ศาลไต่สวนพยานโจทก์ “หวยบนดิน” นัดแรก มี.ค.ปีหน้า

ตรวจสอบหลักฐานคดีหวยบนดิน ศาลฎีกานักการเมืองอนุญาต ป.ป.ช.ไต่สวนพยาน 17 ปาก จำเลย 103 ปาก เริ่มไต่สวนพยานโจทก์นัดแรก 31 มี.ค.ปีหน้า พร้อมอนุญาตฝ่ายจำเลย แถลงเปิดคดีด้วยวาจา 2 ชั่วโมง ในนัดไต่สวนพยานโจทก์ครั้งแรก ขณะที่ “พงศ์เทพ” จำเลยร่วมและโฆษกส่วนตัว “แม้ว” มาศาลพร้อมตรวจหลักฐาน ปัดข่าวนายกลับไทย 25 ธ.ค. ไม่ใช่เรื่องจริง

วันนี้ (24 ธ.ค.) เมื่อเวลา 16.10 น.ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง สนามหลวง นายสบโชค สุขารมณ์ ประธานแผนกคดีสิ่งแวดล้อมในศาลฎีกา เจ้าของสำนวนทุจริตโครงการออกสลากพิเศษเลขท้าย 2 และ 3 ตัว (หวยบนดิน) พร้อมองค์คณะรวม 9 คน นัดพร้อมตรวจสอบหลักฐานคดีหมายเลขดำที่ อม.1/2551 ที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี (ศาลสั่งจำหน่ายคดีชั่วคราวจนกว่าจะได้ตัวมาดำเนินคดี) จำเลยที่ 1, อดีตคณะรัฐมนตรีชุดรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ จำเลยที่ 2-30 และผู้บริหารสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล เป็นจำเลยที่ 31-47 ในความผิดฐาน เป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ซื้อ หรือจัดการทรัพย์ ได้เบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตน หรือเป็นของผู้อื่นโดยทุจริต (ยักยอกทรัพย์), เป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่จัดการดูแลกิจการ เข้าไปมีส่วนได้ส่วนเสียเพื่อประโยชน์สำหรับตนเองหรือผู้อื่น, เป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่จ่ายทรัพย์เกินกว่าที่ควรจ่ายเพื่อประโยชน์สำหรับตนเองหรือผู้อื่น, เป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่แสดงว่ามีหน้าที่เรียกเก็บหรือตรวจสอบภาษีอากร โดยทุจริตเรียกเก็บหรือละเว้นไม่เรียกเก็บภาษีอากร และเป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติโดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา147, 152, 153, 154, 157 ประกอบมาตรา 83, 84, 86, 90, 91 และ ความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐพ.ศ.2502 มาตรา 3, 4, 8, 9, 10 และ 11 ซึ่งท้ายฟ้องโจทก์ขอให้ศาลมีคำสั่งให้จำเลยทั้งหมด ร่วมกันคืนเงินตามที่จำเลยทั้งหมด มีมติอนุมัติให้จ่ายเงินไปของสำนักงานสลากอันถือว่าเป็นเจ้าพนักงานยักยอกทรัพย์ รวมจำนวน 14,862,254,865.94 บาทด้วย

โดยการตรวจสอบพยานหลักฐาน คู่ความทั้งสองฝ่ายยอมรับข้อเท็จจริงเบื้องต้นที่ไม่ได้โต้แย้งกันสรุปได้ว่า เมื่อวันที่ 30 เม.ย.45 คณะกรรมการสลากฯ มีการประชุมครั้งที่ 4/2545 เรื่องการศึกษาแนวทางการดำเนินออกสลากพิเศษแบบเลขท้าย 2 และ 3 ตัว โดยคณะกรรมการสลาก ฯ เห็นชอบหลักการ และมีการประชุมเรื่อยมา ต่อมาวันที่ 18 มิ.ย.46 จำเลยที่ 31 ,33, 35, 37, 41 และ 42 ได้ประชุมคณะกรรมการสลาก ฯ ครั้งที่ 9/2546 มีมติให้สำนักงานสลากฯ ดำเนินโครงการออกสลากพิเศษ ในหลักการ 3 ประการ คือ 1.ให้สำนักงานสลากออกสลากพิเศษแบบเลขท้าย 2 และ 3 ตัว 2.ให้นำรายได้หลังจากหักค่าใช้จ่ายในการดำเนินมาแล้วคืนสู่สังคม 3.ให้ยกเว้นและลดหย่อนภาษี ตาม พ.ร.บ.การพนันฯ และภาษี ตามประมวลรัษฎากร

