ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ แสดงความเชื่อมั่น 2 นายตำรวจ ที่นายกรัฐมนตรี เรียกไปพบ มีความสามารถคลี่คลายคดีได้ รวมทั้งยินดีให้ความร่วมมือ หากต้องการให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จัดคณะพนักงานสอบสวนไปช่วย ด้านผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 เพื่อน “ทักษิณ” เจ้าเก่า พล.ต.ท.สถาพร ดวงแก้ว รายงานตรงต่อผบ.ตร.ว่า คดีชิปปิ้งหมูได้ยุติการสอบสวนมา 1 ปีแล้ว
วันนี้ (23 ม.ค.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) กล่าวถึงการประชุมผู้บัญชาการหน่วยและผู้บังคับการหน่วยขึ้นตรงว่า เป็นการกประชุมประจำเดือนที่ให้ผุ้บัญชาการหน่วยนำงานมาแสนอมา แจ้งปัญหาข้อขัดข้องเพื่อนำสู่การแก้ไข โดยหารือกันเชิงบริหารทุกเรื่องที่มีปัญหา ซึ่งวันนี้ได้มอบนโยบายไปตามที่รัฐบาลมอบหมาย โดยได้เร่งรัดคดีสำคัญ เช่น การเสียชีวิต ด.ต.ชิต ทองชิต อดีตตำรวจทางหลวง ตลอดจนการดำเนินคดีกับกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และกลุ่มคนเสื้อแดง โดยเน้นดำเนินคดีกับทั้ง 2 กลุ่มให้ได้รับความเป็นธรรมทั้งคู่ เหมือนกัน ใช้มาตรฐานเดียวกัน ส่วนการที่ พล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์ รอง ผบ.ตร.จะรวมคดีที่สนามบินดอนเมือง และคดีท่าอากาศยานสุวรรณภูมินั้น ก็เป็นเรื่องรายละเอียดคดี ที่ พล.ต.อ.จงรัก จะไปดำเนินการเอง ตนมอบนโยบายไปกว้างๆ ให้รอง ผบ.ตร.และผู้ช่วย ผบ.ตร.ไปปฏิบัติ ลงพื้นที่ด้วยตัวเองในทุกเรื่อง
เมื่อถามถึง 4 คดีที่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี สั่งการให้ พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ รอง ผบ.ตร.และ พล.ต.ท.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ช่วย ผบ.ตร.ไปดำเนินการนั้น ผบ.ตร. กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่มีการพูดถึงในที่ประชุม แต่ส่วนตัวได้พูดคุยกัน ซึ่งทั้งคู่มีความมั่นใจว่าจะทำให้ได้
“ผมเข้าใจว่า ทั้ง 2 ท่านจะไปดูในรายละเอียด บางจุดจบไปแล้ว จะเริ่มใหม่ตรงไหน อย่างไร ขึ้นอยู่กับพยานหลักฐาน ซึ่งทั้ง 2 ท่าน จะไปดำเนินการแก้ไขวางสเต็ปการทำงานอย่างไร จากนั้นทั้งคู่จะพิจารณาว่าให้ ตร.ช่วยตั้งคณะพนักงานสอบสวนให้หรือไม่ ซึ่งผมไม่หนักใจ เพราะตำรวจมีหน้าที่ดูแลคดีต่างๆ และคดีเหล่านี้ผ่านขั้นตอนต่างๆ มาแล้ว แต่ยังจับตัวคนร้ายไม่ได้ และเมื่อรัฐบาลให้ความสำคัญ ตร.มีหน้าที่ก็จำเป็นต้องทำ และให้มีความละเอียดมากยิ่งขึ้น แต่เนื่องจากคดีเหล่านี้นานมาแล้ว การหาพยานหลักฐานจึงเป็นเรื่องยากพอสมควร แต่มั่นใจว่า พล.ต.อ.ธานี กับ พล.ต.ท.อัศวิน น่าจะทำได้ ส่วนเหตุที่ต้องรื้อคดีเพชรซาอุฯ มาจากอะไรนั้น ผมไม่ทราบ” ผบ.ตร. กล่าว
