ขึ้น 15 ค่ำเดือน 12 ของทุกปีถือเป็นประเพณีวัน “ลอยกระทง” ซึ่งประชาชนส่วนใหญ่จะออกมาขอขมาต่อพระแม่คงคา ด้วยการลอยกระทง ลอยเอาความทุกข์ความโศกความไม่ดีฝากสายน้ำทิ้งไป โดยในปีนี้วันลอยกระทงตรงกับวันพุธที่ 12 พฤศจิกายน การประกาศบอกกล่าวทำท่าขึงขังเอาผิดจริงจังลงโทษพวกมือบอนชอบฝ่าฝืนเล่นดอกไม้ไฟ จุดพลุเสียงดังแสงไฟกระเด็นกระจายไปโดนเหล่าบรรดาขาโจ๋ขาเที่ยว และประชาชนที่นับถือศาสนาพุทธที่แห่แหนออกมาลอยกระทง ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้มงวดกวดขันวางมาตรการรับมือวัน “ลอยกระทง” ปราบปรามกวดขันจับกุมผู้ผลิต ผู้จำหน่ายดอกไม้เพลิง พลุ ประทัด ประทัดยักษ์ ซึ่งประทัดยักษ์ส่วนใหญ่มีการดัดแปลงนำท่อพีวีซีมาเป็นปลอกประทัดแล้วอัดดินปืนเข้าไป เมื่อจุดจะมีอานุภาพรุนแรงเสียงดังมาก และหากนำไปผูกติดกับขวดแก้ว เมื่อจุดจะมีสะเก็ดระเบิดเกิดขึ้น เป็นอันตรายถึงแก่ชีวิต เป็นกรณีพิเศษ พร้อมทั้งสอดส่องผู้ผลิต ผู้จำหน่ายที่ได้รับอนุญาตให้ปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะผู้เล่นดอกไม้เพลิง พลุ ประทัดในลักษณะที่อาจทำให้เกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย และทรัพย์สิน รวมถึงการเล่นที่ก่อความเดือดร้อนรำคาญแก่ประชาชนอย่างจริงจัง โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจบอกว่าถ้าพบผู้เล่นที่ฝ่าฝืนจะจับปรับถึง 1,000 บาท นอกจากนี้ ยังเข้มงวดตามสถานที่สาธารณะต่างๆ เป็นพิเศษ เพื่อป้องกันหนุ่มสาวแอบแฝงใช้เป็นที่พลอดรัก หรือกระทำความผิดทางเพศ
ขณะเดียวกัน ตำรวจนครบาล นำโดย “พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน” รอง ผบช.น. ยังได้สั่งการให้กองบังคับการตำรวจนครบาล 1-9 ออกแผนระดมป้องกันและปราบปรามอาชญากรรม ในช่วงดังกล่าว โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 5-14 พ.ย.นี้ เน้นการกวาดล้างเรื่องอาวุธ ยาเสพติด รวมถึงการจัดระเบียบสถานบริการ โดยเน้นการดื่มสุรา เนื่องจากอาจเป็นสาเหตุของอุบัติเหตุทั้งทางบกและทางน้ำด้วย เมื่อดูแนวนโยบายและมาตรการที่ตำรวจนครบาลมีวางกำหนดไว้เป็นแบบฟอร์มการทำงานแล้ว น่ายินดียิ่งนัก หากสามารถตรวจเข้มได้ตามที่วางกรอบไว้ (เพราะเห็นทั่น “สุชาติ เหมือนแก้ว” ผบชน.บอกกำลังไม่พอ เหน็บต้องส่งตำรวจไปรักษาความปลอดภัยพันธมิตร) แม้เจ้าหน้าที่ตำรวจจะมีมาตรการเข้มงวดในเรื่องนี้ทุก ๆ ปี แต่ที่ผ่านมาสะท้อนให้เห็นเสมอว่ามีผู้ฝ่าฝืนชอบเล่นดอกไม้ไฟสร้างความเดือดร้อนแก่ชาวบ้าน ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจเองก็ได้แค่จับมาตักเตือน หรืออาจจับเปรียบเทียบปรับแล้วปล่อยตัวไปเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม วัน “ลอยกระทง” ปีนี้อยากฝากเป็นกรณีพิเศษให้เจ้าหน้าที่ตำรวจกวดขันตรวจตราการจุดประทัดยักษ์ ที่อาจแฝงตัวมากับการวางระเบิดป่วนพื้นที่ กทม. เพื่อสร้างสถานการณ์ความรุนแรงให้เกิดความแตกแยกมากขึ้น และขอให้เน้นจับกลุ่มที่ฉวยโอกาสสร้างความวุ่นวายในบ้านเมืองในตอนนี้ด้วย เนื่องจากมีรายงานจากหน่วยข่าวกรองของกองบัญชาการตำรวจสันติบาล ออกมาว่าจะมีกลุ่มคนลักลอบนำอาวุธสงครามโดยเฉพาะวัตถุระเบิดชนิดขว้างทั้งแบบผลิตเองและลักลอบนำเข้ามาจากแนวชายแดน เข้ามาในพื้นที่กรุงเทพฯ เพื่อเตรียมก่อเหตุร้าย โดยกลุ่มคนดังกล่าวกำหนดห้วงเวลาดำเนินการไว้ในวันที่ 16 พฤศจิกายน หลังงานพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ เสร็จสิ้น เพื่อสร้างสถานการณ์ความรุนแรง แต่เพื่อความเป็นห่วงกับสถานการณ์บ้านเมืองปัจจุบันที่มีสุนัขรับใช้ทรราช คอยลอบกัดปาบึ้มพันธมิตรฯรายวัน ทำให้ประชาชนผู้รักชาติ รักประชาธิปไตยต้องได้รับบาดเจ็บต่อเนื่อง แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ยังนิ่งเฉยยังไม่สามารถจับกุมมือดีคอยสร้างความฉิบหายที่โหมโลงปาระเบิดก่อกวนต่อประชาชนชาวพันธมิตรได้ แต่ในทางกลับกันหากเหตุการณ์ความรุนแรงใดแม้รอยแมวข่วน เมื่อเกิดขึ้นกับฝ่ายรัฐบาลที่มีนายกรัฐมนตรีมือเปื้อนเลือด นามว่า “นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์” ได้รับผลกระทบให้เสียประโยชน์แล้ว นายตำรวจที่ทั่นบอกเสมอว่าเป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ อยู่ในเครื่องแบบอันทรงเกียรติ จะกุลีกุจอรับใช้ตามจับแพะมาลงโทษทันที
ถึงแม้มาตรการเข้มดั่งที่กล่าวเบื้องต้นจะไม่เคยเห็นผลมากนัก และตำรวจก็รู้ชัดขนาดว่าจะมีอาวุธสงครามสร้างความรุนแรง และมีกำหนดวันชัดเจนขนาดนั้นก็ตาม ซึ่งแม้ว่าข่าวกรองจะออกมาตรงกันว่าหลัง 16 พ.ย.จะมีเหตุก่อกวนปาบึ้มป่วนเมือง เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ไม่น่าจะมีความหวังให้ประชาชนได้อุ่นใจได้ ก็ไม่ควรมองข้ามวัน “ลอยกระทง” ซึ่งประชาชนทั่วสารทิศจะหลั่งไหลออกมาขอขมาพระแม่คงคา ซึ่งพวกเดนคนมันอาจฉวยโอกาสก่อเหตุได้อย่างง่ายดายแฝงปาระเบิดแทรกกับเสียงประทัดได้ทุกเมื่อ โปรดอย่ามองข้ามมิเช่นนั้นแล้วอาจจะเกิดการสูญเสียที่คาดไม่ถึงจนถึงขั้นนองเลือดซ้ำรอย 7 ตุลาวิปโยคได้ทุกเมื่อเช่นกัน
ขณะเดียวกัน ตำรวจนครบาล นำโดย “พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน” รอง ผบช.น. ยังได้สั่งการให้กองบังคับการตำรวจนครบาล 1-9 ออกแผนระดมป้องกันและปราบปรามอาชญากรรม ในช่วงดังกล่าว โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 5-14 พ.ย.นี้ เน้นการกวาดล้างเรื่องอาวุธ ยาเสพติด รวมถึงการจัดระเบียบสถานบริการ โดยเน้นการดื่มสุรา เนื่องจากอาจเป็นสาเหตุของอุบัติเหตุทั้งทางบกและทางน้ำด้วย เมื่อดูแนวนโยบายและมาตรการที่ตำรวจนครบาลมีวางกำหนดไว้เป็นแบบฟอร์มการทำงานแล้ว น่ายินดียิ่งนัก หากสามารถตรวจเข้มได้ตามที่วางกรอบไว้ (เพราะเห็นทั่น “สุชาติ เหมือนแก้ว” ผบชน.