สาวสุรินทร์ ร้อง มูลนิธิปวีณาฯ ให้ช่วยตามลูกสาววัย 2 ขวบ ถูกสามีชาวกรีกลักพาตัวอยู่ต่างประเทศ หลังไม่พอใจที่ศาลตัดสินให้ลูกสาวอยู่ในความดูแล โชคดียังดี ตร.สวีเดน จับตัวสามีชาวกรีกได้ แต่ไม่มีเงินบินไปรับลูก ด้าน “ปวีณา” เตรียมปรึกษารองอธิบดีกรมการกงสุลขอความช่วยเหลือ คาดไม่เกิน 1 อาทิตย์ ได้ตัวเด็กกลับบ้าน
วันนี้ (18 ส.ค.) เมื่อเวลา 08.00 น.นางอรวรรณ (นามสมมติ) อายุ 30 ปี ชาวจังหวัดสุรินทร์ ได้เดินทางเข้าร้องเรียนกับ นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี ว่าบุตรสาว คือ ด.ญ.บูม (นามสมมติ) อายุ 2 ขวบ ถูก นายเทียเอ เดเรซ อายุ 57 ปี สามีชาวกรีก ลักพาตัวไปที่ประเทศสวีเดน เนื่องจากเกิดความไม่พอใจ ภายหลังจากที่ศาลเยาวชนและครอบครัวพิพากษาให้บุตรอยู่ในความดูแลของมารดา
นางอรวรรณ กล่าวว่า ตนอยู่กับ นายเทียเอ มาประมาณ 4 ปีแล้ว โดยตลอดระยะเวลาที่อยู่ด้วยกันตนถูกสามีทำร้ายร่างกายมาตลอด แต่ตนก็ไม่กล้าเล่าให้เพื่อนบ้านฟัง เนื่องจากเกรงว่าจะเกิดความอับอาย และก็ไม่ได้เข้าแจ้งความแต่อย่างใด แต่ต่อมาตนเริ่มทนกับพฤติกรรมของสามีไม่ไหว เพราะนอกจากสามีจะทำร้ายตนแล้ว ยังทำร้ายลูกด้วย ตนจึงขอแยกทางแต่สามีไม่ยอมจะนำลุกไปเลี้ยง ตนจึงไปยื่นฟ้องศาลซึ่งศาลมีคำสั่งให้ตนได้สิทธิในการเลี้ยงดูบุตร ทำให้สามีเกิดความไม่พอใจ ลักพาตัวบุตรสาวเดินทางไปที่ประเทศสวีเดน โดยจ้างหญิงชาวไทย (ไม่ทราบชื่อ) เป็นชาวจังหวัดสุรินทร์เช่นเดียวกันให้สวมรอยเป็นแม่แทนตน
“แต่ขณะนี้ทราบว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจประเทศสวีเดนสามารถจับกุมตัวสามีและหญิงไทยที่สวมรอยอ้างตัวเป็นแม่เอาไว้ได้ นอกจากนี้ ยังทราบว่าบุตรสาวถูกกระทำอนาจารอีกด้วย ซึ่งตำรวจได้พาตัวลูกไปส่งที่สถานเอกอัครราชทูตไทยประจำสวีเดน เพื่อให้ทางสถานทูตส่งตัวลูกกลับประเทศไทย แต่เมื่อสอบถามไปยังสถานทูตก็พบว่าต้องเสียค่าใช้จ่ายเป็นจำนวนหลายแสนบาท ซึ่งฉันไม่มีเงินมากพอจึงเดินทางเข้าร้องทุกข์ที่มูลนิธิปวีณา เพื่อขอความช่วยเหลือ” นางอรวรรณ กล่าว
ด้าน นางปวีณา กล่าวว่า ภายหลังจากที่ได้รับเรื่องร้องทุกข์จากนางอรวรรณ เมื่อเวลาประมาณ 10.00 น.ตนจึงพานางอรวรรณเดินทางไปยัง กระทรวงการต่างประเทศ เพื่อเข้าพบ นายเชต ธีรพันฒนะ รองอธิบดีกรมการกงสุล และขอความช่วยเหลือในการนำตัว ด.ญ.บูม กลับมายังประเทศไทย และจะประสานไปยังบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เพื่อขอความอนุเคราะห์เรื่องค่าใช้จ่ายในการเดินทางโดยเครื่องบิน อย่างไรก็ตาม ประมาณ 1 อาทิตย์น้องบูมน่าจะได้กลับมาสู่อ้อมอกแม่อีกครั้ง
“สำหรับเรื่องที่เกิดขึ้นโชคดีที่ผู้เสียหาย ได้ทำการประสานกับเพื่อนชาวสวีเดน และได้รับการช่วยเหลือเป็นอย่างดี อีกทั้งยังมีรายละเอียดข้อมูลจนนำไปสู่การจับกุม ทั้งนี้ ทราบว่า ประชากรชาวสวีเดน หากมีลูก และมีภรรยา จะได้รับค่าเลี้ยงดูบุตรจากทางรัฐบาล เรื่องนี้จึงคาดว่าพ่อเด็ก น่าจะมีการนำตัวเด็กไปทำผลประโยชน์ดังกล่าว ส่วนจะมีการทำอนาจารหรือไม่นั้น เรื่องนี้จะต้องมีการพูดคุยกันอีกครั้งหนึ่งและตนขอฝากเตือนหญิงไทยที่คิดจะแต่งงานกับชาวต่างชาติ เพราะเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นบ่อย อยากให้เรื่องนี้เป็นอุทาหรณ์” นางปวีณา กล่าว
