึงเขาเสมอ" ลา โทยา พูดพร้อมกับกลั้นน้ำตา

มีฉบับหนึ่งเพิ่งเขียนเมื่อสัปดาห์ที่แล้วเธอบอกว่า "พ่อคะ หนูไม่คิดว่าวันนี้หนูจะทำได้ดีนัก หนูสังเกตุว่าเมื่อไหร่ที่หนูมองดูแบล็งเคทเขาจะดูเศร้าๆเล็กน้อย หนูอยากรู้ว่าทำไมน้องถึงดูเศร้าแต่น้องไม่ยอมบอกหนู พ่อคิดว่าพ่อจะช่วยหนูหาสาเหตุได้ไหมว่าทำไมน้องถึงดูเศร้า เพราะว่าหนูอยากให้น้องร่าเริงมีความสุขเหมือนหนู เหมือนที่พ่อเป็น"

"จดหมายของปารีสงดงามมาก เมื่อไหร่ที่คุณอ่านคุณจะต้องร้องไห้ ฉันคิดว่าเธอจะเป็นเอนเตอร์เทนเนอร์ที่ดีเมื่อเธอโตขึ้น เธอร้องเพลงของพ่อเสมอๆ"

นอกจากนั้นเธอยังพูดถึงลูกชายคนโตของไมเคิลที่รับมือกับเรื่องนี้ได้ดีกว่าลูกสาว "พรินซ์ ไมเคิล ไม่ร้องไห้ปล่อยโฮเหมือนปารีส หลังจากที่เขาเห็นร่างของพ่อเขาในโรงพยาบาล ฉันเห็นว่าเขาดูเข้มแข็งขึ้นขณะที่เราเดินออกจากห้อง เขาไม่ร้องไห้อีกเลยนับตั้งแต่วันนั้น แต่ฉันอยากให้เขาร้องออกมา ฉันเลยบอกเขาว่า ไม่เป็นไรร้องเถอะ ส่วนแบล็งเคทน่ารักมาก เขาตั้งรับได้ดี"

ซึ่งในส่วนของแบล็งเคทเธอยังได้เผยที่มาของลูกชายคนสุดท้องของไมเคิลว่ามาจากไหนด้วย "จริงแล้วไมเคิลไม่อยากรู้ว่าใครคือพ่อแม่ที่แท้จริงของแบล็งเคท เขาเลือกไข่จากผู้บริจาคและฉันเชื่อว่าน้ำเชื้อก็มาจากหนึ่งในห้าผู้บริจาคที่เขาเลือกมาจากหนังสือ ฉันไม่รู้จริงๆว่าใครเป็นคนอุ้มท้อง แต่คนที่อุ้มบุญน่าจะรู้ว่าเด็กที่เธอกำลังอุ้มท้องอยู่นั้นจะเป็นลูกของใคร ไมเคิลภูมิใจในตัวแบล็งเคทและลูกๆของเขามาก พวกแกคือผลผลิตจากการตัดสินใจที่ดีที่สุดของเขา"

คืนสุดท้ายปารีสขอมอบหัวใจให้พ่อ

ลา โทยา เผยถึงเรื่องราวที่ปารีสขอบอกลาพ่อเพียงลำพังครั้งสุดท้ายโดยเปิดหีบศพพ่อที่ตั้งอยู่ใน Forest Lawn Cemetery ค่ำคืนก่อนที่จะพาพ่อมาจัดพิธีไว้อาลัยอย่างยิ่งใหญ่ที่สนามสเตเปิล เซ็นเตอร์

โดยลา โทยาเผยว่าเด็กผู้ชายไม่อยากไปแต่มีแค่ปารีส, ลา โทยา , เจฟเฟร ฟิลลิป หุ้นส่วนทางธุรกิจของเธอ และ แรนดี พี่ชายเท่านั้น

เธอกล่าวว่าทุกคนร้องไห้เมื่อเห็นปารีส เอาสร้อยคอราคาถูกแต่มีค่ามากสำหรับเธอที่เป็นรูปหัวใจแยกออกจากกันได้พยายามมาสวมเข้าที่คอของพ่อ ซึ่งสร้อยที่ปารีสสวมนั้นเป็นสร้อยสำหรับเพื่อนหรือคู่รักที่เป็นรูปหัวใจครึ่งเสี้ยว และจะเปลี่ยนสีได้เมื่อสัมผัสกับผิวหนัง ซึ่งถือได้ว่านี่คือสัญลักษณ์แห่งความรักระหว่างเธอและพ่อ

ปารีส สวมสร้อยคออีกครึ่งในวันพิธีไว้อาลัย โดยลา โทยา กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า "ปารีส ซื้อสร้อยนี้มาเพื่อเป็นของขวัญบอกลาให้กับพ่อ ตอนแรกเธอพยายามจะสวมเข้าที่คอของไมเคิล แต่มันสวมไม่ได้ เธอเลยพันมันไว้ที่ข้อมือของเขาแทน จากนั้นเธอก็เอาหัวใจอีกครึ่งของเธอกับสร้อยที่อยู่บนข้อมือของเขามาไว้ด้วยกัน แล้วพูดว่า 'พ่อคะนี่คือของพ่อ' จากนั้นเธอก็ดึงแยกออกจากกัน เธอบอกฉันว่า 'หนูอยากเอาครึ่งหนึ่งให้กับพ่อและอีกครึ่งหนึ่งหนูจะสวมมันไว้ตลอดไป ที่อยู่บนตัวพ่อมันเป็นสีฟ้าเพราะตัวพ่อเย็น แต่ที่อยู่บนตัวหนูมันเป็นสีม่วง' จากนั้นเธอก็ดึงเอาถุงที่ใส่หินสีแวววาวสำหรับเด็กเล่นออกมา เธอโรยไปที่อกของไมเคิลแล้วก็รอบๆตัวเขา ฉันรู้สึกตีบตันอย่างบอกไม่ถูก"