บอกกำลังไม่พอ เหน็บต้องส่งตำรวจไปรักษาความปลอดภัยพันธมิตร) แม้เจ้าหน้าที่ตำรวจจะมีมาตรการเข้มงวดในเรื่องนี้ทุก ๆ ปี แต่ที่ผ่านมาสะท้อนให้เห็นเสมอว่ามีผู้ฝ่าฝืนชอบเล่นดอกไม้ไฟสร้างความเดือดร้อนแก่ชาวบ้าน ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจเองก็ได้แค่จับมาตักเตือน หรืออาจจับเปรียบเทียบปรับแล้วปล่อยตัวไปเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม วัน “ลอยกระทง” ปีนี้อยากฝากเป็นกรณีพิเศษให้เจ้าหน้าที่ตำรวจกวดขันตรวจตราการจุดประทัดยักษ์ ที่อาจแฝงตัวมากับการวางระเบิดป่วนพื้นที่ กทม. เพื่อสร้างสถานการณ์ความรุนแรงให้เกิดความแตกแยกมากขึ้น และขอให้เน้นจับกลุ่มที่ฉวยโอกาสสร้างความวุ่นวายในบ้านเมืองในตอนนี้ด้วย เนื่องจากมีรายงานจากหน่วยข่าวกรองของกองบัญชาการตำรวจสันติบาล ออกมาว่าจะมีกลุ่มคนลักลอบนำอาวุธสงครามโดยเฉพาะวัตถุระเบิดชนิดขว้างทั้งแบบผลิตเองและลักลอบนำเข้ามาจากแนวชายแดน เข้ามาในพื้นที่กรุงเทพฯ เพื่อเตรียมก่อเหตุร้าย โดยกลุ่มคนดังกล่าวกำหนดห้วงเวลาดำเนินการไว้ในวันที่ 16 พฤศจิกายน หลังงานพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ เสร็จสิ้น เพื่อสร้างสถานการณ์ความรุนแรง แต่เพื่อความเป็นห่วงกับสถานการณ์บ้านเมืองปัจจุบันที่มีสุนัขรับใช้ทรราช คอยลอบกัดปาบึ้มพันธมิตรฯรายวัน ทำให้ประชาชนผู้รักชาติ รักประชาธิปไตยต้องได้รับบาดเจ็บต่อเนื่อง แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ยังนิ่งเฉยยังไม่สามารถจับกุมมือดีคอยสร้างความฉิบหายที่โหมโลงปาระเบิดก่อกวนต่อประชาชนชาวพันธมิตรได้ แต่ในทางกลับกันหากเหตุการณ์ความรุนแรงใดแม้รอยแมวข่วน เมื่อเกิดขึ้นกับฝ่ายรัฐบาลที่มีนายกรัฐมนตรีมือเปื้อนเลือด นามว่า “นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์” ได้รับผลกระทบให้เสียประโยชน์แล้ว นายตำรวจที่ทั่นบอกเสมอว่าเป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ อยู่ในเครื่องแบบอันทรงเกียรติ จะกุลีกุจอรับใช้ตามจับแพะมาลงโทษทันที
ถึงแม้มาตรการเข้มดั่งที่กล่าวเบื้องต้นจะไม่เคยเห็นผลมากนัก และตำรวจก็รู้ชัดขนาดว่าจะมีอาวุธสงครามสร้างความรุนแรง และมีกำหนดวันชัดเจนขนาดนั้นก็ตาม ซึ่งแม้ว่าข่าวกรองจะออกมาตรงกันว่าหลัง 16 พ.ย.จะมีเหตุก่อกวนปาบึ้มป่วนเมือง เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ไม่น่าจะมีความหวังให้ประชาชนได้อุ่นใจได้ ก็ไม่ควรมองข้ามวัน “ลอยกระทง” ซึ่งประชาชนทั่วสารทิศจะหลั่งไหลออกมาขอขมาพระแม่คงคา ซึ่งพวกเดนคนมันอาจฉวยโอกาสก่อเหตุได้อย่างง่ายดายแฝงปาระเบิดแทรกกับเสียงประทัดได้ทุกเมื่อ โปรดอย่ามองข้ามมิเช่นนั้นแล้วอาจจะเกิดการสูญเสียที่คาดไม่ถึงจนถึงขั้นนองเลือดซ้ำรอย 7 ตุลาวิปโยคได้ทุกเมื่อเช่นกัน