ASTVผู้จัดการรายวัน - กลุ่มสัตว์นรกผู้ชื่นชอบรัฐบาลนอมินีทักษิณ ลอบกัดยิงระเบิดเอ็ม 79 ถล่มพันธมิตรฯ ในทำเนียบ เสียชีวิต 1 บาดเจ็บ 22 "จงรัก" ตอแหล ดูแลความปลอดภัยเต็มที่แล้ว แต่ยังเกิดเหตุร้าย ขณะที่ "ปฐมพงษ์" ยืนยันฆาตรกรยิงเอ็ม 79 คนทำโหดเหี้ยมให้อภัยไม่ได้
เวลา 03.25 น. เช้ามืดวันที่ 20 พ.ย. ทีผ่านมา เกิดเหตุคนร้ายไม่ทราบจำนวนใช้เครื่องยิงลูกระเบิดเข้าไป ภายในทำเนียบรัฐบาลซึ่งเป็นสถานที่ชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย โดยระเบิดตกลงบนหลังคาเต็นท์และระเบิดขึ้น ทำให้หลังคาเต็นท์เสียหาย เป็นรูกว้างขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 20 ซม. โดยจุดที่ระเบิดตกอยู่ห่างจากเวทีปราศรัยเพียง 15 เมตร แรงระเบิดทำให้เกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหว สะเก็ดระเบิดกระจายเป็นวงกว้าง ทำให้มีผู้บาดเจ็บทันที จำนวน 23 ราย ในจำนวนนั้นมีอาการสาหัส 2 ราย ขณะที่การ์ดอาสาพันธมิตรฯได้เข้าไปในที่เกิดเหตุทันที และช่วยกันลำเลียงผู้บาดเจ็บส่งโรงพยาบาลใกล้เคียงเป็นการเร่งด่วน ทั้งนี้ จากการตรวจสอบเบื้องต้น คาดว่าระเบิดดังกล่าวเป็นระเบิดชนิดเอ็ม 79
อย่างไรก็ตาม ภายหลังจากเกิดเหตุทำให้บรรยากาศที่ชุมนุมของพันธมิตรฯ เต็มไปด้วยความแตกตื่น แต่หลังจากเหตุการณ์สงบลง ผู้ชุมนุมได้กลับเข้าร่วมฟังการปราศรัยของพิธีกรบนเวทีตามปกติ โดยมิได้มีอาการตื่นกลัวต่อเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นแต่อย่างใด
**เผยนาทีระทึก-เสียชีวิต 1 ราย
นางต้นขวัญ แสงอาทิตย์ หนึ่งในผู้ชุมนุม เปิดเผยว่า ขณะเกิดเหตุตนกำลังนั่งฟังปราศรัยบนเวที ส่วนผู้ชุมนุมบางส่วนก็นอนหลับ ช่วงที่ระเบิดตกลงมานั้น ไม่ทันตั้งตัวได้ยินเพียงเสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหว จากนั้นสะเก็ดระเบิดกระจายเป็นวงกว้างไปถูกกลุ่มผู้ชุมนุมที่กำลังนอนอยู่ทำให้ได้รับบาดเจ็บหลายคน แต่ก็ไม่รู้สึกหวั่นกลัวต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และพร้อมที่จะต่อสู้เพื่อประเทศชาติต่อไป
ต่อมาเวลาประมาณ 03.30 ที่ รพ.รามาธิบดี ด้าน พญ.รพีพร โรจน์แสงเรือง แพทย์ผู้ทำการรักษาผู้บาดเจ็บจากเหตุระเบิด เปิดเผยว่า เบื้องต้นมีผู้ที่ได้รับบาดเจ็บเข้ามารับการักษาทั้งหมด 8 ราย ประกอบด้วย 1.นายเจนกิจ กลัดสาคร ถูกระเบิดบริเวณลำคออาการสาหัสหัวใจหยุดเต้นแพทย์ช่วยชีวิตโดยการปั๊มหัวใจ แต่ผู้บาดเจ็บทนพิษบาดแผลไม่ไหวเสียชีวิตในเวลาต่อมา 2.นายยุทธชัย ลือพักตร์ อายุ 39 ปี 3.นางวรรณี รัตนพันธ์ อยุ 51 ปี 4.นางบุศย์รินทร์ กวีพราหมณ์ อายุ 52 ปี 5.นางสุนิสา พงษ์แก้ว อายุ 61 ปื 6.นางเอื้อมพร จิรวนิช อายุ 54 ปี 6.นายเล็ก ชื่นใจ อายุ 52 ปี 7.นางอรพิน อรรจนถีรวัต อายุ 49 ปี
