หนุ่มเมืองสองแคว เคี้ยวใบกระท่อมจนเมาขนานหนัก ออกอาการหลอน ขโมยรถตู้ศูนย์หนังสือจุฬาฯ ซิ่งย้อนศรชนแหลก โชคดีมีผูบาดเจ็บเพียงเล็กน้อย ตำรวจจับกุมตัวหนุ่มแสบได้ ยังให้การไม่ค่อยรู้เรื่อง
วันนี้ (23 ต.ค.) เมื่อเวลา 08.30 น. ร.ต.ท.สายชล แสนสุข พนักงานสอบสวน (สบ 1) สน.บางขุนเทียน ได้รับแจ้งมีอุบัติเหตุรถชนกันจำนวนหลายคันบริเวณหน้าปั๊มน้ำมัน ปตท.ถนนกัลปพฤกษ์ ขาออก แขวงบางขุนเทียน เขตจอมทอง จึงรุดไปตรวจสอบพร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร
ที่เกิดเหตุพบรถเก๋งยี่ห้อโตโยต้า วีออส สีดำ หมายเลขทะเบียน ษจ-9943 กทม. มีนายสุขุม เอี่ยมสะอาด เป็นคนขับจอดอยู่ในสภาพตัวถังด้านซ้ายยุบทั้งแถบ ห่างไปประมาณ 300 เมตร พบรถกระบะยี่ห้อมิตซูบิชิ ไทรทัน สีเทาดำ ทะเบียนป้ายแดง 0731 กทม. มีนายชเนศวร เทศแก้ว อายุ 53 ปี เป็นคนขับ จอดอยู่ในสภาพตัวถังด้านขวายุบทั้งแถบ
เบื้องต้นนายชเนศวรให้การต่อเจ้าหน้าที่ว่า ขณะที่ขับรถผ่านมาถึงบริเวณดังกล่าวก็สังเกตเห็นรถตู้ยี่ห้อนิสสัน สีขาว หมายเลขทะเบียน อษ-8003 กทม.ข้างรถติดสติกเกอร์ของศูนย์หนังสือจุฬาฯ ขับด้วยความเร็วสูงย้อนศรมาจากทางสี่แยกกำนันแม้น มุ่งหน้ามาทางปั๊ม ปตท. แล้วชนเข้ากับรถเก๋งโตโยต้าวีออสอย่างจัง จากนั้นคนขับรถตู้ก็เลี้ยวเข้าไปในปั๊มแล้วขับออกมาใหม่ในลักษณะย้อนศรเหมือนเดิม จนพุ่งมาชนกับรถตนอีกคันก่อนที่จะเร่งเครื่องหลบหนีไป
ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งว่า รถตู้คันดังกล่าวได้ขับย้อนศรไปชนรถคู่กรณีอีก 3 คัน บริเวณด้านร้านอาหารครัวเมืองตรัง ห่างจากที่เกิดเหตุจุดแรกประมาณ 1 กิโลเมตร จึงรุดไปตรวจสอบพบรถกระบะยี่ห้อโตโยต้า วีโก้ สีบรอนซ์ทอง หมายเลขทะเบียน ตษ -6133 กทม. มีนายกฤตนัย พัวขันติกุล อาย 41 ปี เป็นคนขับ สภาพตัวถังด้านซ้ายถูกรถตู้คันดังกล่าวชนจนพังยับ นอกจากนี้ยังพบรถแท็กซี่ยี่ห้อโตโยต้า อัลติส สีชมพู หมายเลขทะเบียน ทร-7132 กทม.ซึ่งมีนายน้อย พยัคฆ์ซ้อน อายุ 55 ปี เป็นคนขับ ถูกรถตู้คันดังกล่าวชนอีก 1 คัน จนทำให้ผู้โดยสารที่มากับรถแท็กซี่จำนวน 2 คนได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย เจ้าหน้าที่จึงรีบนำตัวส่งโรงพยาบาลตากสิน
ผู้สื่อข่าวรายงานระหว่างเจ้าหน้าที่กำลังชุลมุนอยู่นั้นก็มีรถกระบะยี่ห้อโตโยต้า ไฮลักซ์ สีขาว หมายเลขทะเบียน สษ-6667กทม.ของ บจก.กรุงไทยธุรกิจบริการ ขับมาชนท้ายรถกระบะโตโยต้า วีโก้ ของนายกฤตนัยซ้ำอีก จนทำใ ห้นายปกรณ์ สังข์ปาน อายุ 31 ปี ผู้ขับขี่ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยอีก 1 ราย
