"สหัส ตันติคุณ"เตรียมไขก๊อกลาบริษัทแผ่นดินทองฯ หลังพยายามผลักดันนโยบายรุกตลาดโครงการบ้านหรูอย่างเต็มที่ตามสไตล์"สหัส" จับตากลยุทธ์ผลักดันยอดขายโครงการแนวราบและสานต่อโครงการใหม่ ขณะที่ฝ่ายบริหารอยู่ต่างประเทศ
แหล่งข่าวในวงการอสังหาฯ เปิดเผยว่า ในช่วงที่ผ่านมา ธุรกิจอสังหาฯมีการเติบโตและเกิดผู้ลงทุนหน้าใหม่อย่างต่อเนื่อง ส่วนหนึ่งอาจจะมองเห็นโอกาสในการหาสร้างผลตอบแทน ขณะที่การจะเฟ้นหาผู้บริหารมืออาชีพเข้ามาช่วยบริหารธุรกิจและพัฒนาโครงการ นับวันลำบากมากขึ้น ยิ่งเป็นบริษัทอสังหาฯขนาดใหญ่ ที่บางแห่งอาจจะเป็นธุรกิจของครอบครัว ธุรกิจที่มีต่างชาติถือหุ้นใหญ่ บริษัทเหล่านี้ คาดหวังและต้องการ"ผู้บริหาร"ระดับมืออาชีพซึ่งถูกเรียกขานกันว่า "มือปืนรับจ้าง"เข้ามาผลักดันธุรกิจ ยิ่งสถานการณ์ที่ตลาดรวมอสังหาฯเติบโตในอัตราลดลง มีปัจจัยเสี่ยงหลายด้านมากระทบต่อธุรกิจ ประกอบกับสภาพตลาดมีการแข่งขันสูง ซึ่งแตกต่างจากการดำเนินธุรกิจในอดีต
ในบรรดามือปืนรับจ้างในวงการอสังหาฯนั้น ชื่อเสียงและฝีมือในการบริหารงานของนายสหัส ตันติคุณ นับได้ว่ามีความโดดเด่นและอาจจะไม่เป็นรองใคร เพราะพิจารณาจากประสบการณ์ที่สั่งสมมาอย่างต่อเนื่องและยาวนานแล้ว การันตีได้ถึงคุณสมบัตินายสหัสได้เป็นอย่างดี โดยการเข้ามาทำงานที่แรกในบริษัท ธารารมณ์ เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน) เป็นการแจ้งเกิดให้แก่นายสหัส ซึ่งในระยะนั้น ถ้ากล่าวถึงบริษัทธารารมณ์ฯ ก็ต้องนึกถึงนายสหัส(ในตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ) หลังจากนั้น เกิดการเปลี่ยนแปลงภายในบริษัทฯ ซึ่งนายสหัส ได้ไปทำงานที่บริษัท เค.ซี.พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) และขยับไปสู่ในตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ บริษัทอีสเทอร์น สตาร์ เรียล เอสเตท จำกัด (มหาชน) บริษัทอสังหาฯที่ทำธุรกิจแบบอนุรักษ์นิยม
แต่ดีกรีและความดังของนายสหัสมาโดดเด่นเมื่อเข้ามานั่งตำแหน่งกรรมการผู้อำนวย บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SC ธุรกิจของตระกูลชินวัตร (จากก่อนหน้านี้ จะเป็นนายสุรเธียร จักรธรานนท์ ซึ่งเป็นช่วงที่ธุรกิจของเอสซีถูกเกี่ยวโยงกับเรื่อง"ซุกหุ้น"ของคนในตระกูลชินวัตร จนลุกลามไปสู่การเมือง ) และการเข้ามานั่งตำแหน่งของนายสหัส จึงถูกท้าทายด้วยปัญหาภายนอก โดยเฉพาะภาพลักษณ์ของบริษัทเอสซี ที่ค่อนข้างย่ำแย่อย่างหนัก แต่ความคาดหวังที่สูง บวกกับแรงกดดันภายใน ทำให้นายสหัส ต้องลาออกจากตำแหน่ง กรรมการผู้อำนวยการ จนถึงปัจจุบัน นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร (น้องสาวของอดีตนายกรัฐมนตรี) เข้ามารับหน้าที่ในการกุมบังเหียนธุรกิจอสังหาฯของตระกูลชินวัตรอย่างเป็นทางการ
