“ดีเอสไอ” พบแชร์ลูกโซ่ปรับกลยุทธ์หนีการตรวจสอบของ สคบ. ย้ายไปจดทะเบียนตั้งบริษัทกับกรมพัฒนาธุรกิจที่ใช้ทุนจดทะเบียนเพียงเล็กน้อยแทน และพบแชร์น้ำมันตุ๋นไฮโซ 50 ล้าน กลับมีทุนจดทะเบียนเพียง 1 ล้านบาท
วันนี้ (13 ม.ค.) ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พ.อ.ปิยะวัฒก์ กิ่งเกตุ ผบ.สำนักคดีอาญาพิเศษ เปิดเผยถึงความคืบหน้าการสอบสวนคดีแชร์น้ำมันว่า ดีเอสไอได้ตรวจสอบเอกสารที่ยึดอายัดจาก บริษัท แฟคซิลิตี้ เอวิเอชั่น ซัพพอร์ท (ประเทศไทย) หรือ (F.A.S.T.) ว่า จากการตรวจสอบฐานข้อมูลลูกค้า ซึ่งเป็นผู้นำเงินมาร่วมลงทุนเก็งกำไรการซื้อขายน้ำมันล่วงหน้า พบรายชื่อลูกค้า 10 ราย โดยแต่ละรายได้นำเงินมาลงทุนเก็งกำไรไม่ต่ำกว่า 1 ล้านบาท ซึ่งดีเอสไอจะทยอยเรียกตัวเข้าให้ปากคำต่อพนักงานสอบสวนต่อไป สำหรับรูปแบบการหลอกลวงให้ประชาชนนำเงินมาลงทุน หลักฐานจากการสืบสวนพบว่า บริษัทดังกล่าวมีทุนจดทะเบียนเพียง 1 ล้านบาท ประกอบกิจการซื้อขายหุ้นโดยไม่ขออนุญาตจากคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และมีการว่าจ้างโปรแกรมเมอร์ให้สร้างเว็บไซต์และจัดทำฐานข้อมูลขึ้นเพื่อหลอกลวงประชาชนให้หลงเชื่อว่าการร่วมลงทุนสามารถสร้างผลกำไรตอบแทนเป็นจำนวนมากภายในระยะเวลาสั้นๆ จึงทำให้ประชาชนที่หลงเชื่อต้องสูญเงินกว่า 50 ล้านบาท
พ.อ.ปิยะวัฒก์ กล่าวอีกว่า ในระยะหลังแชร์ลูกโซ่หลอกลวงประชาชนได้พัฒนารูปแบบ เพื่อหลบเลี่ยงการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่รัฐ โดยไม่จดทะเบียนธุรกิจขายตรงกับสำนักงานคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) เพื่อหลบเลี่ยงไม่ให้ถูกตรวจสอบแผนการระดมทุน รูปแบบการขายสินค้า รวมถึงรูปแบบการประกอบธุรกิจ แต่เลือกที่จะไปจดทะเบียนกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ซึ่งกำหนดให้มีทุนจดทะเบียนเพียงเล็กน้อย
