บช.น.บอกเหตุบึ้มข้างเวทีพันธมิตรฯ ไม่ใช่การยิงจากรอบนอกเข้ามา แต่เป็นระเบิดขึ้นภายใน คาดไม่ใช่ระเบิดเอ็ม 29 ตามที่หลายฝ่ายระบุ ขณะเดียวกัน ขอความร่วมมือ ปชช.ช่วยแจ้งเบาะแสวัตถุต้องสงสัยในช่วงวัน “ลอยกระทง”
วันนี้ (11 พ.ย.) พล.ต.ต.สุพร พันธุ์เสือ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ฐานะโฆษกกองบัญชาการตำรวจนครบาล กล่าวถึงเหตุระเบิดข้างเวทีพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เมื่อคืนที่ผ่านมาว่า เบื้องต้นคาดว่าไม่ใช่ระเบิดเอ็ม 29 ตามที่หลายฝ่ายให้สัมภาษณ์ และไม่ใช่การยิงจากรอบนอกเข้ามา แต่เป็นการระเบิดขึ้นจากภายใน ส่วนจะเป็นระเบิดเอ็ม 79 หรือไม่นั้นคงเป็นไปไม่ได้ เนื่องจากอานุภาพทำลายล้างต้องมากกว่านี้ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่ได้เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ เนื่องจากพันธมิตรฯ ยังไม่อนุญาตให้เข้าไปภายใน ส่วนกรณีที่ตำรวจสามารถจับกุมผู้ต้องสงสัยได้ 1 คนนั้น จากการสอบสวนพบว่าไม่น่ามีส่วนเกี่ยวข้องจึงปล่อยตัวไป และไม่สามารถตอบได้ว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเป็นการสร้างสถานการณ์ของกลุ่มพันธมิตรฯ หรือไม่
พล.ต.ต.สุพร กล่าวถึงกรณีมีรายงานข่าวจะมีการขนอาวุธเพื่อเตรียมมาก่อเหตุใหญ่ว่า ตำรวจได้หาข่าวในเชิงลึกและตั้งด่านจุดสกัดในพื้นที่ กทม.มาตั้งแต่วันที่ 5 พ.ย.ที่ผ่านมาแล้ว
นอกจากนี้ ในมาตรการรักษาความปลอดภัยช่วงเทศกาลลอยกระทงนั้น เพื่อความปลอดภัยของประชาชนในคืนวันลอยกระทง หากพบเห็นวัตถุต้องสงสัยขอให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจทันที จากนั้นเจ้าหน้าที่จะจัดชุดหน่วยเก็บกู้และตรวจสอบวัตถุระเบิด กองบัญชาการตำรวจนครบาลเข้าตรวจสอบ ซึ่งตำรวจจะเข้าตรวจสอบทุกที่ ที่มีการแจ้งเหตุเข้ามา แม้จะพบเป็นวัตถุระเบิดหรือไม่ก็ตาม อย่างไรก็ตาม ได้จัดชุดเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกกองบังคับการไปตรวจสอบร้านพลุและดอกไม้ไฟ เพื่อห้ามจำหน่ายให้ประชาชนอย่างเด็ดขาด หากพบผู้ใดฝ่าฝืนจะถูกดำเนินคดี
วันเดียวกัน ร.ต.อ.ป้อมเพ็ชร โรชกลาง พนักงานสอบสวน สน.นางเลิ้ง ควบคุมตัว นายเกียรติศักดิ์ รักภู่ อายุ 35 ปี ชาวจังหวัดชุมพร ซึ่งอ้างว่าเป็นคนขับแท็กซี่ของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ผู้ต้องหา “มีอาวุธปืนไว้ในครอบครอง และพกพาเข้าไปในเมืองโดยไม่ได้รับอนุญาต” ที่ถูกจับกุมได้พร้อมอาวุธปืนไทยประดิษฐ์ และอาวุธอื่นๆ ซึ่งซ่อนอยู่ในรถแท็กซี่ ทะเบียน 7614 กทม. บริเวณจุดตรวจค้นหน้าบ้านพิษณุโลก เมื่อเวลา 02.00 น.วันที่ 10 พ.ย.ที่ผ่านมา มาขออำนาจศาลอาญาฝากขังครั้งแรกเป็นเวลา 12 วันไปจนถึงวันที่ 22 พ.ย.นี้ เนื่องจากพนักงานสอบสวนยังต้องสอบพยานเพิ่มอีก 4 ปาก และรอผลการตรวจสอบลายพิมพ์นิ้วมือและประวัติอาชญากรผู้ต้องหา ศาลพิจารณาแล้วอนุญาตให้ฝากขังได้ตามคำร้อง
อย่างไรก็ตาม เป็นที่น่าสังเกตว่า ขณะนี้ได้เกิดเหตุการลอบทำร้ายพันธมิตรฯ แบบรายวัน โดยที่เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่สามารถจับกุมผู้กระทำความผิดได้ อีกทั้งยังปล่อยให้มีการก่อเหตุอย่างสะดวก ก่อนที่จะออกมาให้สัมภาษณ์ในภายหลังในลักษณะกล่าวหาว่าพันธมิตรฯ เป็นผู้สร้างสถานการณ์ โดยที่ไม่ได้มีการสอบสวนหรือดำเนินการติดตามตัวผู้กระทำความผิด
นอกจากนั้น หลังเกิดเหตุแทบทุกครั้ง พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือ เสธ.แดง ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก ที่ออกมารับใช้ทักษิณได้ออกมาให้สัมภาษณ์ในลักษณะท้าทายว่าจะก่อเหตุรายวันจนกว่าพันธมิตรฯ จะออกจากทำเนียบ แต่ตำรวจกลับไม่ได้มีการนำตัวมาสอบสวน หรือส่งสายสืบไปติดตามพฤติกรรมของ เสธ.แดง แต่อย่างใด
วันนี้ (11 พ.ย.) พล.ต.ต.สุพร พันธุ์เสือ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ฐานะโฆษกกองบัญชาการตำรวจนครบาล กล่าวถึงเหตุระเบิดข้างเวทีพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เมื่อคืนที่ผ่านมาว่า เบื้องต้นคาดว่าไม่ใช่ระเบิดเอ็ม 29 ตามที่หลายฝ่ายให้สัมภาษณ์ และไม่ใช่การยิงจากรอบนอกเข้ามา แต่เป็นการระเบิดขึ้นจากภายใน ส่วนจะเป็นระเบิดเอ็ม 79 หรือไม่นั้นคงเป็นไปไม่ได้ เนื่องจากอานุภาพทำลายล้างต้องมากกว่านี้ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่ได้เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ เนื่องจากพันธมิตรฯ ยังไม่อนุญาตให้เข้าไปภายใน ส่วนกรณีที่ตำรวจสามารถจับกุมผู้ต้องสงสัยได้ 1 คนนั้น จากการสอบสวนพบว่าไม่น่ามีส่วนเกี่ยวข้องจึงปล่อยตัวไป และไม่สามารถตอบได้ว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเป็นการสร้างสถานการณ์ของกลุ่มพันธมิตรฯ หรือไม่
พล.ต.ต.สุพร กล่าวถึงกรณีมีรายงานข่าวจะมีการขนอาวุธเพื่อเตรียมมาก่อเหตุใหญ่ว่า ตำรวจได้หาข่าวในเชิงลึกและตั้งด่านจุดสกัดในพื้นที่ กทม.มาตั้งแต่วันที่ 5 พ.ย.ที่ผ่านมาแล้ว
นอกจากนี้ ในมาตรการรักษาความปลอดภัยช่วงเทศกาลลอยกระทงนั้น เพื่อความปลอดภัยของประชาชนในคืนวันลอยกระทง หากพบเห็นวัตถุต้องสงสัยขอให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจทันที จากนั้นเจ้าหน้าที่จะจัดชุดหน่วยเก็บกู้และตรวจสอบวัตถุระเบิด กองบัญชาการตำรวจนครบาลเข้าตรวจสอบ ซึ่งตำรวจจะเข้าตรวจสอบทุกที่ ที่มีการแจ้งเหตุเข้ามา แม้จะพบเป็นวัตถุระเบิดหรือไม่ก็ตาม อย่างไรก็ตาม ได้จัดชุดเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกกองบังคับการไปตรวจสอบร้านพลุและดอกไม้ไฟ เพื่อห้ามจำหน่ายให้ประชาชนอย่างเด็ดขาด หากพบผู้ใดฝ่าฝืนจะถูกดำเนินคดี
วันเดียวกัน ร.ต.อ.ป้อมเพ็ชร โรชกลาง พนักงานสอบสวน สน.นางเลิ้ง ควบคุมตัว นายเกียรติศักดิ์ รักภู่ อายุ 35 ปี ชาวจังหวัดชุมพร ซึ่งอ้างว่าเป็นคนขับแท็กซี่ของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ผู้ต้องหา “มีอาวุธปืนไว้ในครอบครอง และพกพาเข้าไปในเมืองโดยไม่ได้รับอนุญาต” ที่ถูกจับกุมได้พร้อมอาวุธปืนไทยประดิษฐ์ และอาวุธอื่นๆ ซึ่งซ่อนอยู่ในรถแท็กซี่ ทะเบียน 7614 กทม. บริเวณจุดตรวจค้นหน้าบ้านพิษณุโลก เมื่อเวลา 02.00 น.วันที่ 10 พ.ย.ที่ผ่านมา มาขออำนาจศาลอาญาฝากขังครั้งแรกเป็นเวลา 12 วันไปจนถึงวันที่ 22 พ.ย.นี้ เนื่องจากพนักงานสอบสวนยังต้องสอบพยานเพิ่มอีก 4 ปาก และรอผลการตรวจสอบลายพิมพ์นิ้วมือและประวัติอาชญากรผู้ต้องหา ศาลพิจารณาแล้วอนุญาตให้ฝากขังได้ตามคำร้อง
อย่างไรก็ตาม เป็นที่น่าสังเกตว่า ขณะนี้ได้เกิดเหตุการลอบทำร้ายพันธมิตรฯ แบบรายวัน โดยที่เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่สามารถจับกุมผู้กระทำความผิดได้ อีกทั้งยังปล่อยให้มีการก่อเหตุอย่างสะดวก ก่อนที่จะออกมาให้สัมภาษณ์ในภายหลังในลักษณะกล่าวหาว่าพันธมิตรฯ เป็นผู้สร้างสถานการณ์ โดยที่ไม่ได้มีการสอบสวนหรือดำเนินการติดตามตัวผู้กระทำความผิด
นอกจากนั้น หลังเกิดเหตุแทบทุกครั้ง พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือ เสธ.แดง ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก ที่ออกมารับใช้ทักษิณได้ออกมาให้สัมภาษณ์ในลักษณะท้าทายว่าจะก่อเหตุรายวันจนกว่าพันธมิตรฯ จะออกจากทำเนียบ แต่ตำรวจกลับไม่ได้มีการนำตัวมาสอบสวน หรือส่งสายสืบไปติดตามพฤติกรรมของ เสธ.แดง แต่อย่างใด