" ต้องยอมรับว่าองค์กรอย่างเอสซี มีแรงกดดันอย่างแรง ภาวะตอนนั้นต่อให้ฝีมือดี ก็ต้องถอย ซึ่งคุณสหัส ก็ทิ้งช่วงหลังจากออกจากเอสซี ก่อนไปนั่งบริหารธุรกิจบ้านจัดสรรของบริษัทอสังหาฯขนาดใหญ่ที่มีต่างชาติถือหุ้นใหญ่ในบริษัท แผ่นดินทอง พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ โกลเด้นแลนด์ "แหล่งข่าวกล่าว โดยนายสหัสเข้าทำงานในตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการและกรรมการผู้อำนวยการธุรกิจบ้านจัดสรรในช่วงเดือนส.ค.2550 ที่ผ่านมา
ล่าสุด นายสหัส ได้ตัดสินใจยื่นใบลาออกตั้งแต่เดือนก.ย.ที่ผ่านมา และคาดว่าจะมีผลภายในสิ้นเดือนต.ค.นี้ ซึ่งการตัดสินใจลาออกในครั้งนี้ ก็อาจจะเป็นผลมาจากการที่นายสหัส พยายามที่จะผลักดันนโยบายการลงทุนและพัฒนาโครงการแนวราบตามเป้าที่วางไว้ให้ได้
" จริงๆแล้ว นายสหัส ต้องการจะทำงานให้ได้ผลมากที่สุด และตั้งใจสูง แต่ยุคสมัยมีการเปลี่ยนแปลง สภาพตลาดอสังหาฯในขณะนี้ มีปัจจัยแวดล้อมหลายด้าน ความเป็นเจ้าของต่างกัน ดังนั้น การปรับตัวเป็นเรื่องที่สำคัญ "แหล่งข่าวอธิบาย
อย่างไรก็ตาม ทางหนังสือพิมพ์ "ผู้จัดการรายวัน" ได้พยายามติดต่อไปยังมือถือของนายสหัสทุกวัน แต่ปรากฎว่าติดต่อได้แต่ไม่มีผู้รับสายแต่อย่างใด ขณะเดียวกันได้สอบถามไปยังบริษัทแผ่นดินทองฯ ได้รับคำตอบว่า นายวิลเลี่ยม จอห์น วิลฟอง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และคณะผู้บริหารระดับสูง เดินทางไปยังต่างประเทศ ส่วนนายสหัสไม่สามารถติดต่อได้
***จับตา!ปรับแผนรุกธุรกิจแนวราบ
สำหรับตำแหน่งของนายสหัส มีความสำคัญอย่างยิ่ง โดยมีภารกิจดูแลโครงการที่อยู่อาศัยในแนวราบ ซึ่งปัจจุบันนี้อยู่ระหว่างดำเนินการด้วยกัน 4 โครงการ ประกอบด้วย โครงการโกลด์เด้นท์เดอะรีเจ้นท์ ถนนกัลปพฤกษ์, โกลด์เด้นท์ เฮอริเทจ ถนนราชพฤกษ์-สาทร, โกลด์เด้นท์ โมนาโค ถนนบางนา-ตราด และโกลด์เด้นท์ นครา พระราม 9 โดยเป็นบ้านเดี่ยวระดับไฮเอ็นด์ ราคา 20 ล้านบาทขึ้นเป็นส่วนใหญ่
นายสหัสกล่าวหลังจากได้รับตำแหน่งว่า " ปีนี้ถือเป็นปีที่ค่อนข้างท้าทาย เพราะเราจำเป็นต้องขึ้นโครงการใหม่ เนื่องจากโครงการเปิดขายในมือไม่เพียงพอ เพราะตั้งเป้ายอดขายไว้ 1,700 ล้านบาท โดย 4 โครงการที่อยู่ระหว่างเปิดขายมีมูลค่ารวมทั้งหมด 12,950 ล้านบาท ขายไปแล้ว 75% เหลืออีก 25% เท่ากับมีบ้านเหลือขายมูลค่ากว่า 2,000 ล้านบาท ถือว่าน้อยไป "
