อัยการ ยื่นฟ้อง 82 นักรบศรีวิชัย บุกสถานีเอ็นบีที บรรยายฟ้อง ระบุพฤติกรรมการก่อเหตุทุกขั้นตอน พร้อมกล่าวหาร่วมกันข่มขืนใจ น.ส.ตวงพร อัศววิไล และนายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ศาลประทับรับฟ้อง พร้อมมีคำสั่งให้จำเลยทั้ง 82 คนมารายงานตัวและสอบคำให้การในวันที่ 18 พ.ย.51 เวลา 09.00 น.
วันนี้ (17 พ.ย.) ที่ศาลอาญา พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 4 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายธเนศร์ คำชุม กับพวก รวม 82 คน กลุ่มนักรบศรีวิชัย การ์ดพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เป็นจำเลย ในความผิดฐานสมคบกันตั้งแต่ห้าคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานเป็นซ่องโจร, มั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไปใช้กำลังประทุษร้ายหรือกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใด ให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง, ร่วมกันไม่มีเหตุอันสมควรเข้าไปหรือซ่อนตัวในเคหสถาน หรือสำนักงานในความครอบครองของผู้อื่นโดยใช้กำลังประทุษร้าย หรือโดยมีอาวุธในเวลากลางคืน, ร่วมกันทำให้เสียทรัพย์, ร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด หรือจำยอมต่อสิ่งใด โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ หรือทรัพย์สิน โดยใช้กำลังประทุษร้ายโดยมีอาวุธ, ร่วมกันพาอาวุธไปในเมืองหรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันสมควร ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 32, 33, 83, 91, 92, 210, 215, 309, 358, 364, 365 และ 371 พ.ร.บ.อาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนฯ พ.ศ.2490, พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2545 และ พ.ร.บ.วิทยุคมนาคม พ.ศ.2535
คำฟ้องระบุว่า ระหว่างวันที่ 22-25 ส.ค.2551 จำเลยทั้ง 82 คน กับพวกอีก 3 คน ซึ่งเป็นเยาวชน ร่วมกันประชุมวางแผนนัดแนะระดมคนจากบริเวณสะพานมัฆวานรังสรรค์ และจากที่อื่นๆ ตกลงกันเพื่อไปกระทำความผิด ฐานร่วมกันบุกรุกอาคารสำนักงานสถานี NBT โดยวันที่ 25-26 ส.ค.2551 จำเลยทั้งหมดกับพวก ร่วมกันมีอาวุธปืนพกออโตเมติก ขนาด 7.26 มม.ไม่ปรากฏทะเบียนจำนวน 1 กระบอก และซองกระสุนปืน 1 ซอง กระสุนไม่ทราบขนาด 5 นัด และอาวุธปืนสั้นขนาด .38 และปืนลูกซองอีกอย่างละ 1 กระบอก พร้อมเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครอง โดยไม่ได้รับอนุญาต โดยวันเวลาดังกล่าวจำเลยทั้งหมดกับพวกร่วมกันนำอาวุธปืน ติดตัวไปยังสถานี NBT ซึ่งเป็นทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต นอกจากนี้พวกจำเลยยังได้พกอาวุธมีดขนาดเล็ก และดาบขนาดยาว มีดพกปลายแหลม ขวาน รวม 34 เล่ม ติดตัวไปยังสถานที่ดังกล่าวโดยไม่มีเหตุสมควร
