อัยการต่างประเทศขอศาลขัง “เดลปิเอโร” มือแฮกข้อมูลบัตรเครดิต ระหว่างรอทางการสหรัฐขอตัวเป็นผู้ร้ายข้ามแดน
วันนี้ (16 ม.ค.) เมื่อเวลา 14.30 น.ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก นายสัญชัย กรุงกาญจนา พนักงานอัยการสำนักงานต่างประเทศ ประสานกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจคอมมานโด กองปราบปราม ควบคุมตัวนายเอฟเอ็นยู แอลเอ็นยู หรือเดลปิเอโร อายุ 43 ปี ชาวมาเลเซีย ผู้ต้องหาที่รัฐบาลแห่งสหรัฐอเมริกา ร้องขอให้ทางการไทยจับกุมตัวเพื่อส่งตัวเป็นผู้ร้ายข้ามแดนกลับไปดำเนินคดีที่ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อนายเดลปิเอโรได้กระทำความผิดในประเทศสหรัฐอเมริกา ฐานร่วมสมคบกันมีไว้ในครอบครองซึ่งอุปกรณ์ เข้าถึงข้อมูลโดยไม่ได้รับอนุญาต และลักลอบค้าอุปกรณ์เข้าถึงข้อมูลโดยไม่ได้รับอนุญาต, ลักลอบค้าอุปกรณ์ เข้าถึงข้อมูลโดยไม่ได้รับอนุญาต, มีไว้ในครอบครองซึ่งอุปกรณ์การเข้าถึงข้อมูลโดยไม่ได้รับอนุญาต และ บุกรุกเข้าไปโจรกรรมอัตลักษณ์ อันเป็นการฝ่าฝืนประมวลกฎหมายอาญาสหรัฐอเมริกา โดยนำตัวนายเดลปิเอโร มาขอให้ศาลมีคำสั่งขังไว้ในระหว่างรอคำร้องขอส่งผู้ต้องหาเป็นผู้ร้ายข้ามแดน
ตามคำร้องระบุว่า เมื่อปี พ.ศ.2548 หน่วยงานยูเอสเอส เริ่มทำการสอบสวน เกี่ยวกับบุคคลจำนวนหนึ่งที่รับผิดชอบในฐานข้อมูลบัตรเครดิตในทางการค้าขนาดใหญ่หลายแห่งที่ล่อแหลมอาจเกิดความเสียหายที่ได้เกิดขึ้นในสหรัฐอเมริกา ต่อมาเดือน ก.ค.2550 นายแมกซิม ยาสเตร็มสกี ได้ถูกจับกุมที่ประเทศตุรกี ฐานจำหน่ายจ่ายแจกข้อมูลบัญชีบัตรเครดิตที่ถูกโจรกรรม พร้อมยึดคอมพิวเตอร์ ที่บรรจุเลขบัญชีบัตรเครดิตที่ถูกโจรกรรมประมาณ 4 ล้านหมายเลข นอกจากนี้ยังมีข้อมูลการโต้ตอบทางอีเมล และโปรแกรมไอซีคิว มีการติดต่อกับนายเดลปิเอโร โดยร่วมกันสมคบกันจำหน่ายจ่ายแจกหมายเลขบัญชีบัตรเครดิตที่ได้ถูกโจรกรรม ซึ่งนายเดลปิเอโรอาศัยอยู่ทางตอนใต้ของรัฐแคลิฟอร์เนีย และพักที่ประเทศไทย และมีการนัดพบกับผู้ติดต่อขอซื้อข้อมูลในประเทศไทย
คดีนี้ นายเดลปิเอโร ถูกฟ้องเมื่อวันที่ 29 เม.ย.51 ของศาลชั้นต้นสหรัฐอเมริกา ประจำเขตใต้แห่งรัฐแคลิฟอร์เนีย และศาลได้ออกหมายจับ กระทรวงการต่างประเทศพิจารณาคำร้องขอจับกุมตัวชั่วคราวของทางการสหรัฐอเมริกา แล้วเห็นว่า เป็นไปตามหลักเกณฑ์ในสนธิสัญญาระหว่างไทยกับสหรัฐอเมริกา ว่าด้วยการส่งผู้ร้ายข้ามแดน ความผิดที่ร้องขอเป็นความผิดที่สามารถลงโทษจำคุกตามกฎหมายไทยได้มากกว่า 1 ปี จึงขอให้สำนักงานอัยการสูงสุดพิจารณาดำเนินการตามคำร้องดังกล่าว ตามมาตรา 15 แห่ง พ.ร.บ.ส่งผู้ร้ายข้ามแดน พ.ศ.2551
