00..โผแต่งตั้งโยกย้ายนายตำรวจ ระดับรองผู้บังคับการ (รอง ผบก.) ไปจนถึงสารวัตร (สว.) กว่า 1,000 ตำแหน่ง ครั้งนี้ล่าช้ากว่าปกติ เหล่าสีกากีน้อยใหญ่ต่างวิ่งสปีดกันตีนขวิด โผต้องรื้อแล้วรื้ออีก เมื่อฝ่ายการเมืองลงมาบีบมาล้วง จน “บิ๊กป๊อด” พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ แม่ทัพสีกากีถึงกับหน้าเขียวหน้าดำ แม้จะลงนามคำสั่งให้ผู้บัญชาการทุก บช.เสนอรายชื่อมาในวันที่ 14 พ.ย.ก่อนเบ่งคลอดวันที่ 20 พ.ย.นี้ ค่าของคน อยู่ที่คนของใคร
หลาย บช.ต่างส่ายหัว โควตานักการเมือง เพื่อนนักการเมือง พ่อค้าวาณิช ทั้งหน้าบ้าน-หลังบ้าน สอดไส้เด็กตัวเอง ทำเอาหัวหน้าหน่วยที่จะเลือกลูกน้องในหน่วยขึ้นมาทำงานต่างส่ายหัว โดยครั้งนี้โฟกัสไปที่ กองบัญชาการสอบสวนกลาง ของ “เดอะย้อย” พล.ต.ท.วรพงษ์ ชิวปรีชา “เดอะเบื๊อก” พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว แม่ทัพนครบาล (ตำรวจฆ่าประชาชน) ข่าวแว่วมาว่าแต่ละกองบังคับการ และหัวหน้าโรงพัก ถูกเตะออกนอกหน่วยหลายนาย เพื่อเปิดทางให้เด็กนักเลือกตั้งนั่งเก้าอี้ทดแทนความกตัญญู
00..ที่น่าจับตา บช.ภ.3, 4, 5, 6 คุมภาคเหนือ-อีสาน ฝ่ายนักเลือกตั้งส่งคนของตัวเองไปคุมก่อนแล้ว ล็อตนี้ส่ง รอง ผบก.-ผกก.-สว. ลงพื้นที่การันตีซ้ำ ไม่กี่วันมีการยุบสภาแน่ อำนาจรัฐคุมกลไกต้นธารยุติธรรมชิงความได้เปรียบพรรคคู่แข่งเรียบร้อยแล้ว ผลประโยชน์ต่างตอบแทน เมื่อเสร็จงานเหล่าสีกากีน้อยใหญ่ต่างก็วิ่งข้ามห้วยรับบำเน็จความดีความชอบขอลงพื้นที่ทำเลทอง
00..ส่วน กองบัญชาการสันติบาล หรือตำรวจลับ มือไม้ของรัฐบาล โผไม่ค่อยระทึกขยับนิดหน่อยเท่านั้น เนื่องจาก ฝ่ายรัฐบาลมีการวางตัวตั้งแต่ระดับหัวถึงล่างไว้แล้ว ผลงานเข้าตาก็คือกรณีออกมาฟันธงว่า เสียง “โฟนอิน” ของ “เสี่ยแม้ว” พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯและผู้ต้องหาหนีคดีที่ดินรัชดาฯ ไม่เข้าข่ายหมิ่นสถาบันแต่อย่างใด
สวนทางกับนักวิชาการ สภาทนายความ โดยนายเดชอุดม ไกรฤทธิ์ นายกสภาทนายความ ออกแถลงการณ์ว่า ตามคำปราศรัยตอนหนึ่งที่ระบุว่า “ไม่มีใครเอาผมกลับประเทศไทยได้หรอกครับ นอกจากพระบารมีที่จะทรงมีพระเมตตา หรือไม่ก็ด้วยพลังของพี่น้องประชาชนเท่านั้น จริงไหม” กรณีไม่อาจแปรเปลี่ยนเป็นอย่างอื่นได้ว่าพลังของประชาชนที่อ้างจะเท่ากับพระ ราชอำนาจในการอภัยโทษขององค์พระประมุข ซึ่งเป็นการใช้ถ้อยคำที่มีเจตนาก้าวล่วงพระบรมราชวินิจฉัยในเรื่องการอภัยโทษอย่างชัดเจน เป็นลักษณะคำถามแบบปิดพระบรมราชวินิจฉัยโดยสิ้นเชิง ซึ่งการปราศรัยเป็นความพยายามหลีกเลี่ยงอาญาให้พ้นจากคำพิพากษาโดยไม่คำนึง ถึงข้อปฏิบัติทางจริยธรรม และรีบด่วนขอพระราชทานอภัยโทษโดยที่คดียังไม่ถึงที่สุด”