ส่วนที่ รพ.พระมงกุฎเกล้าฯ ผู้ได้รับบาดเจ็บที่ถูกส่งตัวไปรักษา ประกอบด้วย 1.นายมรกต เฟื่องฟูวงศ์รัตน์ อายุ 42 ปี 2.นายประดิษฐ์ ชูมีศรี อายุ 20 ปี 3.นายไพฑูรย์ ดูเหมาะ อายุ 66 ปี 4.นางอรวรรณ วนัสบดีกุล อายุ 56 ปี 5.นายวิรัตน์ วิเชียรพงษ์ อายุ 49 ปี 6.นางเบ็ญจภร บัวพูน อายุ 42 ปี 7.นางลำดวน สุขเสงี่ยม อายุ 48 ปี 8.นายสุเทพ สุขคำแหง อายุ 49 ปี 9.นางภาวนา คำสันยี อายุ 51 ปี 10.นางทิพวรรณ อู่ประสิทธิ์วงศ์
นอกจากนี้ยังมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีกจำนวน 5 ราย ถูกส่งตัวไปรักษาที่ รพ.จุฬา จำนวน 1 ราย รพ.วชิระ จำนวน 1 ราย และ รพ.กลางอีก จำนวน 3 ราย โดยที่ รพ.กลางมีช่างภาพของ ASTV คือนายนพพร สุขราม อายุ 25 ปี ได้รับบาดเจ็บบริเวณไหล่เข้ารับการรักษาอยู่ด้วย
อย่างไรก็ตาม หลังเกิดเหตุแกนนำพันธมิตรฯ ได้เรียกประชุมด่วน เพื่อหาทางป้องกันเหตุร้าย และเร่งหาตัวคนร้ายที่ลอบยิงระเบิดใส่พันธมิตรฯ มาดำเนินคดีให้ได้โดยเร็วที่สุด
**"จงรัก" ตอแหลชี้ดูแลเต็มที่แล้ว
ต่อมาเช้าวันเดียวกัน ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล พล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ( รอง ผบ.ตร.)กล่าวถึงเหตุระเบิดดังกล่าวว่า คนร้ายใช้ระเบิดชนิดเอ็ม 79 ที่ยิงมาจากด้านนอกทำเนียบรัฐบาลจุดใดจุดหนึ่ง แต่ยังไม่สามารถเข้าไปตรวจสอบที่เกิดเหตุได้เนื่องจากกลุ่มผู้ชุมนุมฯไม่ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไป
"แม้ตำรวจจะมีการป้องกันอย่างเต็มประสิทธิภาพ มีการตั้งด่านสกัดตรวจอย่างเคร่งครัดก็ตาม แต่ได้สั่งกำชับย้ำแล้วว่าให้เพิ่มความเข้มในการตรวจตรามากกว่าเดิมเพราะไม่ต้องการให้เกิดความรุนแรงใดๆประเทศไทยไม่ใช่อิรัก การจะมาห้ำหั่นกันโดยใช้กำลังนั้นมันไม่ถูกต้อง ผมอยากให้ทุกฝ่ายหันหน้ามาร่วมมือทำให้ประเทศเราเป็นประเทศที่สงบจะดีเสียกว่า"
