ตำรวจสันติบาล ยอมรับ เป็นหน้าที่โดยตรงที่จะติดตามสืบหาแหล่งที่อยู่ของ พ.ต.ท.ทักษิณ โดยไม่จำเป็นต้องได้รับคำสั่งจากรัฐบาล ขณะที่อัยการซึ่งมีหน้าที่ทำเรื่องขอส่งตัวเป็นผู้ร้ายข้ามแดน กลับระบุ ยังไม่ได้รับการประสานจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ส่วน ผบ.ตร.กลัวคำถามถอดยศแม้ว แหวกกลุ่มนักข่าววิ่งขึ้นลิฟต์ทันที
วันนี้ (22 ม.ค.) ที่กองบัญชาการตำรวจสันติบาล (บช.ส.) พล.ต.ท.ธีระเดช รอดโพธิ์ทอง ผบช.ส.กล่าวถึงกรณีที่ นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี พูดอภิปรายในสภาเรื่องการโฟนอินของ พ.ต.ท.ทักษิณ ในวันที่ 31 ม.ค.โดยคาดว่า น่าจะมีที่อยู่เป็นหลักแหล่งแน่นอน จึงเป็นหน้าที่ของตำรวจในการติดตามตัว เพื่อสืบหาที่อยู่ที่ชัดเจนเพื่อติดตามตัว พ.ต.ท.ทักษิณ มาดำเนินคดีตามหมายจับ ว่า เรื่องนี้เป็นหน้าที่ของตำรวจสันติบาลโดยตรงอยู่แล้ว ในการตรวจสอบทั้งเรื่องข้อความที่ใช้โฟนอิน เรื่องการติดตามที่อยู่ พ.ต.ท.ทักษิณ และการดูแลการชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการ (นปช.) ซึ่งพร้อมที่จะดูในเรื่องเหล่านี้อยู่แล้ว แม้ไม่มีการร้องขอจากรัฐบาล
พล.ต.ท.ธีระเดช กล่าวอีกว่า อะไรก็ตามที่ทำให้เกิดปัญหากับภาพส่วนใหญ่ของประเทศ ก็เป็นหน้าที่ของตำรวจสันติบาลในการติดตาม รวมทั้งการชุมนุมของ นปช.ซึ่งจะมีการโฟนอินของพ.ต.ท.ทักษิณ ก็จะมีการเฝ้าฟัง และบันทึกไว้ตรวจสอบ รวมทั้งการติดตามที่อยู่ที่โฟนอินเข้ามา แต่ไม่ขอเปิดเผยรายละเอียดในการติดตาม รวมทั้งการดูแลไม่ให้มีมือที่สามเข้ามาปั่นป่วนสร้างความวุ่นวายให้เกิดเรื่องเมื่อมีการชุมนุม จนเกิดเป็นความร้าวฉาน โดยมุ่งเน้นการหาข่าวในเชิงสมานฉันท์ เพื่อให้เกิดความสงบสุข
ด้าน นายศิริศักดิ์ ติยะพรรณ อธิบดีอัยการฝ่ายต่างประเทศ กล่าวถึงการติดตามตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า ตามขั้นตอนการขอส่งตัวเป็นผู้ร้ายข้ามแดน จะดำเนินการได้ต่อเมื่อมีหลักฐานชัดเจนว่า บุคคลนั้นมีที่อยู่เป็นหลักแหล่งในประเทศใด แต่จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่มีความชัดเจนว่า พ.ต.ท.ทักษิณ อยู่ที่ไหน ล่าสุด มีเพียงกระแสข่าวว่า จะโฟนอินมาจากประเทศฮ่องกง ในวันที่ 31 ม.ค.นี้ ดังนั้น จึงเป็นหน้าที่ของ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ในฐานะผู้มีหน้าที่ปฏิบัติตามหมายจับของศาลจะสืบหาข้อมูลที่ชัดเจน ว่า ขณะนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ พำนักอยู่ที่ใด และประสานขอความร่วมมือกับกระทรวงการต่างประเทศ ที่จะดำเนินการเรื่องดังกล่าว หลังจากที่มีข้อมูลชัดเจนแล้ว อัยการในฐานะผู้ทำหน้าที่ยื่นคำร้องขอส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนจะได้ดำเนินการต่อไป แต่อย่างไรก็ตาม จนถึงขณะนี้ยังไม่มีการประสานเข้ามาจากทาง สตช.แต่อย่างใด
ขณะที่ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร.เมื่อถูกผู้สื่อข่าวถามถึงเรื่องการถอดยศ พ.ต.ท.ทักษิณ นั้น กล่าวว่า “โอ๊ย! ไปเลย” จากนั้นก็กึ่งเดินกึ่งวิ่งแทรกหนีบรรดานักข่าวที่รอคำตอบขึ้นลิฟต์ไปบนสำนักงานทันที
แหล่งข่าวจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยในเรื่องเดียวกัน ว่า หน้าที่หลักที่จะต้องติดตามความเคลื่อนไหวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ผู้ต้องหาคดีทุจริตจัดซื้อที่ดินรัชดาฯ ต้องโทษจำคุก 2 ปี ผู้ดูแลเรื่องนี้โดยตรงน่าจะเป็นด้านการทูต ตำรวจสากล หรืออัยการประสานมายังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อจะได้ทราบว่า ทาง สตช.ได้มอบหมายให้หน่วยงานใดรับผิดชอบติดตามในเรื่องนี้เป็นพิเศษ ส่วนการตรวจคนเข้าเมือง ก็เป็นหน้าที่ประจำของ สตม.ที่จะต้องตรวจสอบบุคคลเข้าออกนอกประเทศตามระบบ ซึ่งถ้าได้รับรายงานใครมีหมายจับ หากมีการผ่านเข้าออกก็ต้องควบคุมตัวไว้ดำเนินคดีตามกฎหมาย