ผบ.ตร.กล่าวด้วยว่า ที่ประชุมได้สั่งการหน่วยพื้นที่ให้ปรับมาตรฐานการนับจำนวนสถิติคดีใหม่ให้ตรงกับความเป็นจริงในส่วนการรับแจ้ง กับการทำคดี นอกจากนี้ ยังได้ย้ำในเรื่องคดีเกี่ยวกับทรัพย์ เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจที่ตกต่ำลง ได้กำชับทุก บช.ให้ดูคดีเหล่านี้เป็นพิเศษ ซึ่งจากข้อมูลพบว่าคดีเกี่ยวกับทรัพย์ใน บช.ภ.9 เพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากกำลังต้องไปดูแลในคดีเกี่ยวกับความมั่นคง จึงให้ บช.ภ.9 ที่ไม่ใช่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เข้าไปเน้นย้ำป้องกันปราบปรามอาชญากรรมด้านนี้
พล.ต.อ.พัชรวาท กล่าวอีกว่า ปัญหายาเสพติดกำลังระบาดมากขึ้น ซึ่งที่ผ่านมาทุก บช.เน้นย้ำมาก โดยพบว่าการแพร่กระจายไปตามแนวชายแดนเป็นหลัก ตนมอบให้ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ รอง ผบ.ตร.ไปดูแลแล้ว และในสัปดาห์หน้าจะไปตรวจพื้นที่เส้นเขตแดนทางภาคเหนือ
ขณะที่มีรายงานว่า ในที่ประชุมผู้บังคับบัญชาระดับสูงใน ตร.นั้น พล.ต.อ.พัชรวาท ได้สั่งการให้ทุกหน่วยจับตาความเคลื่อนไหวของนักการเมืองที่มีนัยยะต่อความขัดแย้งทางการเมืองขณะนี้ โดยเน้นกรณีที่มีคนในรัฐบาล หรือนักการเมืองคนไหนเข้าพื้นที่ ตำรวจต้องเฝ้าระวังอย่าให้เกิดความวุ่นวาย เช่น กรณีปาไข่ขึ้น ขณะเดียวกัน ยังสั่งการให้จับตาความเคลื่อนไหวของกลุ่มโรฮิงยาที่มีขบวนการนำมาใช้เส้นทางประเทศไทยผ่านไปยังประเทศมาเลเซียอย่างเข้มข้น
นอกจากนี้ ผบ.ตร.ยังสั่งกวดขันเรื่องยาเสพติดในสถานบริการและการปล่อยให้เยาวชนอายต่ำกว่า 20 ปี เข้าในสถานบริการด้วย สำหรับคดีชิปปิ้งหมู หรือ นายกรเทพ วิริยะ พยานในคดีเลี้ยงภาษีบริษัท ชิน แซทเทิลไลท์ นั้น พล.ต.ท.สถาพร ดวงแก้ว ผบช.ภ.5 เจ้าของพื้นที่เกิดเหตุได้รายงานในที่ประชุมว่า คดีนี้ได้ยุติการสอบสวนมา 1 ปีแล้ว
วันนี้ (23 ม.ค.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) กล่าวถึงการประชุมผู้บัญชาการหน่วยและผู้บังคับการหน่วยขึ้นตรงว่า เป็นการกประชุมประจำเดือนที่ให้ผุ้บัญชาการหน่วยนำงานมาแสนอมา แจ้งปัญหาข้อขัดข้องเพื่อนำสู่การแก้ไข โดยหารือกันเชิงบริหารทุกเรื่องที่มีปัญหา ซึ่งวันนี้ได้มอบนโยบายไปตามที่รัฐบาลมอบหมาย โดยได้เร่งรัดคดีสำคัญ เช่น การเสียชีวิต ด.ต.ชิต ทองชิต อดีตตำรวจทางหลวง ตลอดจนการดำเนินคดีกับกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และกลุ่มคนเสื้อแดง โดยเน้นดำเนินคดีกับทั้ง 2 กลุ่มให้ได้รับความเป็นธรรมทั้งคู่ เหมือนกัน ใช้มาตรฐานเดียวกัน ส่วนการที่ พล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์ รอง ผบ.ตร.จะรวมคดีที่สนามบินดอนเมือง และคดีท่าอากาศยานสุวรรณภูมินั้น ก็เป็นเรื่องรายละเอียดคดี ที่ พล.ต.อ.จงรัก จะไปดำเนินการเอง ตนมอบนโยบายไปกว้างๆ ให้รอง ผบ.ตร.และผู้ช่วย ผบ.ตร.ไปปฏิบัติ ลงพื้นที่ด้วยตัวเองในทุกเรื่อง