**ปัดเรียก "เสธ.แดง" สอบ
เมื่อถามว่า ต้องเชิญ พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือ เสธ.แดง ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก มาสอบสวนหรือไม่ เพราะเคยให้สัมภาษณ์ก่อนหน้านี้ว่า จะมีเหตุระเบิดขึ้น รอง ผบ.ตร. กล่าวว่า เรื่องนี้ต้องสอบสวนผู้บาดเจ็บตามโรงพยาบาลต่างๆ ว่าเหตุที่เกิดขึ้นเป็นอย่างไร หารายละเอียดให้มากที่สุด การจะเชิญใครมาสอบสวนต้องมีพยานหลักฐานพอสมควรก่อน แต่ขณะนี้เรายังไม่ได้รายละเอียดในส่วนนี้เลย รวมทั้งต้องรอสอบปากคำผู้บาดเจ็บก่อนว่า มาจากทางไหน ทิศทางเป็นยังไง ผู้บาดเจ็บเห็นใครอะไรหรือไม่ ต้องขอเวลาทำงานด้วย
ขณะที่ พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว ผบช.น. กล่าวว่า ยังคงไม่สามารถระบุได้ชัดเจนว่า คนร้ายยิงเข้ามาจากด้านใด เพราะยังไม่สามารถเข้าตรวจสอบพื้นที่จุดเกิดเหตุได้ ซึ่งหากเป็นการยิงจากปืน ได้ตรวจสอบจะทราบว่าจุดตกกระทบนั้นมีระยะเท่าใด
"ส่วนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นจะมีความเชื่อมโยงกับเหตุระเบิดที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้หรือไม่ คงยังไม่สามารถตอบได้ เนื่องจากยังไม่มีพยานหลักฐาน แต่ส่วนนี้จะเร่งสืบสวนให้ได้โดยเร็วที่สุด"
**ตำรวจ พฐ.ตรวจที่เกิดเหตุ
ต่อมา เวลา 12.15 น. พล.ต.ต.อนันต์ ศรีหิรัญ ผบก.น.1 พ.ต.อ.วีระวิทย์ จันทร์จำเริญ พ.ต.อ.วิชาญ บริรักษ์กุล พ.ต.อ.ไกรเลิศ บัวแก้ว รองผบก.น.1 และพ.ต.อ.รังสรรค์ ประดิษฐผล ผกก.สน.นางเลิ้ง นำเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน และเจ้าหน้าที่หน่วยเก็บกู้และตรวจพิสูจน์วัตถุระเบิดของ บช.น.เข้าตรวจสอบบริเวณจุดเกิดเหตุระเบิดดังกล่าว โดยมี พล.อ.ปฐมพงษ์ เกษรศุกร์ เป็นผู้พาดูที่เกิดเหตุ โดยพาตำรวจไปตรวจสอบจุดที่เกิดเหตุระเบิดครั้งล่าสุด และจุดที่เกิดเหตุระเบิดเมื่อวันที่ 17 พ.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งทั้ง 2 ที่ เต็นท์เป็นรูทั้ง 2 จุด จากนั้นทางเจ้าหน้าที่หน่วยเก็บกู้ฯ ได้ทำการเก็บสะเก็ดระเบิดที่ตกอยู่โดยรอบ และตัดหลังคาเต็นท์ผ้าใบที่เป็นรูไปตรวจสอบ โดยใช้เวลาทั้งหมดประมาณ 30 นาที
พล.ต.ต.อนันต์ กล่าวว่า จากการตรวจสอบจุดเกิดเหตุ พบสะเก็ดระเบิดที่อยู่โดยรอบ และร่องรอยที่เต็นท์ ซึ่งได้ให้เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานตัดหลังคาเต็นท์ตรงจุดที่เป็นรูออกไปตรวจสอบแล้ว ทั้งนี้ จาการสอบถามเจ้าหน้าที่หน่วยเก็บกู้ทราบว่าต้องรอตรวจคราบเขม่าที่ติดอยู่ที่เต็นท์ คราบเขม่าที่ศพผู้ตาย และสะเก็ดระเบิดทั้ง 3 อย่างก่อนจึงจะวิเคราะห์ได้ว่าเป็นระเบิดชนิดใด