00..แต่สันติบาลมีข่าวฉาว หลังปิดไม่ลับข่าวรั่วถึงหูสื่อ...โดยเฉพาะเกี่ยวกับผลประโยชน์ ไม่ว่าจะเป็นผลประโยชน์ในเรื่องการแต่งตั้งโยกย้าย ที่บิ๊กสันติบาล ทั้งหลายแหล่ ต่างเอาพวกพ้วงมารับตำแหน่ง เพื่อรับการเลือกตั้งครั้งหน้า นอกจากนั้น ยังมีผลประโยชน์ เกี่ยวกับการตรวจสอบประวัติบุคคลที่ต้องการเดินทางไปต่างประเทศ ข่าวแว่วว่า เฉพาะกรณีนี้ มีรายได้ต่อเดือน 2-3 ล้านบาท เลยทีเดียว
ส่วนเรื่องการโยกย้ายในสันติบาล มีข่าวแจ้งว่า ขณะนี้มีนายตำรวจหลายนายที่ทราบว่าจะถูกโยกย้ายออกจากสันติบาล โดยไม่เป็นธรรม พวกเขาเตรียมที่จะขอต่อสู้ โดยพร้อมที่จะฟ้องร้องต่อศาลปกครอง เพื่อเป็นมาตรฐานไม่ให้ พวกนายๆกลั่นแกล้งผู้ใต้บังคับบัญชาอีกต่อไป....
00..ซึ่งพอมองเห็นภาพออกแล้วว่า สีกากีทุกยุคทุกสมัยต่างเอาตัวเองไปอิงแอบแนบชิดกับนักการเมืองเพื่อคอยเป็นทาสรับใช้ แลกกับความก้าวหน้าในตำแหน่งหน้าที่ โดยไม่สนใจใยดีต่อการดูแลทุกข์สุขประชาชน นอกจากนี้ยังมีสีกากีรุ่นใหม่สร้างวัฒนธรรมผิดเพี้ยน สวมหมวกนายเวรเดินตามก้นนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ ฝากฝังกันเป็นทอดๆ เพื่อเอาเปรียบเพื่อนร่วมรุ่น โดยไม่สนใจพิทักษ์รับใช้ประชาชนคนเสียภาษี
วงจรอุบาทว์ดังกล่าวได้ทำลายเกียรติภูมิของผู้พิทักษ์สันติราษฎร์มาช้านาน...จากรุ่นสู่รุ่น ถึงเวลาแล้วหรือยังที่ เหล่าสีกากีจะทบทวนตัวเองและปลดปล่อยพันธนาการจากการเป็นทาสของนักการเมืองได้แล้ว เริ่มจาก “บิ๊กป๊อด” ก่อนเป็นไง...?
หลาย บช.ต่างส่ายหัว โควตานักการเมือง เพื่อนนักการเมือง พ่อค้าวาณิช ทั้งหน้าบ้าน-หลังบ้าน สอดไส้เด็กตัวเอง ทำเอาหัวหน้าหน่วยที่จะเลือกลูกน้องในหน่วยขึ้นมาทำงานต่างส่ายหัว โดยครั้งนี้โฟกัสไปที่ กองบัญชาการสอบสวนกลาง ของ “เดอะย้อย” พล.ต.ท.วรพงษ์ ชิวปรีชา “เดอะเบื๊อก” พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว แม่ทัพนครบาล (ตำรวจฆ่าประชาชน) ข่าวแว่วมาว่าแต่ละกองบังคับการ และหัวหน้าโรงพัก ถูกเตะออกนอกหน่วยหลายนาย เพื่อเปิดทางให้เด็กนักเลือกตั้งนั่งเก้าอี้ทดแทนความกตัญญู
00..ที่น่าจับตา บช.ภ.3, 4, 5, 6 คุมภาคเหนือ-อีสาน ฝ่ายนักเลือกตั้งส่งคนของตัวเองไปคุมก่อนแล้ว ล็อตนี้ส่ง รอง ผบก.-ผกก.-สว. ลงพื้นที่การันตีซ้ำ ไม่กี่วันมีการยุบสภาแน่ อำนาจรัฐคุมกลไกต้นธารยุติธรรมชิงความได้เปรียบพรรคคู่แข่งเรียบร้อยแล้ว ผลประโยชน์ต่างตอบแทน เมื่อเสร็จงานเหล่าสีกากีน้อยใหญ่ต่างก็วิ่งข้ามห้วยรับบำเน็จความดีความชอบขอลงพื้นที่ทำเลทอง