เมื่อถามถึง 4 คดีที่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี สั่งการให้ พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ รอง ผบ.ตร.และ พล.ต.ท.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ช่วย ผบ.ตร.ไปดำเนินการนั้น ผบ.ตร. กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่มีการพูดถึงในที่ประชุม แต่ส่วนตัวได้พูดคุยกัน ซึ่งทั้งคู่มีความมั่นใจว่าจะทำให้ได้
“ผมเข้าใจว่า ทั้ง 2 ท่านจะไปดูในรายละเอียด บางจุดจบไปแล้ว จะเริ่มใหม่ตรงไหน อย่างไร ขึ้นอยู่กับพยานหลักฐาน ซึ่งทั้ง 2 ท่าน จะไปดำเนินการแก้ไขวางสเต็ปการทำงานอย่างไร จากนั้นทั้งคู่จะพิจารณาว่าให้ ตร.ช่วยตั้งคณะพนักงานสอบสวนให้หรือไม่ ซึ่งผมไม่หนักใจ เพราะตำรวจมีหน้าที่ดูแลคดีต่างๆ และคดีเหล่านี้ผ่านขั้นตอนต่างๆ มาแล้ว แต่ยังจับตัวคนร้ายไม่ได้ และเมื่อรัฐบาลให้ความสำคัญ ตร.มีหน้าที่ก็จำเป็นต้องทำ และให้มีความละเอียดมากยิ่งขึ้น แต่เนื่องจากคดีเหล่านี้นานมาแล้ว การหาพยานหลักฐานจึงเป็นเรื่องยากพอสมควร แต่มั่นใจว่า พล.ต.อ.ธานี กับ พล.ต.ท.อัศวิน น่าจะทำได้ ส่วนเหตุที่ต้องรื้อคดีเพชรซาอุฯ มาจากอะไรนั้น ผมไม่ทราบ” ผบ.ตร. กล่าว
ผบ.ตร.กล่าวด้วยว่า ที่ประชุมได้สั่งการหน่วยพื้นที่ให้ปรับมาตรฐานการนับจำนวนสถิติคดีใหม่ให้ตรงกับความเป็นจริงในส่วนการรับแจ้ง กับการทำคดี นอกจากนี้ ยังได้ย้ำในเรื่องคดีเกี่ยวกับทรัพย์ เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจที่ตกต่ำลง ได้กำชับทุก บช.ให้ดูคดีเหล่านี้เป็นพิเศษ ซึ่งจากข้อมูลพบว่าคดีเกี่ยวกับทรัพย์ใน บช.ภ.9 เพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากกำลังต้องไปดูแลในคดีเกี่ยวกับความมั่นคง จึงให้ บช.ภ.9 ที่ไม่ใช่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เข้าไปเน้นย้ำป้องกันปราบปรามอาชญากรรมด้านนี้
พล.ต.อ.พัชรวาท กล่าวอีกว่า ปัญหายาเสพติดกำลังระบาดมากขึ้น ซึ่งที่ผ่านมาทุก บช.เน้นย้ำมาก โดยพบว่าการแพร่กระจายไปตามแนวชายแดนเป็นหลัก ตนมอบให้ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ รอง ผบ.ตร.ไปดูแลแล้ว และในสัปดาห์หน้าจะไปตรวจพื้นที่เส้นเขตแดนทางภาคเหนือ
ขณะที่มีรายงานว่า ในที่ประชุมผู้บังคับบัญชาระดับสูงใน ตร.นั้น พล.ต.อ.พัชรวาท ได้สั่งการให้ทุกหน่วยจับตาความเคลื่อนไหวของนักการเมืองที่มีนัยยะต่อความขัดแย้งทางการเมืองขณะนี้ โดยเน้นกรณีที่มีคนในรัฐบาล หรือนักการเมืองคนไหนเข้าพื้นที่ ตำรวจต้องเฝ้าระวังอย่าให้เกิดความวุ่นวาย เช่น กรณีปาไข่ขึ้น ขณะเดียวกัน ยังสั่งการให้จับตาความเคลื่อนไหวของกลุ่มโรฮิงยาที่มีขบวนการนำมาใช้เส้นทางประเทศไทยผ่านไปยังประเทศมาเลเซียอย่างเข้มข้น
นอกจากนี้ ผบ.ตร.ยังสั่งกวดขันเรื่องยาเสพติดในสถานบริการและการปล่อยให้เยาวชนอายต่ำกว่า 20 ปี เข้าในสถานบริการด้วย สำหรับคดีชิปปิ้งหมู หรือ นายกรเทพ วิริยะ พยานในคดีเลี้ยงภาษีบริษัท ชิน แซทเทิลไลท์ นั้น พล.ต.ท.สถาพร ดวงแก้ว ผบช.ภ.5 เจ้าของพื้นที่เกิดเหตุได้รายงานในที่ประชุมว่า คดีนี้ได้ยุติการสอบสวนมา 1 ปีแล้ว