**"ปฐมพงษ์" ยันมาตรกรยิงเอ็ม 79
พล.อ.ปฐมพงษ์ เกษรศุกร์ อดีตประธานคณะที่ปรึกษากองบัญชาการทหารสูงสุด ขึ้นเวทีพันธมิตรฯ กล่าวถึงกรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาตรวจพื้นที่บริเวณทำเนียบรัฐบาล จากเหตุระเบิดตกใส่ผู้ชุมนุมพันธมิตรฯ เมื่อกลางดึกที่ผ่านมาว่า ตำรวจและตนมีความเเห็นสอดคล้องกันว่าเหตุระเบิดในครั้งนี้เป็นระเบิดชนิดที่ยิงจากเครื่องยิงลูกระเบิด M-79 ซึ่งได้มีการปรับระยะการยิงจากครั้งมาแล้ว 2 ครั้ง จนกระทั่งเมื่อคืนเป็นครั้งที่ 3 โดยมีการยิงในระยะหวังผลคือ 150 เมตร แล้วมาตกบริเวณดังกล่าวในระยะ 10 เมตร จะทำเสียชีวิต ถ้าตกในระยะ 30 เมตร แล้วตกลงจะทำให้ถูกสะเก็ดระเบิด ทั้งนี้ เชื่อว่าการยิงเมื่อคืนยิงมาจากบริเวณวัดเบญจมบพิตร เพื่อให้ตกในบริเวณดังกล่าว โดยมากัน 2 คน ซึ่งคนที่ยิงจะต้องได้รับการฝึกมีความชำนาญในการใช้อาวุธชนิดนี้อย่างดี
“ไม่ว่าใครก็ตามที่เป็นคนทำ เป็นการทำที่โหดเหี้ยมเลวทราม ให้อภัยไม่ได้ เป็นฆาตกรชัดๆน่าละอายอย่างยิ่งทำไปได้อย่างไร ทั้งที่รู้ว่าจะต้องมีการสูญเสีย เรื่องที่เกิดขึ้นมันต้องจบ คนที่รักชาติรักในหลวงต้องมาอย่างคับคั่งแน่ อยากฝากถึง พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. ผมได้ยื่นเรื่องให้ท่านตรวจสอบ ยังไม่ทำอะไรเลย วันนี้จึงส่งไปอีก ถ้ายังเพิกเฉยการดำรงตำแหน่งของ ผบ.ทบ.ก็ไม่สมศักดิ์ศรี และจะกระเทือนไปถึงอดีตท่านผู้บัญชาการทหารบกในอดีตด้วย อยากบอกทุกเหล่าทัพว่าอย่าทำให้ทหารเดินถนนไม่ได้ เราอายแล้ว” พล.อ.ปฐมพงษ์กล่าว.
เวลา 03.25 น. เช้ามืดวันที่ 20 พ.ย. ทีผ่านมา เกิดเหตุคนร้ายไม่ทราบจำนวนใช้เครื่องยิงลูกระเบิดเข้าไป ภายในทำเนียบรัฐบาลซึ่งเป็นสถานที่ชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย โดยระเบิดตกลงบนหลังคาเต็นท์และระเบิดขึ้น ทำให้หลังคาเต็นท์เสียหาย เป็นรูกว้างขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 20 ซม. โดยจุดที่ระเบิดตกอยู่ห่างจากเวทีปราศรัยเพียง 15 เมตร แรงระเบิดทำให้เกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหว สะเก็ดระเบิดกระจายเป็นวงกว้าง ทำให้มีผู้บาดเจ็บทันที จำนวน 23 ราย ในจำนวนนั้นมีอาการสาหัส 2 ราย ขณะที่การ์ดอาสาพันธมิตรฯได้เข้าไปในที่เกิดเหตุทันที และช่วยกันลำเลียงผู้บาดเจ็บส่งโรงพยาบาลใกล้เคียงเป็นการเร่งด่วน ทั้งนี้ จากการตรวจสอบเบื้องต้น คาดว่าระเบิดดังกล่าวเป็นระเบิดชนิดเอ็ม 79
อย่างไรก็ตาม ภายหลังจากเกิดเหตุทำให้บรรยากาศที่ชุมนุมของพันธมิตรฯ เต็มไปด้วยความแตกตื่น แต่หลังจากเหตุการณ์สงบลง ผู้ชุมนุมได้กลับเข้าร่วมฟังการปราศรัยของพิธีกรบนเวทีตามปกติ โดยมิได้มีอาการตื่นกลัวต่อเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นแต่อย่างใด