วันนี้ (18 ส.ค.) เมื่อเวลา 08.00 น.นางอรวรรณ (นามสมมติ) อายุ 30 ปี ชาวจังหวัดสุรินทร์ ได้เดินทางเข้าร้องเรียนกับ นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี ว่าบุตรสาว คือ ด.ญ.บูม (นามสมมติ) อายุ 2 ขวบ ถูก นายเทียเอ เดเรซ อายุ 57 ปี สามีชาวกรีก ลักพาตัวไปที่ประเทศสวีเดน เนื่องจากเกิดความไม่พอใจ ภายหลังจากที่ศาลเยาวชนและครอบครัวพิพากษาให้บุตรอยู่ในความดูแลของมารดา
นางอรวรรณ กล่าวว่า ตนอยู่กับ นายเทียเอ มาประมาณ 4 ปีแล้ว โดยตลอดระยะเวลาที่อยู่ด้วยกันตนถูกสามีทำร้ายร่างกายมาตลอด แต่ตนก็ไม่กล้าเล่าให้เพื่อนบ้านฟัง เนื่องจากเกรงว่าจะเกิดความอับอาย และก็ไม่ได้เข้าแจ้งความแต่อย่างใด แต่ต่อมาตนเริ่มทนกับพฤติกรรมของสามีไม่ไหว เพราะนอกจากสามีจะทำร้ายตนแล้ว ยังทำร้ายลูกด้วย ตนจึงขอแยกทางแต่สามีไม่ยอมจะนำลุกไปเลี้ยง ตนจึงไปยื่นฟ้องศาลซึ่งศาลมีคำสั่งให้ตนได้สิทธิในการเลี้ยงดูบุตร ทำให้สามีเกิดความไม่พอใจ ลักพาตัวบุตรสาวเดินทางไปที่ประเทศสวีเดน โดยจ้างหญิงชาวไทย (ไม่ทราบชื่อ) เป็นชาวจังหวัดสุรินทร์เช่นเดียวกันให้สวมรอยเป็นแม่แทนตน
“แต่ขณะนี้ทราบว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจประเทศสวีเดนสามารถจับกุมตัวสามีและหญิงไทยที่สวมรอยอ้างตัวเป็นแม่เอาไว้ได้ นอกจากนี้ ยังทราบว่าบุตรสาวถูกกระทำอนาจารอีกด้วย ซึ่งตำรวจได้พาตัวลูกไปส่งที่สถานเอกอัครราชทูตไทยประจำสวีเดน เพื่อให้ทางสถานทูตส่งตัวลูกกลับประเทศไทย แต่เมื่อสอบถามไปยังสถานทูตก็พบว่าต้องเสียค่าใช้จ่ายเป็นจำนวนหลายแสนบาท ซึ่งฉันไม่มีเงินมากพอจึงเดินทางเข้าร้องทุกข์ที่มูลนิธิปวีณา เพื่อขอความช่วยเหลือ” นางอรวรรณ กล่าว
ด้าน นางปวีณา กล่าวว่า ภายหลังจากที่ได้รับเรื่องร้องทุกข์จากนางอรวรรณ เมื่อเวลาประมาณ 10.00 น.ตนจึงพานางอรวรรณเดินทางไปยัง กระทรวงการต่างประเทศ เพื่อเข้าพบ นายเชต ธีรพันฒนะ รองอธิบดีกรมการกงสุล และขอความช่วยเหลือในการนำตัว ด.ญ.บูม กลับมายังประเทศไทย และจะประสานไปยังบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เพื่อขอความอนุเคราะห์เรื่องค่าใช้จ่ายในการเดินทางโดยเครื่องบิน อย่างไรก็ตาม ประมาณ 1 อาทิตย์น้องบูมน่าจะได้กลับมาสู่อ้อมอกแม่อีกครั้ง
“สำหรับเรื่องที่เกิดขึ้นโชคดีที่ผู้เสียหาย ได้ทำการประสานกับเพื่อนชาวสวีเดน และได้รับการช่วยเหลือเป็นอย่างดี อีกทั้งยังมีรายละเอียดข้อมูลจนนำไปสู่การจับกุม ทั้งนี้ ทราบว่า ประชากรชาวสวีเดน หากมีลูก และมีภรรยา จะได้รับค่าเลี้ยงดูบุตรจากทางรัฐบาล เรื่องนี้จึงคาดว่าพ่อเด็ก น่าจะมีการนำตัวเด็กไปทำผลประโยชน์ดังกล่าว ส่วนจะมีการทำอนาจารหรือไม่นั้น เรื่องนี้จะต้องมีการพูดคุยกันอีกครั้งหนึ่งและตนขอฝากเตือนหญิงไทยที่คิดจะแต่งงานกับชาวต่างชาติ เพราะเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นบ่อย อยากให้เรื่องนี้เป็นอุทาหรณ์” นางปวีณา กล่าว