วันนี้ (22 ม.ค.) ที่กองบัญชาการตำรวจสันติบาล (บช.ส.) พล.ต.ท.ธีระเดช รอดโพธิ์ทอง ผบช.ส.กล่าวถึงกรณีที่ นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี พูดอภิปรายในสภาเรื่องการโฟนอินของ พ.ต.ท.ทักษิณ ในวันที่ 31 ม.ค.โดยคาดว่า น่าจะมีที่อยู่เป็นหลักแหล่งแน่นอน จึงเป็นหน้าที่ของตำรวจในการติดตามตัว เพื่อสืบหาที่อยู่ที่ชัดเจนเพื่อติดตามตัว พ.ต.ท.ทักษิณ มาดำเนินคดีตามหมายจับ ว่า เรื่องนี้เป็นหน้าที่ของตำรวจสันติบาลโดยตรงอยู่แล้ว ในการตรวจสอบทั้งเรื่องข้อความที่ใช้โฟนอิน เรื่องการติดตามที่อยู่ พ.ต.ท.ทักษิณ และการดูแลการชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการ (นปช.) ซึ่งพร้อมที่จะดูในเรื่องเหล่านี้อยู่แล้ว แม้ไม่มีการร้องขอจากรัฐบาล
พล.ต.ท.ธีระเดช กล่าวอีกว่า อะไรก็ตามที่ทำให้เกิดปัญหากับภาพส่วนใหญ่ของประเทศ ก็เป็นหน้าที่ของตำรวจสันติบาลในการติดตาม รวมทั้งการชุมนุมของ นปช.ซึ่งจะมีการโฟนอินของพ.ต.ท.ทักษิณ ก็จะมีการเฝ้าฟัง และบันทึกไว้ตรวจสอบ รวมทั้งการติดตามที่อยู่ที่โฟนอินเข้ามา แต่ไม่ขอเปิดเผยรายละเอียดในการติดตาม รวมทั้งการดูแลไม่ให้มีมือที่สามเข้ามาปั่นป่วนสร้างความวุ่นวายให้เกิดเรื่องเมื่อมีการชุมนุม จนเกิดเป็นความร้าวฉาน โดยมุ่งเน้นการหาข่าวในเชิงสมานฉันท์ เพื่อให้เกิดความสงบสุข
ด้าน นายศิริศักดิ์ ติยะพรรณ อธิบดีอัยการฝ่ายต่างประเทศ กล่าวถึงการติดตามตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า ตามขั้นตอนการขอส่งตัวเป็นผู้ร้ายข้ามแดน จะดำเนินการได้ต่อเมื่อมีหลักฐานชัดเจนว่า บุคคลนั้นมีที่อยู่เป็นหลักแหล่งในประเทศใด แต่จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่มีความชัดเจนว่า พ.ต.ท.ทักษิณ อยู่ที่ไหน ล่าสุด มีเพียงกระแสข่าวว่า จะโฟนอินมาจากประเทศฮ่องกง ในวันที่ 31 ม.ค.นี้ ดังนั้น จึงเป็นหน้าที่ของ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ในฐานะผู้มีหน้าที่ปฏิบัติตามหมายจับของศาลจะสืบหาข้อมูลที่ชัดเจน ว่า ขณะนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ พำนักอยู่ที่ใด และประสานขอความร่วมมือกับกระทรวงการต่างประเทศ ที่จะดำเนินการเรื่องดังกล่าว หลังจากที่มีข้อมูลชัดเจนแล้ว อัยการในฐานะผู้ทำหน้าที่ยื่นคำร้องขอส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนจะได้ดำเนินการต่อไป แต่อย่างไรก็ตาม จนถึงขณะนี้ยังไม่มีการประสานเข้ามาจากทาง สตช.แต่อย่างใด
ขณะที่ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร.เมื่อถูกผู้สื่อข่าวถามถึงเรื่องการถอดยศ พ.ต.ท.ทักษิณ นั้น กล่าวว่า “โอ๊ย! ไปเลย” จากนั้นก็กึ่งเดินกึ่งวิ่งแทรกหนีบรรดานักข่าวที่รอคำตอบขึ้นลิฟต์ไปบนสำนักงานทันที
แหล่งข่าวจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยในเรื่องเดียวกัน ว่า หน้าที่หลักที่จะต้องติดตามความเคลื่อนไหวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ผู้ต้องหาคดีทุจริตจัดซื้อที่ดินรัชดาฯ ต้องโทษจำคุก 2 ปี ผู้ดูแลเรื่องนี้โดยตรงน่าจะเป็นด้านการทูต ตำรวจสากล หรืออัยการประสานมายังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อจะได้ทราบว่า ทาง สตช.ได้มอบหมายให้หน่วยงานใดรับผิดชอบติดตามในเรื่องนี้เป็นพิเศษ ส่วนการตรวจคนเข้าเมือง ก็เป็นหน้าที่ประจำของ สตม.ที่จะต้องตรวจสอบบุคคลเข้าออกนอกประเทศตามระบบ ซึ่งถ้าได้รับรายงานใครมีหมายจับ หากมีการผ่านเข้าออกก็ต้องควบคุมตัวไว้ดำเนินคดีตามกฎหมาย