**เผยนาทีระทึก-เสียชีวิต 1 ราย
นางต้นขวัญ แสงอาทิตย์ หนึ่งในผู้ชุมนุม เปิดเผยว่า ขณะเกิดเหตุตนกำลังนั่งฟังปราศรัยบนเวที ส่วนผู้ชุมนุมบางส่วนก็นอนหลับ ช่วงที่ระเบิดตกลงมานั้น ไม่ทันตั้งตัวได้ยินเพียงเสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหว จากนั้นสะเก็ดระเบิดกระจายเป็นวงกว้างไปถูกกลุ่มผู้ชุมนุมที่กำลังนอนอยู่ทำให้ได้รับบาดเจ็บหลายคน แต่ก็ไม่รู้สึกหวั่นกลัวต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และพร้อมที่จะต่อสู้เพื่อประเทศชาติต่อไป
ต่อมาเวลาประมาณ 03.30 ที่ รพ.รามาธิบดี ด้าน พญ.รพีพร โรจน์แสงเรือง แพทย์ผู้ทำการรักษาผู้บาดเจ็บจากเหตุระเบิด เปิดเผยว่า เบื้องต้นมีผู้ที่ได้รับบาดเจ็บเข้ามารับการักษาทั้งหมด 8 ราย ประกอบด้วย 1.นายเจนกิจ กลัดสาคร ถูกระเบิดบริเวณลำคออาการสาหัสหัวใจหยุดเต้นแพทย์ช่วยชีวิตโดยการปั๊มหัวใจ แต่ผู้บาดเจ็บทนพิษบาดแผลไม่ไหวเสียชีวิตในเวลาต่อมา 2.นายยุทธชัย ลือพักตร์ อายุ 39 ปี 3.นางวรรณี รัตนพันธ์ อยุ 51 ปี 4.นางบุศย์รินทร์ กวีพราหมณ์ อายุ 52 ปี 5.นางสุนิสา พงษ์แก้ว อายุ 61 ปื 6.นางเอื้อมพร จิรวนิช อายุ 54 ปี 6.นายเล็ก ชื่นใจ อายุ 52 ปี 7.นางอรพิน อรรจนถีรวัต อายุ 49 ปี
ส่วนที่ รพ.พระมงกุฎเกล้าฯ ผู้ได้รับบาดเจ็บที่ถูกส่งตัวไปรักษา ประกอบด้วย 1.นายมรกต เฟื่องฟูวงศ์รัตน์ อายุ 42 ปี 2.นายประดิษฐ์ ชูมีศรี อายุ 20 ปี 3.นายไพฑูรย์ ดูเหมาะ อายุ 66 ปี 4.นางอรวรรณ วนัสบดีกุล อายุ 56 ปี 5.นายวิรัตน์ วิเชียรพงษ์ อายุ 49 ปี 6.นางเบ็ญจภร บัวพูน อายุ 42 ปี 7.นางลำดวน สุขเสงี่ยม อายุ 48 ปี 8.นายสุเทพ สุขคำแหง อายุ 49 ปี 9.นางภาวนา คำสันยี อายุ 51 ปี 10.นางทิพวรรณ อู่ประสิทธิ์วงศ์
นอกจากนี้ยังมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีกจำนวน 5 ราย ถูกส่งตัวไปรักษาที่ รพ.จุฬา จำนวน 1 ราย รพ.วชิระ จำนวน 1 ราย และ รพ.กลางอีก จำนวน 3 ราย โดยที่ รพ.กลางมีช่างภาพของ ASTV คือนายนพพร สุขราม อายุ 25 ปี ได้รับบาดเจ็บบริเวณไหล่เข้ารับการรักษาอยู่ด้วย
อย่างไรก็ตาม หลังเกิดเหตุแกนนำพันธมิตรฯ ได้เรียกประชุมด่วน เพื่อหาทางป้องกันเหตุร้าย และเร่งหาตัวคนร้ายที่ลอบยิงระเบิดใส่พันธมิตรฯ มาดำเนินคดีให้ได้โดยเร็วที่สุด
