ศาลอุทธรณ์ ยกคำร้อง “ประชัย เลี่ยวไพรัตน์” ขอยื้อเวลาชำระค่าปรับ 6.9 พันล้าน คดีปั่นหุ้นทีพีไอ นัดสอบความคืบหน้าการบังคับคดีในวันที่ 11 มิ.ย.นี้
วันนี้ (22 ม.ค.) ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลออกนั่งบัลลังก์อ่านคำสั่งศาลอุทธรณ์ในคดีบริษัท ทีพีไอโพลีน จำกัด (มหาชน), นายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ ประธานผู้บริหารแผนฟื้นฟูกิจการ, บริษัท สเติร์น สจ๊วต ประเทศไทย จำกัด และนายเชียรช่วง กัลยาณมิตร ผู้เชี่ยวชาญการประเมินมูลค่าบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ของบริษัท สเติร์นฯ เป็นจำเลยที่ 1-4 ในความผิดต่อ พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ในลักษณะปั่นหุ้นทีพีไอ จนทำให้เศรษฐกิจของประเทศเสียหาย ซึ่งศาลอาญามีคำพิพากษาจำคุก นายประชัย และ นายเชียรช่วง คนละ 3 ปีโดยไม่รอลงอาญา และปรับเงินบริษัท ทีพีไอฯ และบริษัท สเติร์นฯ บริษัทละ 6,900 ล้านบาท
ทั้งนี้ นายประชัย จำเลยที่ 1 ยื่นอุทธรณ์สรุปว่า คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษ และปรับเป็นจำนวนเงิน 6.9 พันล้านบาท จำเลยทั้ง 4 อุทธรณ์ ส่วนจำเลยที่ 1 ยื่นคำร้องอุทธรณ์ด้วยว่า จำเลยที่ 1 เป็นบริษัทมหาชนจำกัดจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ประกอบธุรกิจผลิตภัณฑ์จำหน่ายปูนซีเมนต์ มีผู้ถือหุ้นมากกว่าหมื่นราย ขณะนี้ศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งให้จำเลยที่ 1 ฟื้นฟูกิจการ โดยมีภาระหนี้ต้องชำระให้เจ้าหน้าที่สถาบันการเงิน เป็นจำนวนกว่า 7 พันล้านบาท และมีพนักงานลูกจ้างอีกกว่า 5 พันคน หากจำเลยที่ 1 ถูกอายัดทรัพย์ในขณะคดียังไม่ถึงที่สุดจะทำให้เกิดความเสียหายต่อจำเลยที่ 1 ผู้ถือหุ้น และลูกจ้างของจำเลยที่ 1 รวมถึงเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ออกหมายตั้งเจ้าพนักงานบังคับคดีเพื่อบังคับจำเลยที่ 1 ชำระค่าปรับโดยไม่รอให้คดีถึงที่สุดเป็นการขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 245 และรัฐธรรมนูญ มาตรา 39, 197 ประกอบกับจำเลยที่ 1 อุทธรณ์เฉพาะในส่วนของค่าปรับ ไม่ได้อุทธรณ์ว่าไม่ได้กระทำความผิด ฉะนั้น ไม่ว่าจะอุทธรณ์หรือฎีกาอย่างไร จำเลยที่ 1 ก็ยังมีความผิดตามฟ้อง และต้องชำระเงินค่าปรับแน่นอน คดียังไม่เป็นที่ยุติตามฟ้องการบังคับคดีตามคำพิพากษาจะกระทำได้ต่อเมื่อคดีถึงที่สุดแล้วขอศาลอุทธรณ์ได้โปรดมีคำสั่งแจ้งให้ศาลชั้นต้น งดการไต่สวนสืบหาทรัพย์สิน และงดการบังคับคดีไว้ชั่วคราวจนกว่าคดีจะถึงที่สุด
ศาลอุทธรณ์พิเคราะห์แล้ว เห็นว่า คำร้องของจำเลยที่ 1 เป็นเรื่องเกี่ยวกับการขอให้งดการบังคับคดีเป็นหน้าที่ของศาลชั้นต้นที่จะพิจารณาสั่ง จำเลยที่ 1 ชอบที่จะยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นให้ยกคำร้อง
ทั้งนี้ หลังอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์แล้ว ศาลอาญามีคำสั่งว่า ข้อเท็จจริงที่ได้จากการไต่สวนที่ผ่านมาเพียงพอในการสืบหาทรัพย์ของจำเลยที่ 1 แล้วจึงให้ยุติการไต่สวนให้นัดพร้อมเพื่อสอบความคืบหน้าเกี่ยวกับการบังคับคดีในวันที่ 11 มิ.ย.นี้ เวลา 09.00 น.อนึ่ง เนื่องจากศาลมีคำสั่งให้ออกคำบังคับแก่จำเลยที่ 3 แต่เจ้าหน้าที่ศาลยังไม่ดำเนินการตามคำสั่งจึงให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการโดยด่วนภายใน 5 วัน