พนักงานสอบสวนกองปราบปราม นำสำนวนคดี “จักรภพ เพ็ญแข” ส่งอัยการพิจารณาสั่งฟ้อง ด้านอัยการนัดสั่งคดีอีก 30 วัน ขณะที่ “เจ๊เพ็ญ” โต้ตำรวจทำสำนวนบกพร่องหลายประเด็น โดยเฉพาะการแปลถ้อยคำจากภาษาอังกฤษเป็นภาษาไทย เตรียมดิ้นร้องขอความเป็นธรรมให้อัยการสอบพยานเพิ่มเติม ก่อนชี้ขาดสั่งฟ้องหรือไม่ฟ้อง
วันนี้ ( 13 ม.ค.) เมื่อเวลา 10.30 น. ที่สำนักงานอัยการสูงสุด ถ.รัชดาภิเษก พนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปราม นำสำนวนการสอบสวนและเอกสารพยานหลักฐานจำนวน 2 แฟ้ม รวม 980 หน้า แผ่นบันทึกภาพและเสียง ดีวีดี 4 แผ่น พร้อมความเห็นสมควรสั่งฟ้องนายจักรภพ เพ็ญแข อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ผู้ต้องหาในความผิดฐานหมิ่นประมาทดูหมิ่นอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ตามประมวลกฎหมายอาญา ม.112 มีโทษจำคุกตั้งแต่ 3 – 15 ปี ส่งมอบให้กับนายกายสิทธิ์ พิศวงปราการ อธิบดีอัยการฝ่ายคดีอาญา พิจารณาสั่งคดี
โดยในวันนี้ นายจักรภพ เดินทางมารายงานตัวต่ออธิบดีอัยการฝ่ายคดีอาญา พร้อมกับ นายจตุพร พรหมพันธ์ ส.ส.แบบสัดส่วนพรรคเพื่อไทย นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ อดีตรองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และ นายแพทย์เหวง โตจิราการ แกนนำ นปช. โดยมีกลุ่มคนเสื้อแดงประมาณ 200 คน เดินทางมาให้กำลังใจ
นายจักรภพ กล่าวว่า พนักงานสอบสวนกองปราบปรามได้แจ้งให้ตนมาแสดงตัวต่อพนักงานอัยการ หลังมีความเห็นสั่งฟ้องในความผิดฐานหมิ่นพระบรมเดชานุภาพฯ โดยอัยการนัดฟังคำสั่งคดีว่าจะฟ้องหรือไม่ฟ้อง ในวันที่ 5 มี.ค.นี้ เวลา 10.30 น. ซึ่งคดีนี้ทราบจากรายงานสรุปผลการสอบของพนักงานสอบสวนระบุว่า “ ถึงแม้ไม่พบว่าผู้ต้องหามีความผิดตามตัวอักษร แต่มีเจตนาไม่ดี จึงมีความผิดเห็นควรส่งฟ้อง” แสดงให้เห็นถึงความล่อแหลมของกระบวนการยุติธรรม ที่ขาดประชาธิปไตย ตนขอยืนยันว่าไม่ได้กระทำผิด และจะขอต่อสู้ให้ถึงที่สุด เพื่อเป็นกรณีศีกษา
นายจักรภพ กล่าต่อว่า สำนวนการสอบสวนของตำรวจมีความไม่สมบูรณ์ จึงจะได้ปรึกษากับทนายความเพื่อจะยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมต่อพนักงานอัยการ ให้สอบสวนพยานเพิ่มเติม โดยเฉพาะในประเด็นที่เกี่ยวกับการแปลภาษา ที่ตนได้ไปบรรยายเป็นภาษาอังกฤษที่สมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศแห่งประเทศไทย ( เอฟซีซีที) แล้วมาแปลเป็นภาษาไทยอย่างไม่ถูกต้อง ห่างไกลจากความเป็นจริงโดยผู้แปลภาษาที่ไม่เป็นกลาง จึงต้องร้องขอความเป็นธรรมต่อไป
ด้าน อธิบดีอัยการฝ่ายคดีอาญา กล่าวว่า ภายหลังได้รับสำนวนการสอบสวนจากพนักงานสอบสวนแล้ว จะตั้งคณะทำงานอัยการ ประมาณ 5 – 7 คน เช่นเดียวกับคดีหมิ่นเบื้องสูงคดีคดีอื่นที่ผ่านมา โดยมีอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 3 เป็นหัวหน้าโดยตนได้กำชับให้คณะทำงานพิจารณาสำนวนด้วยความละเอียดรอบครอบ เพราะคดีหมิ่นเบื้องสูงเป็นเรื่องละเอียดอ่อนเป็นที่สนใจของประชาชนจำนวนมาก เบื้องต้นคาดว่าจะใช้เวลาพิจารณาสำนวนประมาณ 1 เดือน
ส่วนที่นายจักรภพจะยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมให้อัยการ หาผู้ที่มีความเป็นกลางมาตรวจสอบคำแปลภาษาของพนักงานสอบสวน นายกายสิทธิ์ กล่าวว่า ในคณะทำงานอัยการจะมีผู้เชี่ยวชาญภาษาอังกฤษอยู่แล้ว และจะพิจารณาดูถ้อยคำในสำนวนทั้งหมดที่เกี่ยวข้อง เมื่อถามว่าผู้ต้องหาอ้างเหตุผลพนักงานสอบสวนว่า ตามตัวอักษรไม่ผิด แต่ที่ผิดเพราะมีเจตนาไม่ดีนั้น นายกายสิทธิ์ กล่าวว่า ตามภาษากฎหมายเรียกว่า กรรมเป็นเครื่องชี้เจตนา การทำผิดตามกฎหมายอาญานั้นถ้ามีเจตนาถือเป็นความผิดเสมอ ยกเว้นคดีประมาท อย่างไรก็ตามจะเป็นโอกาสให้ผู้ถูกกล่าวหาชี้แจงอย่างเต็มที่ และหากส่งคำแปลภาษามาให้อัยการก็ยินดีนำมาพิจารณา