ทนายความ “ส.ศิวรักษ์” เผยลูกความได้รับการประกันตัวแล้ว ยืนยันเนื้อหาที่บรรยายมีเจตนาปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ไว้ และไม่ต้องการให้ใครมาทำลาย เชื่อมั่นว่า ส.ศิวรักษ์ ไม่ได้มีเจตนาหมิ่นตามที่ถูกกล่าวหา ขณะที่คดีลิ่วล้อทักษิณ ตำรวจไม่สนใจดำเนินคดี
วันนี้ (7 พ.ย.) นายสมชาย หอมลออ ทนายของ นายสุลักษณ์ ศิวรักษ์ หรือ ส.ศิวรักษ์ เปิดเผยถึงความคืบหน้ากรณีตำรวจจับกุม ส.ศิวรักษ์ ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดขอนแก่น เลขที่ 431/2551 ลงวันที่ 22 ก.ย.2551 ในข้อหาดูหมิ่นพระมหากษัตริย์ พระราชินี และรัชทายาท ขณะพักผ่อนอยู่ที่บ้านพักเลขที่ 127 ซ.สันติภาพ แขวงสี่พระยา เขตบางรัก ว่าเมื่อเวลา 02.00 น.วันนี้ ตำรวจได้นำตัว ส.ศิวรักษ์ มาสอบปากคำที่สถานีตำรวจภูธรจังหวัดขอนแก่น และ ส.ศิวรักษ์ ได้ปฏิเสธข้อกล่าวหาทั้งหมด และใช้ตำแหน่งคณบดีคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ประกันตัวไป
ทั้งนี้มีผู้กล่าวหาว่า ส.ศิวรักษ์ ได้พูดที่มหาวิทยาลัยขอนแก่น เมื่อวันที่ 11 ธ.ค.2550 ซึ่งเป็นวันรัฐธรรมนูญ และวันสิทธิมนุษยชน และมีการกล่าวหาว่า ส.ศิวรักษ์ พูดพาดพิงหมิ่นสถาบันพระมหากษัตริย์ และตำรวจได้มีหมายเรียกมาให้ปากคำ แต่ ส.ศิวรักษ์ ไม่เคยได้รับหมายเรียก และจากนั้นได้ออกหมายจับเดือน ก.ย.ปีนี้ และดำเนินการจับกุมวานนี้ (6 พ.ย.) ส่วนตัวผู้แจ้งความดำเนินคดียังไม่ทราบชัดเจนว่าเป็นใคร
นายสมชาย กล่าวอีกว่า เมื่อดูเนื้อหาที่บรรยายแล้ว ส.ศิวรักษ์ มีเจตนาปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ไว้ และไม่ต้องการให้ใครมาทำลาย และเชื่อมั่นว่า ส.ศิวรักษ์ ไม่ได้มีเจตนาหมิ่น
นายสมชาย กล่าวอีกว่า เตรียมนำเสนอพยานหลักฐานต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจต่อไป เพื่อพิสูจน์ว่าสิ่งที่พูดไปไม่ได้มีเจตนาในการที่จะดูหมิ่นสถาบัน ทั้งนี้ตนได้ทำคดีหมิ่นสถาบัน ให้ ส.ศิวรักษ์ มาหลายคดีแล้ว โดยก่อนหน้านี้มี พล.อ.สุจินดา คราประยูร กล่าวหา ซึ่งในที่สุดศาลมีคำพิพากษายกฟ้อง
นายสมชาย กล่าวว่า ทุกครั้งที่ ส.ศิวรักษ์ พูดจะมีตำรวจสันติบาลฟังทุกครั้งและเก็บข้อมูลไว้ หากตำรวจเห็นว่าผิดควรดำเนินคดีก่อนหน้านี้ แต่กลับเพิ่งตั้งข้อกล่าวหา และดำเนินคดีช่วงนี้ ซึ่งอาจเกี่ยวข้องกับเรื่องทางการเมืองหรือไม่ ทั้งนี้มีคนตั้งสังเกตว่า ส.ศิวรักษ์ ได้ออกมาวิพากษ์วิจารณ์ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กรณีโฟนอิน และพูดถึงการขอพระราชทานอภัยโทษ เมื่อวันที่ 1 พ.ย.2551 และ ส.ศิวรักษ์ วิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็นการมิบังควร วันที่ 2 พ.ย.2551 และวันที่ 6 พ.ย.2551 ก็ได้มีการจับกุม โดยการพูดบรรยายดังกล่าว มีตั้งแต่วันที่ 11 ธ.ค.2550 ดังนั้นคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ กลายเป็นคดีทางการเมืองแล้วหรือไม่ และนำไปใช้ปิดปากฝ่ายวิจารณ์รัฐบาลเสมอหรือไม่
ด้าน นายไพโรจน์ จะเชิญรัมย์ เลขาฯ ส่วนตัว ส.ศิวรักษ์ เปิดเผยว่า อาจารย์ ส.ศิวรักษ์ ไม่ได้มีความหวั่นวิตกแม้ว่าจะถูกตำรวจเข้าจับกุมข้อหาหมิ่นเบื้องสูง โดยเชื่อว่าเรื่องที่เกิดขึ้นน่าจะมีสาเหตุมาจากเรื่องการเมืองอย่างหลีกเลี่ยงไม่พ้น เพราะเรื่องเกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2550 โดยในครั้งนั้น ส.ศิวรักษ์ ได้เดินทางไปบรรยายปฐมนิเทศ ให้กับ นศ.มหาวิทยาลัยขอนแก่น โดยเนื้อหาไม่ได้มีการพูดหมิ่นแต่อย่างใด เป็นเพียงการพูดแสดงความเห็นทางวิชาการ แต่การถูกจับครั้งนี้เพราะนักการเมืองบางคนต้องการทำลายล้างฝ่ายตรงข้าม โดยยัดเยียดข้อหาหมิ่นเบื้องสูงให้
อย่างไรก็ตาม สำหรับการดำเนินคดีกับ ส.ศิวลักษณ์ ถือเป็นการเลือกปฎิบัติของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่ต้องการกลั่นแกล้งฝ่ายตรงข้าม พ.ต.ท.ทักษิณ ขณะที่ฝ่ายผู้สนับสนุน พ.ต.ท.ทักษิณ ตำรวจกลับเมินเฉยและไม่เร่งรัดคดี ไม่ว่าจะเป็นคดีของนายจักรภพ เพ็ญแข ที่ตำรวจทำคดีอย่างล่าช้า คดีของนายวีระ มุสิกพงศ์ กรณีปราศรัยที่ท้องสนามหลวง เข้าข่ายหมิ่นเบื้องสูง ที่ถูกออกหมายจับ ตำรวจก็ยังสอบพยานไม่แล้วเสร็จ และก็ให้โอกาสนายวีระยื่นพยานหลักฐานเพิ่มเพื่อต้องการยื้อคดีออกไป
นอกจากนั้น คดีของนายสุชาติ นาคบางไทร แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช.ที่ถูกออกหมายจับเมื่อวันที่ 17 ต.ค.ที่ผ่านมา ในข้อหาหมิ่นเบื้องสูง มาถึงวันนี้ตำรวจก็ยังไม่สามารถติดตามจับกุมตัวได้ และอยู่ระหว่างหลบหนี ขณะที่มีประชาชนได้แจ้งเบาะแสว่าพบเห็นบุคคลคล้ายกับนายสุชาติ ไปร่วมเคลื่อนไหวกับกลุ่มคนเสื้อแดงในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ แต่ตำรวจก็ไม่สนใจที่จะติดตามจับกุมตัวมาดำเนินคดีแต่อย่างใด