การกระทำของผู้ต้องหาเป็นการกระทำความผิดต่อกฎหมายของประเทศสหรัฐอเมริกา และสามารถลงโทษได้ตามกฎหมายไทย เทียบได้กับความผิด พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 มาตรา 7, 8, 9 และ 12 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 269/1, 269/3, 269/4 และ 269/7 รวมทั้ง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจข้อมูลเครดิต พ.ศ.2545 มาตรา 3, 9 และ 43 อีกทั้งคดียังไม่ขาดอายุความและไม่ใช่ความผิดทางการเมืองหรือมีวัตถุประสงค์ทางการทหาร ผู้ต้องหาไม่ได้อยู่ระหว่างถูกดำเนินคดีในประเทศไทย ในความผิดที่ขอส่งตัวเป็นผู้ร้ายข้ามแดน
ต่อมาศาลอาญา ได้ออกกหมายจับนายเดลปิเอโร เมื่อวันที่ 4 พ.ย.51 และเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมตัวนายเดลปิเอโร ได้เมื่อวันที่ 13 ม.ค.52 ผู้ร้องได้ส่งตัวผู้ต้องหามาศาลพร้อมคำร้องนี้ จึงขอให้ศาลโปรดสั่งขังผู้ต้องหาไว้ ในระหว่างรอคำร้องขออย่างเป็นทางการ กับหนังสือหลักฐานอันจำเป็นมในการขอส่งผู้ต้องหาข้ามแดนจากรัฐบาลสหรัฐอเมริกา หากผู้ต้องขอยื่นประกันตัว ขอศาลพิจารณาไม่อนุญาต เพราะเชื่อว่าหากได้รับการประกันตัว ผู้ต้องหาจะหลบหนี และจะไม่ได้ตัวมาดำเนินคดีเพื่อส่งผู้ร้ายข้ามแดนต่อไป
ศาลอนุญาตให้ตามคำร้อง และให้ขังนายเดลปิเอโรไว้เพื่อรอคำร้องขอส่งผู้ต้องหาเป็นผู้ร้ายข้ามแดน
วันนี้ (16 ม.ค.) เมื่อเวลา 14.30 น.ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก นายสัญชัย กรุงกาญจนา พนักงานอัยการสำนักงานต่างประเทศ ประสานกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจคอมมานโด กองปราบปราม ควบคุมตัวนายเอฟเอ็นยู แอลเอ็นยู หรือเดลปิเอโร อายุ 43 ปี ชาวมาเลเซีย ผู้ต้องหาที่รัฐบาลแห่งสหรัฐอเมริกา ร้องขอให้ทางการไทยจับกุมตัวเพื่อส่งตัวเป็นผู้ร้ายข้ามแดนกลับไปดำเนินคดีที่ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อนายเดลปิเอโรได้กระทำความผิดในประเทศสหรัฐอเมริกา ฐานร่วมสมคบกันมีไว้ในครอบครองซึ่งอุปกรณ์ เข้าถึงข้อมูลโดยไม่ได้รับอนุญาต และลักลอบค้าอุปกรณ์เข้าถึงข้อมูลโดยไม่ได้รับอนุญาต, ลักลอบค้าอุปกรณ์ เข้าถึงข้อมูลโดยไม่ได้รับอนุญาต, มีไว้ในครอบครองซึ่งอุปกรณ์การเข้าถึงข้อมูลโดยไม่ได้รับอนุญาต และ บุกรุกเข้าไปโจรกรรมอัตลักษณ์ อันเป็นการฝ่าฝืนประมวลกฎหมายอาญาสหรัฐอเมริกา โดยนำตัวนายเดลปิเอโร มาขอให้ศาลมีคำสั่งขังไว้ในระหว่างรอคำร้องขอส่งผู้ต้องหาเป็นผู้ร้ายข้ามแดน
