ศาลยกฟ้องโจรพูโลแบ่งแยกดินแดน 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เหตุพยานหลักฐานโจทก์มีข้อสงสัยหลายประการ ให้ยกประโยชน์แห่งความสงสัยแก่จำเลย แต่ให้ขังไว้ระหว่างอุทธรณ์
วันนี้ (1 ธ.ค.) เมื่อเวลา 09.30 น.ที่ห้องพิจารณาคดี 814 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลออกนั่งบัลลังก์อ่านคำพิพากษาคดีหมายเลขดำที่ อ.4748/2549 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 8 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นายกอเซ็ง หรืออูเซ็ง หรือมะนาเซ หรือชาการิม หรือซาการิม เจะเลาะ หรือเจ๊ะเลาะ หรือเจ๊ะเล๊าะ เป็นจำเลยในความผิดฐานร่วมกันเป็นกบฏเพื่อแบ่งแยกราชอาณาจักร สะสมกำลังพลและอาวุธ สมคบกันเพื่อเป็นกบฏ และสมคบกันเป็นซ่องโจรเพื่อกระทำความผิด
คดีนี้โจทก์บรรยายฟ้องระบุความผิดจำเลยสรุปว่าเมื่อปี พ.ศ.2511 มีกลุ่ม “องค์การปลดแอกแห่งชาติปัตตานี” หรือพูโล มีเป้าหมายแบ่งแยกดินแดน 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ของประเทศไทย ได้แก่ ยะลา ปัตตานี นราธิวาส สตูล และบางส่วนของ จ.สงขลา เป็นรัฐอิสระไม่อยู่ภายใต้การปกครองของประเทศไทย มีการสะสมกำลังพลและอาวุธ ยุยงและปลุกระดมราษฎรไทย มุสลิม ให้เกลียดชังชาวไทยพุทธ เกลียดชังข้าราชการ และรัฐบาล ชักจูงประชาชนให้หลงเชื่อ ลอบซุ่มยิงเจ้าหน้าที่ ลอบวางระเบิดรถไฟ เผาสะพาน เผาโรงเรียนและจับคนเรียกค่าไถ่ เป็นต้น
นอกจากนี้ เมื่อระหว่างปี พ.ศ.2511 - 10 ก.พ.2541 จำเลยกับพวกได้ร่วมกับนายหะยี ดาโอ๊ะ ท่าน้ำ และบุคคลอื่น ร่วมกันกระทำการเป็นกบฏสะสมกำลังพลและอาวุธ ใช้อาวุธปืนยิงนายสัมฤทธิ์ สุขหนูแดง ข้าราชการครู ถึงแก่ความตาย และปฏิบัติการก่อการร้ายหลายครั้งใน 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และประเทศมาเลเซีย เกี่ยวพันกันจำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลพิเคราะห์คำเบิกความและพยานหลักฐานทั้งสองฝ่ายแล้วเห็นว่า แม้พยานโจทก์จะมีเจ้าหน้าที่ฝ่ายการข่าวเบิกความเกี่ยวกับพฤติการณ์การกระทำผิดของพวกพูโล แต่น่าสงสัยว่าคนร้ายจะเป็นคนเดียวกันกับจำเลยหรือไม่ เพราะสายลับบอกว่าชายชื่อ ซาการิม มีจำนวนมากซ้ำๆกัน การที่ตำรวจมีหมายจับและสายลับอีกคนพาไปจับกุมจำเลยที่ด่าน อ.สะเดา จ.สงขลา และสายลับได้รับรางวัล 1 ล้านบาท แต่หมายจับดังกล่าวมีแต่ชื่อ-นามสกุล ไม่มีตำหนิรูปพรรณอื่นๆ แต่สายลับกลับทราบว่า จำเลยนิ้วชี้ด้วน มีบาดแผลเป็นหลายแห่ง ทำให้น่าสงสัยว่าจำเลยเป็นคนเดียวกับบุคคลตามหมายจับหรือไม่ ทั้งพยานที่เป็นอดีตพูโลก็เบิกความยืนยันว่า ไม่เคยพบเห็นจำเลยมาก่อน และบันทึกของคณะทำงานปฏิบัติการพื้นที่ภาคใต้ เกี่ยวกับพฤติการณ์ก่อการร้ายของจำเลยก็มีความน่าสงสัยเกี่ยวกับรายละเอียดและช่วงเวลาเกิดเหตุกับเวลาที่ไปจับกุมจำเลย และการจับกุมทำบันทึกดังกล่าว ก็ไม่ได้ปฏิบัติตามกฎหมาย ป.วิอาญา โดยไม่ได้แจ้งสิทธิผู้ต้องหา จึงรับฟังเป็นพยานหลักฐานไม่ได้ พยานหลักฐานโจทก์มีข้อสงสัยหลายประการ ให้ยกประโยชน์แห่งความสงสัยแก่จำเลย พิพากษายกฟ้อง แต่ให้ขังไว้ระหว่างอุทธรณ์