นอกจากนี้ ทางบริษัทฯยังได้อนุมัติแผนลงทุนพัฒนาโครงการประเภททาวน์เฮาส์กลางเมือง ระดับกลาง-บน หลังจากที่ก่อนหน้านี้โกลเด้นแลนด์พัฒนาที่อยู่อาศัยแนวราบเฉพาะบ้านเดี่ยวระดับบนเท่านั้น ซึ่งปัจจุบันบริษัทมีที่ดินติดถนนรามคำแหง เนื้อที่ 31 ไร่ เหมาะที่จะพัฒนาโครงการทาวน์เฮาส์ 3-4 ชั้น หรือทาวน์โฮม ราคาประมาณ 5 ล้านบาท
แหล่งข่าวในวงการอสังหาฯ เปิดเผยว่า ในช่วงที่ผ่านมา ธุรกิจอสังหาฯมีการเติบโตและเกิดผู้ลงทุนหน้าใหม่อย่างต่อเนื่อง ส่วนหนึ่งอาจจะมองเห็นโอกาสในการหาสร้างผลตอบแทน ขณะที่การจะเฟ้นหาผู้บริหารมืออาชีพเข้ามาช่วยบริหารธุรกิจและพัฒนาโครงการ นับวันลำบากมากขึ้น ยิ่งเป็นบริษัทอสังหาฯขนาดใหญ่ ที่บางแห่งอาจจะเป็นธุรกิจของครอบครัว ธุรกิจที่มีต่างชาติถือหุ้นใหญ่ บริษัทเหล่านี้ คาดหวังและต้องการ"ผู้บริหาร"ระดับมืออาชีพซึ่งถูกเรียกขานกันว่า "มือปืนรับจ้าง"เข้ามาผลักดันธุรกิจ ยิ่งสถานการณ์ที่ตลาดรวมอสังหาฯเติบโตในอัตราลดลง มีปัจจัยเสี่ยงหลายด้านมากระทบต่อธุรกิจ ประกอบกับสภาพตลาดมีการแข่งขันสูง ซึ่งแตกต่างจากการดำเนินธุรกิจในอดีต
ในบรรดามือปืนรับจ้างในวงการอสังหาฯนั้น ชื่อเสียงและฝีมือในการบริหารงานของนายสหัส ตันติคุณ นับได้ว่ามีความโดดเด่นและอาจจะไม่เป็นรองใคร เพราะพิจารณาจากประสบการณ์ที่สั่งสมมาอย่างต่อเนื่องและยาวนานแล้ว การันตีได้ถึงคุณสมบัตินายสหัสได้เป็นอย่างดี โดยการเข้ามาทำงานที่แรกในบริษัท ธารารมณ์ เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน) เป็นการแจ้งเกิดให้แก่นายสหัส ซึ่งในระยะนั้น ถ้ากล่าวถึงบริษัทธารารมณ์ฯ ก็ต้องนึกถึงนายสหัส(ในตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ) หลังจากนั้น เกิดการเปลี่ยนแปลงภายในบริษัทฯ ซึ่งนายสหัส ได้ไปทำงานที่บริษัท เค.ซี.พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) และขยับไปสู่ในตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ บริษัทอีสเทอร์น สตาร์ เรียล เอสเตท จำกัด (มหาชน) บริษัทอสังหาฯที่ทำธุรกิจแบบอนุรักษ์นิยม