ต่อมาวันที่ 4 ก.ค.46 คณะกรรมการสลากฯ มีมติให้ดำเนินการ และให้ทำหนังสือขออนุญาต การออกรางวัลสลากพิเศษจากกระทรวงมหาดไทย ภายหลังได้รับอนุมัติจาก ครม. ต่อมาวันที่ 8 ก.ค.46 จำเลยที่ 9 รมว.คลัง ได้ลงนามในหนังสือเสนอโครงการสลากพิเศษฯ จำเลยที่ 1 นายกรัฐมนตรี นำเรื่องเข้าสู่ที่ประชุม ครม.ครั้งที่ 27/2546 ในวาระเพื่อพิจารณาเพิ่มเติม ครม.มีมติอนุมัติโครงการตามที่กระทรวงคลังเสนอ ซึ่งหลังจาก ครม.มีมติอนุมัติในหลักการดังกล่าว สำนักงานสลากฯ ดำเนินการออกสลากพิเศษฯ และจ่ายเงินรางวัลตั้งแต่งวดวันที่ 1 ส.ค.46 จนถึงงวด 16 พ.ย.49 โดยระหว่างวันที่ 25 ก.ย.46 - 14 ก.ย.47 คณะกรรมการสลากฯ ได้เข้าประชุมและมีมติให้จ่ายเงินรายได้จากโครงการสลากพิเศษฯ คืนสู่สังคม โดยมีการจ่ายเงินดังกล่าวรวม 23 ครั้ง

ทั้งนี้ หลังจากตรวจสอบพยานหลักฐานแล้ว ศาลอนุญาตให้โจทก์นำพยานเข้าสอบสวน รวม 17 ปาก โดยไต่สวนวันที่ 31 มี.ค.52, 2, 17, 21, 23 และ 28 เม.ย.52 ตั้งแต่เวลา 09.30 น. ขณะที่พยานของฝ่ายจำเลย ศาลอนุญาตให้ไต่สวน 103 ปาก ตั้งแต่วันที่ 23, 24, 26, 30 มิ.ย.52 วันที่ 1, 3, 14, 17, 21, 22, 24, 28, 29 ก.ค.52 และ วันที่ 4, 5, 14, 18, 19, 26 และ 28 ส.ค.เวลา 09.30 น. และอนุญาตให้จำเลย แถลงเปิดคดีด้วยวาจา เป็นเวลา 2 ชั่วโมง ในวันนัดไต่สวนพยานโจทก์ครั้งแรกวันที่ 31 มี.ค.52 ทั้งนี้เพื่อความสะดวกรวดเร็วในการไต่สวน จึงกำชับให้โจทก์-จำเลยส่งประเด็นคำถามส่งต่อศาลก่อนวันไต่สวน และให้นำพยานมาพร้อมไต่สวนทุกนัด

ขณะที่ นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา จำเลยร่วมคดีนี้ และโฆษกส่วนตัว พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวปฏิเสธข่าวที่ พ.ต.ท. ทักษิณ จะเดินทางกลับวันที่ 25 ธ.ค.ว่า เท่าที่ตนได้ติดต่อพูดคุยกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่เคยแจ้งว่าจะเดินทางกลับประเทศไทยวันดังกล่าว แต่เป็นเรื่องที่สื่อมวลชนเข้าใจกันไปเองว่าที่มีการระบุว่าแกนนำอดีตพรรคไทยรักไทยจะเดินทางกลับมา คือ พ.ต.ท.ทักษิณ

เมื่อถามว่า ได้พูดคุยกับ พ.ต.ท.ทักษิณ เกี่ยวกับ ครม.อภิสิทธิ์ 1 หรือไม่ นายพงศ์เทพ กล่าวว่า หลังจากที่มีการแต่งตั้ง ครม.แล้วตนยังไม่ได้ติดต่อพูดคุยกับ พ.ต.ท.ทักษิณเลย จึงไม่ได้มีการประเมินถึงการจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ แต่ส่วนตัวเห็นว่านโยบายส่วนใหญ่ของรัฐบาลนี้เป็นนโยบายเดิมของพรรคไทยรักไทย จึงย่อมแสดงให้เห็นนโยบายของพรรคไทยรักไทยนั้นเป็นประโยชน์สามารถแก้ปัญหาให้ประชาชนได้ อย่างไรก็ดี ขอให้รัฐบาลเร่งแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ปัญหาความแตกแยกขัดแย้งในบ้านเมือง และความไม่สงบภาคใต้ แต่ที่สำคัญคือ นายกรัฐมนตรีต้องมีภาวะความเป็นผู้นำ ไม่เช่นนั้นจะส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพของรัฐบาล

ส่วนกรณีที่มีการแต่งตั้ง นายกษิต ภิรมย์ เป็น รมว.ต่างประเทศ นั้น นายพงศ์เทพ กล่าวว่า ส่วนตัวรู้สึกผิดหวัง เนื่องจากนายกษิตอาจจะเข้ามาแก้ปัญหาภาพลักษณ์ของประเทศได้ยาก เพราะเคยขึ้นเวทีปราศรัยของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย