ตามรวบอีเสือสาวสมาชิกแก๊งไนลอนปล้นแท็กซี่

สืบบุปผารามตามรวบอีเสือสาวสมาชิกแก๊งไนลอน ก่อคดีปล้นทรัพย์แท็กซี่ ด้านเจ้าตัวปฏิเสธเสียงแข็งตกกระไดพลอยโจน แต่โชเฟอร์ที่ตกเป็นเหยื่อรุดชี้ตัวยันสาวแสบทำหน้าที่ดูต้นทาง

วันนี้ (27 ต.ค.) เมื่อเวลา 18.30 น. พ.ต.ท.วัลลภ ณ นคร สว.สส.สน.บุปผาราม พร้อมด้วย ร.ต.อ.เกียรติศักดิ์ แก้วสะอาด รอง สว.สส.นำกำลังเข้าจับกุมตัว น.ส.ชนาภา หรือ “ดิ้ง” ปัญญาคม อายุ 21 ปี อยู่บ้านเลขที่ 78 ซอยเจริญนคร 25 แขวงบางลำภูล่าง เขตคลองสาน กทม. ซึ่งเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาธนบุรี เลขที่ จ.1038/2551 ลงวันที่ 27 ต.ค.51 ข้อหา “ร่วมกันปล้นทรัพย์โดยมีอาวุธติดตัวไปด้วย” โดยจับกุมตัวได้ที่ชุมชนวัดเศวตฉัตร ถนนเจริญนคร แขวงบางลำภูล่าง เขตคลองสาน กทม.

พ.ต.ท.วัลลภ เปิดเผยว่า การจับกุมในครั้งนี้เป็นการขยายผลมาจากการที่เจ้าหน้าที่ ศส.บช.น.สามารถรวบตัว นายสุนทร หรือ “เป็ด” สุวรรณพันธ์ อายุ 23 ปี ซึ่งเป็น หนึ่งในสมาชิกแก๊งไนลอนที่ร่วมกันก่อเหตุปล้นโชเฟอร์แท็กซี่ในพื้นที่ กทม.กว่า 25 คดี ได้เมื่อวานนี้ (26 ต.ค.) จากคำให้การของผู้เสียหายรายหนึ่งชื่อ นายสุรเดช อ่วมสำอาง อายุ 35 ปี โชเฟอร์แท็กซี่ที่เคยถูกแก๊งคนร้ายโบกรถรับมาจากโรงแรมแม่น้ำแล้วถูกหลอกให้ไปส่งภายในซอยสมเด็จเจ้าพระยา 14 ซึ่งเป็นซอยเปลี่ยวก่อนจะถูกคนร้ายรุมใช้อาวุธมีดจี้ ใช้เชือกไนลอนมัดติดกับเบาะคนขับเพื่อปล้นทรัพย์เป็นโทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง และเงินสดอีก 600 บาทหลบหนีไป โดยนายสุรเดชยืนยันว่ามีคนร้ายเป็นผู้หญิงทราบชื่อต่อมาคือ น.ส.ชนาภา ร่วมก่อเหตุด้วย เจ้าหน้าที่จึงรีบสืบสวนและนำกำลังไปจับกุมตัวมาได้ในที่สุด

จากการสอบสวน น.ส.ชนาภา ให้การว่า เมื่อเวลา 00.30 น.วันที่ 24 ก.ย.ที่ผ่านมาได้ขึ้นรถแท็กซี่ของนายสุรเดช ผู้เสียหายมาจากโรงแรมแม่น้ำจริง โดยมีนายอาทิตย์ หรือ “เอก” สุขสมกิจ อายุ 25 ปี, นายปรัชญา หรือ “เอ” สุขสมกิจ อายุ 21 ปี, นายศรวุฒิ หรือ “เตี้ย” แย้มนวล อายุ 21 ปี และ นายสุนทร หรือ “เป็ด” สุวรรณพันธ์ อายุ 23 ปี ผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมไปก่อนหน้านี้ นั่งมาด้วยซึ่งตนไม่ทราบจริงๆ ว่าทั้งหมดจะลวงโชเฟอร์แท็กซี่ไปก่อเหตุปล้นทรัพย์ แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์ขึ้นแล้ว จึงจำเป็นต้องหลบหนีไปด้วยกัน จนถูกตำรวจตามจับกุมไว้ได้ดังกล่าว

ด้าน ร.ต.อ.เกียรติศักดิ์ กล่าวว่า จากการสอบสวน น.ส.ชนาภา ในเบื้องต้นยังให้การปฏิเสธว่าไม่มีส่วนรู้เห็น แต่ทางผู้เสียหายยืนยันว่า น.ส.ชนาภา ทำหน้าที่คอยดูต้นทางให้กลุ่มคนร้ายลงมือก่อเหตุ ที่สำคัญยังจดจำใบหน้า น.ส.ชนาภา ได้อย่างแม่นยำ จึงแจ้งข้อกล่าวหา “ร่วมกันปล้นทรัพย์โดยมีอาวุธติดตัวไปด้วย” ต่อ น.ส.ชนาภา ก่อนควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวนเจ้าของคดีดำเนินการต่อไป