**"จงรัก" ตอแหลชี้ดูแลเต็มที่แล้ว
ต่อมาเช้าวันเดียวกัน ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล พล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ( รอง ผบ.ตร.)กล่าวถึงเหตุระเบิดดังกล่าวว่า คนร้ายใช้ระเบิดชนิดเอ็ม 79 ที่ยิงมาจากด้านนอกทำเนียบรัฐบาลจุดใดจุดหนึ่ง แต่ยังไม่สามารถเข้าไปตรวจสอบที่เกิดเหตุได้เนื่องจากกลุ่มผู้ชุมนุมฯไม่ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไป
"แม้ตำรวจจะมีการป้องกันอย่างเต็มประสิทธิภาพ มีการตั้งด่านสกัดตรวจอย่างเคร่งครัดก็ตาม แต่ได้สั่งกำชับย้ำแล้วว่าให้เพิ่มความเข้มในการตรวจตรามากกว่าเดิมเพราะไม่ต้องการให้เกิดความรุนแรงใดๆประเทศไทยไม่ใช่อิรัก การจะมาห้ำหั่นกันโดยใช้กำลังนั้นมันไม่ถูกต้อง ผมอยากให้ทุกฝ่ายหันหน้ามาร่วมมือทำให้ประเทศเราเป็นประเทศที่สงบจะดีเสียกว่า"
**ปัดเรียก "เสธ.แดง" สอบ
เมื่อถามว่า ต้องเชิญ พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือ เสธ.แดง ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก มาสอบสวนหรือไม่ เพราะเคยให้สัมภาษณ์ก่อนหน้านี้ว่า จะมีเหตุระเบิดขึ้น รอง ผบ.ตร. กล่าวว่า เรื่องนี้ต้องสอบสวนผู้บาดเจ็บตามโรงพยาบาลต่างๆ ว่าเหตุที่เกิดขึ้นเป็นอย่างไร หารายละเอียดให้มากที่สุด การจะเชิญใครมาสอบสวนต้องมีพยานหลักฐานพอสมควรก่อน แต่ขณะนี้เรายังไม่ได้รายละเอียดในส่วนนี้เลย รวมทั้งต้องรอสอบปากคำผู้บาดเจ็บก่อนว่า มาจากทางไหน ทิศทางเป็นยังไง ผู้บาดเจ็บเห็นใครอะไรหรือไม่ ต้องขอเวลาทำงานด้วย
ขณะที่ พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว ผบช.น. กล่าวว่า ยังคงไม่สามารถระบุได้ชัดเจนว่า คนร้ายยิงเข้ามาจากด้านใด เพราะยังไม่สามารถเข้าตรวจสอบพื้นที่จุดเกิดเหตุได้ ซึ่งหากเป็นการยิงจากปืน ได้ตรวจสอบจะทราบว่าจุดตกกระทบนั้นมีระยะเท่าใด
"ส่วนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นจะมีความเชื่อมโยงกับเหตุระเบิดที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้หรือไม่ คงยังไม่สามารถตอบได้ เนื่องจากยังไม่มีพยานหลักฐาน แต่ส่วนนี้จะเร่งสืบสวนให้ได้โดยเร็วที่สุด"
**ตำรวจ พฐ.ตรวจที่เกิดเหตุ
ต่อมา เวลา 12.15 น. พล.ต.ต.อนันต์ ศรีหิรัญ ผบก.น.1 พ.ต.อ.วีระวิทย์ จันทร์จำเริญ พ.ต.อ.วิชาญ บริรักษ์กุล พ.ต.อ.ไกรเลิศ บัวแก้ว รองผบก.น.1 และพ.ต.อ.รังสรรค์ ประดิษฐผล ผกก.สน.นางเลิ้ง นำเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน และเจ้าหน้าที่หน่วยเก็บกู้และตรวจพิสูจน์วัตถุระเบิดของ บช.น.เข้าตรวจสอบบริเวณจุดเกิดเหตุระเบิดดังกล่าว โดยมี พล.