ลา โทยา ยังเผยด้วยว่าเธอต้องการให้แจ็กโกดูดีเฉกเช่นเดียวกับที่เขาขึ้นแสดงบนเวทีคอนเสิร์ต เขาถูกแต่งตัวด้วยเสื้อสีครีม สวมทับด้วยเสื้อแจ็กเก็ตประดับลูกปัดมุกสีขาว คาดเข็มขัดสีทองเส้นใหญ่ ที่หัวเข็มขัดประดับด้วยรูปเทวดา 2 องค์ พร้อมกับสวมกางเกงขายาวสีดำแววาว ลา โทยา ยังได้วางถุงมือแบบที่กลายเป็นสัญลักษณ์ของเขาลงไปในนั้นด้วย พร้อมๆกับแว่นตาอันเป็นเอกลักษณ์ของเขา "เขาดูเหมือนไมเคิลตามปกติ เขาดูดีมาก"

พร้อมกันนั้น ลา โทยา ยังได้เผยถึงวินาทีที่ปารีส ขอขึ้นกล่าวอะไรถึงพ่อด้วย "ไม่แน่ใจว่าถึงตอนที่สโมคกี โรบินสัน หรือ สตีวี วันเดอร์ ขึ้นบนเวที ตอนนั้นปารีสมากระซิบกับฉันว่า 'ป้าลา โทยา หนูอยากขึ้นไปบนนั้นและพูดอะไรเกี่ยวกับพ่อ'"

"ฉันไม่อยากทำให้เธอผิดหวัง ฉันเลยบอกโอเค ฉันรู้ว่าปารีสจะต้องทำอะไรแบบนั้นเพราะว่าเรารู้ดีว่าเธอรักพ่อของเธอมากขนาดไหน เธอแสดงให้ทั้งโลกได้เห็นว่าเขามีความหมายมากเพียงใดสำหรับเธอด้วยคำพูดวันนั้น"

"ทั้งอาทิตย์เธอถามแต่ว่า 'ทำไมพวกเขาต้อเอาพ่อหนูไปด้วย?' และสิ่งที่เธอพูดเกี่ยวกับไมเคิลว่าเขาเป็นพ่อที่ดีที่สุดในโลกนั้นมันสมบูรณ์แบบที่สุดแล้ว"

ลา โทยา ยังเผยถึงสาเหตุที่เด็กๆปรากฏตัวโดยปราศจากหน้ากากบนใบหน้าในพิธีไว้อาลัยด้วยว่า "พวกเด็กๆไม่สวมหน้ากากในวันพิธีไว้อาลัยเพราะว่าเราอยากให้เด็กๆได้ใช้ชีวิตอย่างคนปกติทั่วไป ถ้าเรายังให้พวกเขาสวมหน้ากากอยู่ ผู้คนก็จะยังติดตามไล่ล่าอยากเห็นหน้าพวกเขา และการที่ถอดหน้ากากออกเราก็ได้แต่หวังว่าผู้คนจะปล่อยให้พวกเด็กๆได้อยู่ตามลำพังเพื่อเยียวยาตนเอง"

เธอยังเผยด้วยว่าเด็กๆถูกคุ้มกันให้ออกจากโลกภายนอกมากเพียงใด โดยระบุว่าเด็กๆไม่เคยได้ดูรายการทีวีตามปกติเลยพวกเด็กๆไม่รู้เลยว่าพ่อของพวกเขาเป็นซูเปอร์สตาร์โด่งดังมากขนาดไหน "คุณต้องจำไว้ว่าเด็กๆเหล่านี้ไม่เคยเห็นพ่อของพวกแกขึ้นแสดงเลย เพราะไมเคิลไม่ออกทัวร์อีกเลยนับตั้งแต่ที่พวกเด็กๆเกิด ไมเคิลรอที่จะทำให้พวกแกปรหลาดใจกับคอนเสิร์ตที่จะเกิดขึ้นในลอนดอน ฉันนึกภาพได้ว่าเด็กๆจะต้องวิ่งมาบอกฉันว่า 'ป้าลา โทยา รู้ไหม พ่อของพวกหนูเป็นซูเปอร์สตาร์'"

"เด็กๆไม่เคยได้ดูทีวี พวกแกได้ดูแต่ Nickelodeon หรือไม่ก็ภาพยนตร์ ไมเคิลไม่อนุญาตให้เด็กๆดูรายการทีวีปกติ เพราะคิดว่ามีแต่สิ่งไม่ดีคอยแต่จะรบกวนใจพวกเขา"

เขายังต้องการให้ปารีส และ พรินซ์ ไมเคิล อยู่ห่างจากเด็บบี โรว์ นางพยาบาลที่เป็นผู้อุ้มท้องเด็กๆให้มากที่สุด และไม่ต้องการให้เด็กๆรู้ว่าเธอคือแม่ของพวกเขา "เด็กๆยังไม่รู้ว่าเธอคือใคร พวกเธอเคยเจอเด็บบี แต่ไมเคิลไม่เคยแนะนำเธอในฐานะแม่ เพราะตัวเขาเองที่เป็นทั้งพ่อ แม่ และโลกทั้งโลกสำหรับเด็กๆ"
เสื้อที่สวมให้ไมเคิลเป็นชุดสุดท้าย


กำลังโหลดความคิดเห็น