ตร.ทางหลวงรวบแก๊งขนซีดีเถื่อน

นครศรีธรรมราช - ตร.ทางหลวงรวบแก๊งขนซีดีเถื่อนกว่าครึ่งแสนแผ่น สารภาพจ้างขนเที่ยวละ 1.7 หมื่นบาท-เตรียมขยายผล

วันนี้ (21 ม.ค.) เมื่อเวลา 13.00 น.ที่สำนักงานสถานีตำรวจทางหลวง 4 กองกำกับการ 7 ตำรวจทางหลวงนครศรีธรรมราช พ.ต.อ.ศุภเศรษฐ์ โชคชัย ผู้กำกับการ 7 กองบังคับการตำรวจทางหลวง พร้อมด้วย พ.ต.ต.บรรพต เดชมา สารวัตรตำรวจทางหลวง 4 กองกำกับการ 7 ได้แถลงข่าวการจับกุมตัวผู้ต้องหา 2 คน คือ นายบรรยาย พรหมมินทร์ อายุ 39 ปี อยู่บ้านเลขที่ 110 ถ.ราชประชาอุทิศ ซอยอรพรรณ ต.ท่าตะเภา อ.เมือง จ.ชุมพร และ นายมะลาด มัธยม อายุ 48 ปี อยู่บ้านเลขที่ 172 ม.2 ต.ปาดังเบซาร์ อ.สะเดา จ.สงขลา พร้อมด้วยของกลางแผ่นวีซีดีละเมิดลิขสิทธิ์จำนวน 60,000 แผ่น รถบรรทุก 10 ล้อ ยี่ห้ออีซูซุ สีขาว ทะเบียน 80-3630 ชุมพร 1 คัน และปกซีดีกระดาษที่มีชื่อภาพยนตร์ ทั้งหนังฝรั่งและหนังไทยจำนวนมาก

เบื้องต้นได้ตั้งข้อกล่าวหา ว่า ร่วมกันนำหรือพาของที่ยังมิได้เสียภาษี หรือของต้องจำกัดหรือของต้องห้าม หรือของที่ยังมิได้ผ่านศุลกากรโดยถูกต้องเข้ามาในราชอาณาจักร, ซ่อนเร้น ช่วยจำหน่ายช่วยพาเอาได้เสีย หรือรับจำนำหรือรับไว้โดยประการใด ซึ่งของที่รู้ว่านำมาในราชอาณาจักรโดยหลีกเลี่ยงอากรหรือข้อจำกัด

พ.ต.อ.ศุภเศรษฐ์ โชคชัย ผู้กำกับการ 7 กองบังคับการตำรวจทางหลวง เปิดเผยว่า ตำรวจทางหลวงได้สืบทราบมาว่า มีกลุ่มคนร้ายลักลอบนำดีวีดี และวีซีดีภาพยนตร์ทั้งไทยและต่างประเทศ รวมทั้งแผ่นเกมส์นำเข้ามาจากประเทศมาเลเซีย เพื่อส่งต่อไปจำหน่ายยังตลาดมืดในกรุงเทพ โดยรถบรรทุก 10 ล้อ

หลังจากนั้น กำลังตำรวจได้ทำการตรวจสอบตั้งจุดสกัดบนถนนเอเชียสาย 41 ระหว่างกิโลเมตรที่ 20-21 ต.ทุ่งโพธิ์ อ.จุฬาภรณ์ นครศรีธรรมราชและพบรถบรรทุกคันดังกล่าว ซึ่งเมื่อเห็นเจ้าหน้าที่ก็แสดงท่าทางมีพิรุธ และพยายามขับรถเร่งความเร็วหลบหนี

ต่อมากำลังเจ้าหน้าที่ได้ออกไล่ติดตาม และสามารถจับกุมตัวผู้ต้องได้ทั้ง 2 คนดังกล่าว ซึ่งจากการสอบปากคำผู้ต้องหาทั้ง 2 คน ได้ให้การรับสารภาพว่า รับจ้างจาก นายเควิน ชาวมาเลเซีย ให้นำของกลางไปส่งที่ จ.สมุทรสาคร แล้วจะมีคนมารับช่วงอีกครั้งหนึ่ง โดยได้รับค่าจ้างครั้งละ 17,000 บาท และทำมาแล้ว 2 ครั้ง ตอนไปรับมาไม่ทราบว่าเป็นแผ่นวีซีดีเถื่อน เนื่องจากคนที่นำมาส่งให้นั้นบอกว่าเป็นขนม กระทั่งมาถูกตำรวจจับกุมจึงรู้ว่าเป็นของเถื่อน หลังจากนั้น จึงควบคุตัวพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวน สภ.จุฬาภรณ์ นครศรีธรรมราช ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป