xs
xsm
sm
md
lg

“สภาทนาย” แถลง “ทักษิณ” ลบหลู่ศาลไทยจี้ถอดยศ-ริบเครื่องราชฯ

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี
“นายกสภาทนาย” ออกแถลงการณ์ประณาม “ทักษิณ” แถลงสื่อต่างชาติ ลบหลู่ศาลไทย คดีทุจริตซื้อขายที่ดินรัชดาฯ เรียกร้อง “สตช.-สำนักงานเลขาธิการ ครม.” เร่ง ถอดยศ-ริบเครื่องราชฯ จี้ รมต.สำนักนายกรัฐมนตรี ควบคุมการออกข่าวสื่อรัฐ ต้องไม่เอื้อผู้กระทำผิดทั้งทางตรงและทางอ้อม

วันนี้ (31 ต.ค.) ที่สภาทนายความ ถ.ราชดำเนิน นายเดชอุดม ไกรฤทธิ์ นายกสภาทนายความ ออกแถลงการณ์สภาทนายความ เรื่อง เมื่อผู้ต้องคำพิพากษาของศาลยุติธรรมไทยหลบหนีและออกข่าวบิดเบือนข้อเท็จจริง โดยประณามการกระทำของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นผู้ต้องโทษตามคำพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง คดีทุจริตซื้อขายที่ดินรัชดาภิเษก ที่ถูกพิพากษาจำคุก 2 ปี ออกแถลงการณ์ถึงสื่อสารมวลชนทั้งในและต่างประเทศ ที่มีเจตนาลบหลู่ระบอบการศาลยุติธรรมของประเทศ โดยสภาทนายความได้เรียกร้องให้บุคคลและส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ปฏิบัติหน้าที่โดยเฉียบขาดในกรณีของ พ.ต.ท.ทักษิณ ตามเวลาที่กำหนดไว้โดยทันที

แถลงการณ์ ระบุว่า พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นคนสัญชาติไทย เป็นจำเลยในคดีอาญา ซึ่งเข้าสู่การพิจารณาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ซึ่งมีอำนาจพิจารณาคดีโดยชอบ และศาลได้พิเคราะห์ข้อกล่าวหาคำให้การรวมทั้งคำพยานของคู่ความ และได้มีคำพิพากษาว่า พ.ต.ท.ทักษิณ มีความผิดตามกฎหมายและให้ลงโทษจำคุก 2 ปี นั้น เป็นไปโดยถูกต้องตามกฎหมายและวิธีพิจารณาความของศาลยุติธรรมไทย ซึ่งในสมัยที่ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นนายกรัฐมนตรี ก็มีรัฐมนตรีที่ถูกคำพิพากษาของศาลฎีกาฯ ลงโทษไปแล้วหลายราย นับตั้งแต่มีการใช้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2540 และเป็นคำพิพากษาถึงที่สุดโดยไม่ได้มีสิทธิอุทธรณ์เลย โดยในส่วนของ พ.ต.ท.ทักษิณ แม้จะตกเป็นผู้ต้องคำพิพากษาของศาลฎีกาฯ แต่ยังมีสิทธิที่จะอุทธรณ์ต่อที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาได้อีกตาม รธน.ปี 2550 ภายในวันที่ 20 พ.ย.นี้ จึงเป็นเรื่องที่รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันให้สิทธิมากกว่า รธน.ปี 2540 อีก ดังนั้น การที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ออกแถลงการณ์ดังกล่าวต่อสาธารณชนจึงไม่อาจฟังเป็นอย่างอื่นได้ นอกจากเห็นว่าเป็นการกล่าวแก้ของนักการเมืองที่ไม่เคารพกฎหมายของบ้านเมือง ที่ไม่มีน้ำหนักและไม่มีเหตุผลสนับสนุนที่จะรับฟังได้แล้วการที่ พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวอ้างว่าศาลฎีกา ฯ ลงโทษตัวเองเพราะเหตุที่เป็นนักการเมืองนั้น พ.ต.ท.ทักษิณ ต้องทราบดีอยู่แล้วตั้งแต่เข้ามาเล่นการเมืองเป็นหัวหน้าพรรคไทยรักไทย ว่า กระบวนการพิจารณาคดีระหว่างนักการเมืองได้มีบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญและข้อกำหนดวิธีพิจารณาคดีอาญาของนักการเมืองของศาลฎีกา ฯ กำหนดไว้โดยชัดเจน และเป็นกรณีที่สอดคล้องกับพฤติกรรมของนักการเมืองไทยที่มีการคอร์รัปชั่นอยู่อย่างดาษดื่น

โดยสภาทนายความ ในฐานะองค์กรวิชาชีพหนึ่งในกระบวนการยุติธรรม เห็นว่า การกระทำของ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นการลบหลู่ไม่ให้เกียรติกระบวนการยุติธรรมไทยโดยเจตนา และทำให้ต่างชาติเข้าใจผิดพลาดในความโปร่งใสและความเป็นธรรมของศาลไทย จึงขอแถลงการณ์ให้ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่มีอำนาจสั่งการและควบคุมการดำเนินการของกรมประชาสัมพันธ์ต้องดำเนินการให้มีการปฏิบัติหน้าที่ของตนที่กำหนดไว้ในระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยประมวลจริยธรรมของข้าราชการการเมือง พ.ศ.2551 ข้อ 25-26, 28 โดยการออกข่าว หรือการอนุญาตให้มีการให้ข่าวของสถานีที่เป็นหน่วยงานของรัฐ ต้องไม่เป็นการเกื้อกูลผู้กระทำความผิดและถูกศาลลงโทษแล้วทั้งทางตรงและทางอ้อม

อีกทั้งหากคดีของ พ.ต.ท.ทักษิณ ถึงที่สุดแล้ว สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ซึ่งเป็นต้นสังกัดของการให้ยศตำแหน่ง คือ “พันตำรวจโท” ต้องดำเนินการปลดและถอดยศของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เพราะเป็นผู้ที่ต้องได้รับคำพิพากษาถึงที่สุดลงโทษจำคุกแล้วโดยทันที ขณะเดียวกัน สำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ก็ต้องเรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ทั้งหมดที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้รับกลับคืนโดยเร็ว เพราะว่าการกระทำของ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นการหมิ่นต่อกระบวนการของศาลยุติธรรมนั้นเป็นสิ่งที่ไม่อาจยอมรับได้ จึงไม่ควรที่จะได้รับให้มียศหรือมีสิทธิในเครื่องราชอิสริยาภรณ์ใดๆ อีกต่อไป
กำลังโหลดความคิดเห็น