00..ส่วน กองบัญชาการสันติบาล หรือตำรวจลับ มือไม้ของรัฐบาล โผไม่ค่อยระทึกขยับนิดหน่อยเท่านั้น เนื่องจาก ฝ่ายรัฐบาลมีการวางตัวตั้งแต่ระดับหัวถึงล่างไว้แล้ว ผลงานเข้าตาก็คือกรณีออกมาฟันธงว่า เสียง “โฟนอิน” ของ “เสี่ยแม้ว” พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯและผู้ต้องหาหนีคดีที่ดินรัชดาฯ ไม่เข้าข่ายหมิ่นสถาบันแต่อย่างใด
สวนทางกับนักวิชาการ สภาทนายความ โดยนายเดชอุดม ไกรฤทธิ์ นายกสภาทนายความ ออกแถลงการณ์ว่า ตามคำปราศรัยตอนหนึ่งที่ระบุว่า “ไม่มีใครเอาผมกลับประเทศไทยได้หรอกครับ นอกจากพระบารมีที่จะทรงมีพระเมตตา หรือไม่ก็ด้วยพลังของพี่น้องประชาชนเท่านั้น จริงไหม” กรณีไม่อาจแปรเปลี่ยนเป็นอย่างอื่นได้ว่าพลังของประชาชนที่อ้างจะเท่ากับพระ ราชอำนาจในการอภัยโทษขององค์พระประมุข ซึ่งเป็นการใช้ถ้อยคำที่มีเจตนาก้าวล่วงพระบรมราชวินิจฉัยในเรื่องการอภัยโทษอย่างชัดเจน เป็นลักษณะคำถามแบบปิดพระบรมราชวินิจฉัยโดยสิ้นเชิง ซึ่งการปราศรัยเป็นความพยายามหลีกเลี่ยงอาญาให้พ้นจากคำพิพากษาโดยไม่คำนึง ถึงข้อปฏิบัติทางจริยธรรม และรีบด่วนขอพระราชทานอภัยโทษโดยที่คดียังไม่ถึงที่สุด”
00..แต่สันติบาลมีข่าวฉาว หลังปิดไม่ลับข่าวรั่วถึงหูสื่อ...โดยเฉพาะเกี่ยวกับผลประโยชน์ ไม่ว่าจะเป็นผลประโยชน์ในเรื่องการแต่งตั้งโยกย้าย ที่บิ๊กสันติบาล ทั้งหลายแหล่ ต่างเอาพวกพ้วงมารับตำแหน่ง เพื่อรับการเลือกตั้งครั้งหน้า นอกจากนั้น ยังมีผลประโยชน์ เกี่ยวกับการตรวจสอบประวัติบุคคลที่ต้องการเดินทางไปต่างประเทศ ข่าวแว่วว่า เฉพาะกรณีนี้ มีรายได้ต่อเดือน 2-3 ล้านบาท เลยทีเดียว
ส่วนเรื่องการโยกย้ายในสันติบาล มีข่าวแจ้งว่า ขณะนี้มีนายตำรวจหลายนายที่ทราบว่าจะถูกโยกย้ายออกจากสันติบาล โดยไม่เป็นธรรม พวกเขาเตรียมที่จะขอต่อสู้ โดยพร้อมที่จะฟ้องร้องต่อศาลปกครอง เพื่อเป็นมาตรฐานไม่ให้ พวกนายๆกลั่นแกล้งผู้ใต้บังคับบัญชาอีกต่อไป....
00..ซึ่งพอมองเห็นภาพออกแล้วว่า สีกากีทุกยุคทุกสมัยต่างเอาตัวเองไปอิงแอบแนบชิดกับนักการเมืองเพื่อคอยเป็นทาสรับใช้ แลกกับความก้าวหน้าในตำแหน่งหน้าที่ โดยไม่สนใจใยดีต่อการดูแลทุกข์สุขประชาชน นอกจากนี้ยังมีสีกากีรุ่นใหม่สร้างวัฒนธรรมผิดเพี้ยน สวมหมวกนายเวรเดินตามก้นนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ ฝากฝังกันเป็นทอดๆ เพื่อเอาเปรียบเพื่อนร่วมรุ่น โดยไม่สนใจพิทักษ์รับใช้ประชาชนคนเสียภาษี
วงจรอุบาทว์ดังกล่าวได้ทำลายเกียรติภูมิของผู้พิทักษ์สันติราษฎร์มาช้านาน...จากรุ่นสู่รุ่น ถึงเวลาแล้วหรือยังที่ เหล่าสีกากีจะทบทวนตัวเองและปลดปล่อยพันธนาการจากการเป็นทาสของนักการเมืองได้แล้ว เริ่มจาก “บิ๊กป๊อด” ก่อนเป็นไง...?