จำเลยทั้งหมดกับพวกร่วมกันมั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป โดยใช้กำลังประทุษร้าย หรือกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใด เพื่อให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง โดยจำเลยที่ 1 กับพวก ได้ร่วมกันนำอาวุธปืน มีด ไม้กอล์ฟ ไม่ท่อน หนังสติ๊ก ลูกเหล็กจำนวนหลายอัน ใช้เป็นอาวุธติดตัวไปใช้ในการมั่วสุม และวันที่ 26 ส.ค.2551 เวลากลางคืน จำเลยทั้งหมดร่วมกันเดินขบวนจากบริเวณสะพานมัฆวานรังสรรค์ ไปยังถนนวิภาวดีรังสิต ซึ่งเป็นที่ตั้งของสถานี NBT แล้วร่วมกันทำให้เสียทรัพย์ โดยบุกรุกเข้าไปในอาคารสำนักงานสถานี NBT โดยไม่ได้รับอนุญาต โดยจำเลยทั้งหมดร่วมกันทุบทำลายประตูทางเข้าอาคารและหน้าต่างตัดสายไฟฟ้าของตู้ควบคุมไฟฟ้า ระบบโทรศัพท์ ระบบคอมพิวเตอร์ กล้องวงจรปิด และทำลายระบบส่งสัญญาณการออกอากาศ จนใช้การไม่ได้ รวม ค่าเสียหายทั้งสิ้น 612,198.80 บาท ซึ่งทรัพย์สินดังกล่าวเป็นของทางราชการ การกระทำของพวกจำเลยทำให้ประชาชนไม่สามารถรับชมและฟังเสียงการออกอากาศของสถานี NBT ได้ตามปกติ และเมื่อเจ้าพนักงานตำรวจหลายคนซึ่งปฏิบัติหน้าที่รักษาความสงบเรียบร้อยในบริเวณดังกล่าวสั่งให้หยุดและเลิกการกระทำความผิด จำเลยทั้งหมดไม่ยอมเลิก เจ้าพนักงานตำรวจจึงได้เข้าขัดขวางการกระทำของจำเลยทั้งหมด
โดยวันที่ 26 ส.ค.2551 พวกจำเลยยังได้ร่วมกันข่มขืนใจ น.ส.ตวงพร อัศววิไล และ นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ พนักงานของสถานี NBT ผู้เสียหาย รวมทั้งพนักงานอีกหลายคน ซึ่งกำลังปฏิบัติหน้าที่อยู่ โดยจำเลยได้ร่วมกันกระทำผิดกันตั้งแต่ห้าคนขึ้นไปโดยใช้อาวุธมีดจี้ขู่บังคับ ใช้มือผลัก และพูดบังคับ น.ส.ตวงพร และพนักงานไม่ให้จัดรายการออกอากาศ รวมทั้งให้งดทำหน้าที่อื่นๆ และสั่งให้ออกจากอาคารสำนักงาน ตามวันเวลาดังกล่าว จำเลยที่ 1 ยังได้มีเครื่องรับและส่ง วิทยุคมนาคม หรือ ว.ยี่ห้อโมโตโรล่า กำลังส่ง 4 วัตต์ ซึ่งไม่ปรากฏหมายเลขเครื่องและหมายเลขทะเบียนจำนวน 1 เครื่องไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ขณะที่จำเลยที่ 39, 80 มีใบกระท่อม ยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 5 รวมจำนวน 18 ใบ ไว้ในครอบครอง ภายหลังเกิดเหตุเมื่อวันที่ 26-27 ส.ค.51 เจ้าหน้าที่ตำรวจได้จับกุมจำเลยทั้ง 82 คน กับพวกเยาวชนอีก 9 คน ได้ พร้อมยึดอาวุธและทรัพย์ได้อีกหลายรายการ ในชั้นสอบสวน จำเลยที่ 1 ให้การรับสารภาพ ในข้อหา พกพาอาวุธปืนติดตัวไปโดยไม่ได้รับอนุญาต ส่วนจำเลยที่ 39 ให้การรับสารภาพ เฉพาะข้อหามีใบกระท่อมไว้ในครอบครองแต่ภายหลังกลับให้การปฏิเสธ ส่วนข้อหาอื่นจำเลยที่ 1-82 ให้การปฏิเสธ
ท้ายฟ้องระบุว่า อัยการขอให้เพิ่มโทษจำเลยที่ 24 ซึ่งเคยต้องคำพิพากษาถึงที่สุดของศาลอาญา จำคุก 1 ปี ฐานมียาบ้าไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งจำเลยพ้นโทษคดีดังกล่าวแล้ว แต่กลับกระทำผิดซ้ำในคดีนี้อีกภายในเวลา 5 ปี นับตั้งแต่วันพ้นโทษ และขอให้ศาลบวกโทษจำคุกของจำเลยที่ 48 และ 70 ด้วย ซึ่งก่อนหน้านี้ จำเลยที่ 48 เคยต้องคำพิพากษาของศาลจังหวัดสระแก้ว ที่ให้จำคุก 3 เดือน แต่รอลงอาญา 2 ปี ในคดียักยอกทรัพย์ ส่วนจำเลยที่ 70 เคยต้องคำพิพากษาของศาลแขวงพระนครเหนือ ที่ให้จำคุก 2 เดือน แต่ให้รอลงอาญา 2 ปี ในข้อหาขับรถขณะเมาสุรา รวมทั้งให้ริบของกลาง ศาลประทับรับฟ้องไว้เป็นคดีหมายเลขดำที่ อ.4486/2551 พร้อมมีคำสั่งให้จำเลยทั้ง 82 คน มารายงานตัวและสอบคำให้การในวันที่ 18 พ.ย.2551 เวลา 09.00 น.