อ.ปฐมพงษ์ เกษรศุกร์ เป็นผู้พาดูที่เกิดเหตุ โดยพาตำรวจไปตรวจสอบจุดที่เกิดเหตุระเบิดครั้งล่าสุด และจุดที่เกิดเหตุระเบิดเมื่อวันที่ 17 พ.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งทั้ง 2 ที่ เต็นท์เป็นรูทั้ง 2 จุด จากนั้นทางเจ้าหน้าที่หน่วยเก็บกู้ฯ ได้ทำการเก็บสะเก็ดระเบิดที่ตกอยู่โดยรอบ และตัดหลังคาเต็นท์ผ้าใบที่เป็นรูไปตรวจสอบ โดยใช้เวลาทั้งหมดประมาณ 30 นาที
พล.ต.ต.อนันต์ กล่าวว่า จากการตรวจสอบจุดเกิดเหตุ พบสะเก็ดระเบิดที่อยู่โดยรอบ และร่องรอยที่เต็นท์ ซึ่งได้ให้เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานตัดหลังคาเต็นท์ตรงจุดที่เป็นรูออกไปตรวจสอบแล้ว ทั้งนี้ จาการสอบถามเจ้าหน้าที่หน่วยเก็บกู้ทราบว่าต้องรอตรวจคราบเขม่าที่ติดอยู่ที่เต็นท์ คราบเขม่าที่ศพผู้ตาย และสะเก็ดระเบิดทั้ง 3 อย่างก่อนจึงจะวิเคราะห์ได้ว่าเป็นระเบิดชนิดใด
**"ปฐมพงษ์" ยันมาตรกรยิงเอ็ม 79
พล.อ.ปฐมพงษ์ เกษรศุกร์ อดีตประธานคณะที่ปรึกษากองบัญชาการทหารสูงสุด ขึ้นเวทีพันธมิตรฯ กล่าวถึงกรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาตรวจพื้นที่บริเวณทำเนียบรัฐบาล จากเหตุระเบิดตกใส่ผู้ชุมนุมพันธมิตรฯ เมื่อกลางดึกที่ผ่านมาว่า ตำรวจและตนมีความเเห็นสอดคล้องกันว่าเหตุระเบิดในครั้งนี้เป็นระเบิดชนิดที่ยิงจากเครื่องยิงลูกระเบิด M-79 ซึ่งได้มีการปรับระยะการยิงจากครั้งมาแล้ว 2 ครั้ง จนกระทั่งเมื่อคืนเป็นครั้งที่ 3 โดยมีการยิงในระยะหวังผลคือ 150 เมตร แล้วมาตกบริเวณดังกล่าวในระยะ 10 เมตร จะทำเสียชีวิต ถ้าตกในระยะ 30 เมตร แล้วตกลงจะทำให้ถูกสะเก็ดระเบิด ทั้งนี้ เชื่อว่าการยิงเมื่อคืนยิงมาจากบริเวณวัดเบญจมบพิตร เพื่อให้ตกในบริเวณดังกล่าว โดยมากัน 2 คน ซึ่งคนที่ยิงจะต้องได้รับการฝึกมีความชำนาญในการใช้อาวุธชนิดนี้อย่างดี
“ไม่ว่าใครก็ตามที่เป็นคนทำ เป็นการทำที่โหดเหี้ยมเลวทราม ให้อภัยไม่ได้ เป็นฆาตกรชัดๆน่าละอายอย่างยิ่งทำไปได้อย่างไร ทั้งที่รู้ว่าจะต้องมีการสูญเสีย เรื่องที่เกิดขึ้นมันต้องจบ คนที่รักชาติรักในหลวงต้องมาอย่างคับคั่งแน่ อยากฝากถึง พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. ผมได้ยื่นเรื่องให้ท่านตรวจสอบ ยังไม่ทำอะไรเลย วันนี้จึงส่งไปอีก ถ้ายังเพิกเฉยการดำรงตำแหน่งของ ผบ.ทบ.ก็ไม่สมศักดิ์ศรี และจะกระเทือนไปถึงอดีตท่านผู้บัญชาการทหารบกในอดีตด้วย อยากบอกทุกเหล่าทัพว่าอย่าทำให้ทหารเดินถนนไม่ได้ เราอายแล้ว” พล.อ.ปฐมพงษ์กล่าว.