ขณะเดียวกัน จ.ส.ต.นันทวัฒน์ หมั่นถาวรวงศ์ ผบ.หมู่ จร.สน.บางขุนเทียน ได้เข้าจับกุมตัวคนขับรถตู้ที่ก่อเหตุรายนี้เอาไว้ได้ขณะกำลังจะหลบหนี ทราบชื่อต่อมาคือ นายสมศักดิ์ โพทะนันท์ อายุ 30 ปี อยู่บ้านเลขที่ 138 หมู่ 3 ต.บ้านน้อยซุ้มขี้เหล็ก อ.เนินมะปราง จ.พิษณุโลก โดยเบื้องต้นนายสมศักดิ์ยังให้การวกวนคล้ายคนเมายา เจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวมาสงบสติอารมณ์
จากนั้นได้มีเจ้าหน้าที่ของศูนย์หนังสือจุฬาฯ เดินทางมาตรวจสอบรถตู้คันที่เกิดเหตุ พร้อมให้การต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า ปกติรถคันดังกล่าวจะจอดรวมกับรถตู้อีก 5-6 คัน ที่ด้านหน้าอาคารแว่นแก้ว ซอยจุฬาฯ 9 แต่เนื่องจากวันนี้เป็นวันหยุดจึงไม่มีพนักงานมาดูแล จะมีเพียงรปภ.ของ บจก.สยามจีเอ็นการ์ด อยู่ดูแลให้เท่านั้น ซึ่งจากการตรวจสอบแล้วยืนยันว่านายสมศักดิ์ไม่ใช่พนักงานขับรถของศูนย์หนังสือจุฬาฯ และไม่ได้เป็น รปภ.แต่อย่างใด
ด้าน ร.ต.ท.สายชล เปิดเผยว่า จากการสอบปากคำนายสมศักดิ์ เบื้องต้นพอจับใจความได้ว่า เพิ่งเสพใบกระท่อมมาจนเกิดอาการหลอน แต่ยังไม่ไม่ยอมบอกว่าขับรถตู้คันดังกล่าวออกมาได้อย่างไร อย่างไรก็ตาม ได้แจ้งข้อหาขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ทรัพย์สินของผู้อื่นได้รับความเสียหายและมีผู้ได้รับบาดเจ็บ และข้อหาลักทรัพย์ต่อนายสมศักดิ์เอาไว้ก่อน จากนั้นจะนำตัวไปตรวจปัสสาวะหาสารเสพติดเพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
วันนี้ (23 ต.ค.) เมื่อเวลา 08.30 น. ร.ต.ท.สายชล แสนสุข พนักงานสอบสวน (สบ 1) สน.บางขุนเทียน ได้รับแจ้งมีอุบัติเหตุรถชนกันจำนวนหลายคันบริเวณหน้าปั๊มน้ำมัน ปตท.ถนนกัลปพฤกษ์ ขาออก แขวงบางขุนเทียน เขตจอมทอง จึงรุดไปตรวจสอบพร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร
ที่เกิดเหตุพบรถเก๋งยี่ห้อโตโยต้า วีออส สีดำ หมายเลขทะเบียน ษจ-9943 กทม. มีนายสุขุม เอี่ยมสะอาด เป็นคนขับจอดอยู่ในสภาพตัวถังด้านซ้ายยุบทั้งแถบ ห่างไปประมาณ 300 เมตร พบรถกระบะยี่ห้อมิตซูบิชิ ไทรทัน สีเทาดำ ทะเบียนป้ายแดง 0731 กทม. มีนายชเนศวร เทศแก้ว อายุ 53 ปี เป็นคนขับ จอดอยู่ในสภาพตัวถังด้านขวายุบทั้งแถบ
เบื้องต้นนายชเนศวรให้การต่อเจ้าหน้าที่ว่า ขณะที่ขับรถผ่านมาถึงบริเวณดังกล่าวก็สังเกตเห็นรถตู้ยี่ห้อนิสสัน สีขาว หมายเลขทะเบียน อษ-8003 กทม.ข้างรถติดสติกเกอร์ของศูนย์หนังสือจุฬาฯ ขับด้วยความเร็วสูงย้อนศรมาจากทางสี่แยกกำนันแม้น มุ่งหน้ามาทางปั๊ม ปตท. แล้วชนเข้ากับรถเก๋งโตโยต้าวีออสอย่างจัง จากนั้นคนขับรถตู้ก็เลี้ยวเข้าไปในปั๊มแล้วขับออกมาใหม่ในลักษณะย้อนศรเหมือนเดิม จนพุ่งมาชนกับรถตนอีกคันก่อนที่จะเร่งเครื่องหลบหนีไป
ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งว่า รถตู้คันดังกล่าวได้ขับย้อนศรไปชนรถคู่กรณีอีก 3 คัน บริเวณด้านร้านอาหารครัวเมืองตรัง ห่างจากที่เกิดเหตุจุดแรกประมาณ 1 กิโลเมตร จึงรุดไปตรวจสอบพบรถกระบะยี่ห้อโตโยต้า วีโก้ สีบรอนซ์ทอง หมายเลขทะเบียน ตษ -6133 กทม. มีนายกฤตนัย พัวขันติกุล อาย 41 ปี เป็นคนขับ สภาพตัวถังด้านซ้ายถูกรถตู้คันดังกล่าวชนจนพังยับ นอกจากนี้ยังพบรถแท็กซี่ยี่ห้อโตโยต้า อัลติส สีชมพู หมายเลขทะเบียน ทร-7132 กทม.ซึ่งมีนายน้อย พยัคฆ์ซ้อน อายุ 55 ปี เป็นคนขับ ถูกรถตู้คันดังกล่าวชนอีก 1 คัน จนทำให้ผู้โดยสารที่มากับรถแท็กซี่จำนวน 2 คนได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย เจ้าหน้าที่จึงรีบนำตัวส่งโรงพยาบาลตากสิน
ผู้สื่อข่าวรายงานระหว่างเจ้าหน้าที่กำลังชุลมุนอยู่นั้นก็มีรถกระบะยี่ห้อโตโยต้า ไฮลักซ์ สีขาว หมายเลขทะเบียน สษ-6667กทม.ของ บจก.กรุงไทยธุรกิจบริการ ขับมาชนท้ายรถกระบะโตโยต้า วีโก้ ของนายกฤตนัยซ้ำอีก จนทำใ ห้นายปกรณ์ สังข์ปาน อายุ 31 ปี ผู้ขับขี่ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยอีก 1 ราย
ขณะเดียวกัน จ.ส.ต.นันทวัฒน์ หมั่นถาวรวงศ์ ผบ.หมู่ จร.สน.บางขุนเทียน ได้เข้าจับกุมตัวคนขับรถตู้ที่ก่อเหตุรายนี้เอาไว้ได้ขณะกำลังจะหลบหนี ทราบชื่อต่อมาคือ นายสมศักดิ์ โพทะนันท์ อายุ 30 ปี อยู่บ้านเลขที่ 138 หมู่ 3 ต.บ้านน้อยซุ้มขี้เหล็ก อ.เนินมะปราง จ.พิษณุโลก โดยเบื้องต้นนายสมศักดิ์ยังให้การวกวนคล้ายคนเมายา เจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวมาสงบสติอารมณ์
จากนั้นได้มีเจ้าหน้าที่ของศูนย์หนังสือจุฬาฯ เดินทางมาตรวจสอบรถตู้คันที่เกิดเหตุ พร้อมให้การต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า ปกติรถคันดังกล่าวจะจอดรวมกับรถตู้อีก 5-6 คัน ที่ด้านหน้าอาคารแว่นแก้ว ซอยจุฬาฯ 9 แต่เนื่องจากวันนี้เป็นวันหยุดจึงไม่มีพนักงานมาดูแล จะมีเพียงรปภ.ของ บจก.สยามจีเอ็นการ์ด อยู่ดูแลให้เท่านั้น ซึ่งจากการตรวจสอบแล้วยืนยันว่านายสมศักดิ์ไม่ใช่พนักงานขับรถของศูนย์หนังสือจุฬาฯ และไม่ได้เป็น รปภ.แต่อย่างใด
ด้าน ร.ต.ท.สายชล เปิดเผยว่า จากการสอบปากคำนายสมศักดิ์ เบื้องต้นพอจับใจความได้ว่า เพิ่งเสพใบกระท่อมมาจนเกิดอาการหลอน แต่ยังไม่ไม่ยอมบอกว่าขับรถตู้คันดังกล่าวออกมาได้อย่างไร อย่างไรก็ตาม ได้แจ้งข้อหาขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ทรัพย์สินของผู้อื่นได้รับความเสียหายและมีผู้ได้รับบาดเจ็บ และข้อหาลักทรัพย์ต่อนายสมศักดิ์เอาไว้ก่อน จากนั้นจะนำตัวไปตรวจปัสสาวะหาสารเสพติดเพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