ตามคำร้องระบุว่า เมื่อปี พ.ศ.2548 หน่วยงานยูเอสเอส เริ่มทำการสอบสวน เกี่ยวกับบุคคลจำนวนหนึ่งที่รับผิดชอบในฐานข้อมูลบัตรเครดิตในทางการค้าขนาดใหญ่หลายแห่งที่ล่อแหลมอาจเกิดความเสียหายที่ได้เกิดขึ้นในสหรัฐอเมริกา ต่อมาเดือน ก.ค.2550 นายแมกซิม ยาสเตร็มสกี ได้ถูกจับกุมที่ประเทศตุรกี ฐานจำหน่ายจ่ายแจกข้อมูลบัญชีบัตรเครดิตที่ถูกโจรกรรม พร้อมยึดคอมพิวเตอร์ ที่บรรจุเลขบัญชีบัตรเครดิตที่ถูกโจรกรรมประมาณ 4 ล้านหมายเลข นอกจากนี้ยังมีข้อมูลการโต้ตอบทางอีเมล และโปรแกรมไอซีคิว มีการติดต่อกับนายเดลปิเอโร โดยร่วมกันสมคบกันจำหน่ายจ่ายแจกหมายเลขบัญชีบัตรเครดิตที่ได้ถูกโจรกรรม ซึ่งนายเดลปิเอโรอาศัยอยู่ทางตอนใต้ของรัฐแคลิฟอร์เนีย และพักที่ประเทศไทย และมีการนัดพบกับผู้ติดต่อขอซื้อข้อมูลในประเทศไทย
คดีนี้ นายเดลปิเอโร ถูกฟ้องเมื่อวันที่ 29 เม.ย.51 ของศาลชั้นต้นสหรัฐอเมริกา ประจำเขตใต้แห่งรัฐแคลิฟอร์เนีย และศาลได้ออกหมายจับ กระทรวงการต่างประเทศพิจารณาคำร้องขอจับกุมตัวชั่วคราวของทางการสหรัฐอเมริกา แล้วเห็นว่า เป็นไปตามหลักเกณฑ์ในสนธิสัญญาระหว่างไทยกับสหรัฐอเมริกา ว่าด้วยการส่งผู้ร้ายข้ามแดน ความผิดที่ร้องขอเป็นความผิดที่สามารถลงโทษจำคุกตามกฎหมายไทยได้มากกว่า 1 ปี จึงขอให้สำนักงานอัยการสูงสุดพิจารณาดำเนินการตามคำร้องดังกล่าว ตามมาตรา 15 แห่ง พ.ร.บ.ส่งผู้ร้ายข้ามแดน พ.ศ.2551
การกระทำของผู้ต้องหาเป็นการกระทำความผิดต่อกฎหมายของประเทศสหรัฐอเมริกา และสามารถลงโทษได้ตามกฎหมายไทย เทียบได้กับความผิด พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 มาตรา 7, 8, 9 และ 12 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 269/1, 269/3, 269/4 และ 269/7 รวมทั้ง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจข้อมูลเครดิต พ.ศ.2545 มาตรา 3, 9 และ 43 อีกทั้งคดียังไม่ขาดอายุความและไม่ใช่ความผิดทางการเมืองหรือมีวัตถุประสงค์ทางการทหาร ผู้ต้องหาไม่ได้อยู่ระหว่างถูกดำเนินคดีในประเทศไทย ในความผิดที่ขอส่งตัวเป็นผู้ร้ายข้ามแดน
ต่อมาศาลอาญา ได้ออกกหมายจับนายเดลปิเอโร เมื่อวันที่ 4 พ.ย.51 และเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมตัวนายเดลปิเอโร ได้เมื่อวันที่ 13 ม.ค.52 ผู้ร้องได้ส่งตัวผู้ต้องหามาศาลพร้อมคำร้องนี้ จึงขอให้ศาลโปรดสั่งขังผู้ต้องหาไว้ ในระหว่างรอคำร้องขออย่างเป็นทางการ กับหนังสือหลักฐานอันจำเป็นมในการขอส่งผู้ต้องหาข้ามแดนจากรัฐบาลสหรัฐอเมริกา หากผู้ต้องขอยื่นประกันตัว ขอศาลพิจารณาไม่อนุญาต เพราะเชื่อว่าหากได้รับการประกันตัว ผู้ต้องหาจะหลบหนี และจะไม่ได้ตัวมาดำเนินคดีเพื่อส่งผู้ร้ายข้ามแดนต่อไป
ศาลอนุญาตให้ตามคำร้อง และให้ขังนายเดลปิเอโรไว้เพื่อรอคำร้องขอส่งผู้ต้องหาเป็นผู้ร้ายข้ามแดน
