ผัวเมียรุ่นใหญ่กินยาฆ่าตัวตายอืดเซ่นรักขม เขียนจดหมายลาตายตัดพ้อถูกบังคับให้เลิกกัน แต่รักกันมากอยากอยู่ด้วยกัน ไม่มีทางออกเลยตัดสินใจตายพร้อมกัน ตำรวจระบุเป็นปัญหาครอบครัวเมียหลวง-เมียน้อย เตรียมเรียกตัวคนที่ถูกระบุในจดหมายมาสอบหาข้อเท็จจริง
เมื่อเวลา 21.40 น.วานนี้ (24 ธ.ค.) พ.ต.ท.บุญเยี่ยม กันเกตุ พนักงานสอบสวน (สบ 3) สน.มีนบุรี รับแจ้งเหตุพบศพชาย-หญิงเสียชีวิตอยู่ภายในอาคารบีเอสเอส แมนชั่น ซอยสีหบูรานุกิจ 18 ถนนสีหบูรานุกิจ แขวงและเขตมีนบุรี จึงรุดไปตรวจสอบพร้อมเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน แพทย์นิติเวชจากโรงพยาบาลตำรวจ และมูลนิธิร่วมกตัญญู
ที่เกิดเหตุเป็นอาคารสูง 5 ชั้น ภายในห้องเลขที่ 203 ชั้น 2 เจ้าหน้าที่พบศพชายหญิงนอนหงายเสียชีวิตขึ้นอืดส่งกลิ่นเหม็นอยู่บนเตียงนอน มีน้ำเหลืองไหลนองทั่วพื้น รายแรกคือนายชิงชัย บุญนาควงศ์กิตติ อายุประมาณ 50 ปี สภาพไม่สวมเสื้อ นุ่งโสร่งผืนเดียว ส่วนอีกรายคือ นางวีระพร บุญนาควงศ์กิตติ อายุ 47 ปี สภาพศพสวมแกนกุดสีเขียว สวมกางเกงขาสามส่วนสีเทา เบื้องต้นแพทย์สันนิษฐานว่าาเสียชีวิตมาแล้วประมาณ 3 วัน
จากการตรวจสอบภายในห้องที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่พบว่าโทรทัศน์และไฟฟ้าเปิดทิ้งไว้ มีขวดเบียร์ที่ดื่มแล้วจำนวนหนึ่งวางไว้ ใกล้ศพพบขวดยาสีเหลืองไม่ทราบชนิดวางอยู่ และพบจดหมายลาตายเขียนด้วยลายมือฝ่ายหญิงมีความยาว 12 หน้า กระดาษเอ 4 วางอยู่บนโต๊ะวางโทรทัศน์ มีใจความตัดพ้อเชิงน้อยใจถึงคนชื่อ “ปวีณา บุญนาควงศ์กิตติ” ซึ่งยังไม่ทราบว่าเป็นใคร และมีเนื้อความระบุว่า ยกทุกสิ่งทุกอย่างรวมทั้งลูกสาวคือน้องตองให้ดูแล บอกว่าคนชื่อนกพยายามบังคับให้ฝ่ายชายเลิกกับตน แต่ฝ่ายชายรักมากอยากอยู่ด้วยกันไม่มีทางออกจึงตัดสินใจตายด้วยกัน ฝากดูแลน้องตองด้วย เจ้าหน้าที่จึงเก็บรวบรวมรายละเอียดทั้งหมดที่พบไว้เป็นหลักฐาน
จากการสอบถามผู้พักอาศัยในอาคาร กล่าวว่า นางวีระพรได้มาเช่าห้องที่เกิดเหตุอยู่คนเดียวได้ประมาณ 1 เดือน โดยฝ่ายชายได้เข้ามาหาช่วงเย็นวันศุกร์ที่ 19 ธ.ค.ที่ผ่านมา โดยครั้งสุดท้ายเห็นฝ่ายชายลงมาซื้ออาหารในวันเสาร์ที่ 20 ธ.ค. โดยไม่เห็นทั้งคู่ทะเลาะกันแต่อย่างใด หลังจากนั้นก็ไม่เห็นอีกเลย จนกระทั่งวันนี้ได้กลิ่นเหม็นเน่าโชยไปทั่วอาคาร จึงแจ้งเจ้าหน้าที่มาตรวจสอบพบว่าทั้งคู่เสียชีวิตแล้ว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เบื้องต้นเจ้าหน้าที่พบเบอร์โทรศัพท์ของนางปวีณาอยู่ในจดหมายลาตายด้วย จึงโทรศัพท์ไปสอบถามนางปวีณา โดยเจ้าตัวแจ้งว่ายังไม่ทราบว่าทั้งคู่เสียชีวิต พร้อมทั้งสอบถามตำรวจกลับด้วยว่าเสียชีวิตแล้วจริงหรือ เสียชีวิตมาแล้วกี่วัน ซึ่งหลังจากนี้เจ้าหน้าที่จะเรียกนางปวีณามาสอบปากคำอย่างละเอียดอีกครั้ง
ด้าน พ.ต.ท.บุญเยี่ยม กล่าวว่า จากการสอบสวนเบื้องต้นทราบว่าผู้ตายทั้งสองคนมีปัญหาเรื่องครอบครัว เรื่องของภรรยาหลวง ภรรยาน้อย ตอนนี้ยังไม่ทราบว่าผู้ตายเป็นภรรยาน้อย หรือภรรยาหลวง เนื่องจากไม่มีเอกสารใดยืนยันได้เลย
อย่างไรก็ตามจะเชิญญาติผู้ตาย รวมทั้งนางปวีณาที่ถูกระบุในจดหมายมาสอบปากคำอย่างละเอียดอีกครั้ง ส่วนสาเหตุการเสียชีวิตคาดว่าทั้งคู่กินยาฆ่าตัวตาย แต่ยังไม่ทราบว่าเป็นยาชนิดใด ต้องส่งขวดยาที่อยู่ในห้องให้แพทย์ตรวจพิสูจน์อีกครั้ง