แต่ดีกรีและความดังของนายสหัสมาโดดเด่นเมื่อเข้ามานั่งตำแหน่งกรรมการผู้อำนวย บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SC ธุรกิจของตระกูลชินวัตร (จากก่อนหน้านี้ จะเป็นนายสุรเธียร จักรธรานนท์ ซึ่งเป็นช่วงที่ธุรกิจของเอสซีถูกเกี่ยวโยงกับเรื่อง"ซุกหุ้น"ของคนในตระกูลชินวัตร จนลุกลามไปสู่การเมือง ) และการเข้ามานั่งตำแหน่งของนายสหัส จึงถูกท้าทายด้วยปัญหาภายนอก โดยเฉพาะภาพลักษณ์ของบริษัทเอสซี ที่ค่อนข้างย่ำแย่อย่างหนัก แต่ความคาดหวังที่สูง บวกกับแรงกดดันภายใน ทำให้นายสหัส ต้องลาออกจากตำแหน่ง กรรมการผู้อำนวยการ จนถึงปัจจุบัน นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร (น้องสาวของอดีตนายกรัฐมนตรี) เข้ามารับหน้าที่ในการกุมบังเหียนธุรกิจอสังหาฯของตระกูลชินวัตรอย่างเป็นทางการ
" ต้องยอมรับว่าองค์กรอย่างเอสซี มีแรงกดดันอย่างแรง ภาวะตอนนั้นต่อให้ฝีมือดี ก็ต้องถอย ซึ่งคุณสหัส ก็ทิ้งช่วงหลังจากออกจากเอสซี ก่อนไปนั่งบริหารธุรกิจบ้านจัดสรรของบริษัทอสังหาฯขนาดใหญ่ที่มีต่างชาติถือหุ้นใหญ่ในบริษัท แผ่นดินทอง พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ โกลเด้นแลนด์ "แหล่งข่าวกล่าว โดยนายสหัสเข้าทำงานในตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการและกรรมการผู้อำนวยการธุรกิจบ้านจัดสรรในช่วงเดือนส.ค.2550 ที่ผ่านมา
ล่าสุด นายสหัส ได้ตัดสินใจยื่นใบลาออกตั้งแต่เดือนก.ย.ที่ผ่านมา และคาดว่าจะมีผลภายในสิ้นเดือนต.ค.นี้ ซึ่งการตัดสินใจลาออกในครั้งนี้ ก็อาจจะเป็นผลมาจากการที่นายสหัส พยายามที่จะผลักดันนโยบายการลงทุนและพัฒนาโครงการแนวราบตามเป้าที่วางไว้ให้ได้
" จริงๆแล้ว นายสหัส ต้องการจะทำงานให้ได้ผลมากที่สุด และตั้งใจสูง แต่ยุคสมัยมีการเปลี่ยนแปลง สภาพตลาดอสังหาฯในขณะนี้ มีปัจจัยแวดล้อมหลายด้าน ความเป็นเจ้าของต่างกัน ดังนั้น การปรับตัวเป็นเรื่องที่สำคัญ "แหล่งข่าวอธิบาย
อย่างไรก็ตาม ทางหนังสือพิมพ์ "ผู้จัดการรายวัน" ได้พยายามติดต่อไปยังมือถือของนายสหัสทุกวัน แต่ปรากฎว่าติดต่อได้แต่ไม่มีผู้รับสายแต่อย่างใด ขณะเดียวกันได้สอบถามไปยังบริษัทแผ่นดินทองฯ ได้รับคำตอบว่า นายวิลเลี่ยม จอห์น วิลฟอง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และคณะผู้บริหารระดับสูง เดินทางไปยังต่างประเทศ ส่วนนายสหัสไม่สามารถติดต่อได้
***จับตา!ปรับแผนรุกธุรกิจแนวราบ
สำหรับตำแหน่งของนายสหัส มีความสำคัญอย่างยิ่ง โดยมีภารกิจดูแลโครงการที่อยู่อาศัยในแนวราบ ซึ่งปัจจุบันนี้อยู่ระหว่างดำเนินการด้วยกัน 4 โครงการ ประกอบด้วย โครงการโกลด์เด้นท์เดอะรีเจ้นท์ ถนนกัลปพฤกษ์, โกลด์เด้นท์ เฮอริเทจ ถนนราชพฤกษ์-สาทร, โกลด์เด้นท์ โมนาโค ถนนบางนา-ตราด และโกลด์เด้นท์ นครา พระราม 9 โดยเป็นบ้านเดี่ยวระดับไฮเอ็นด์ ราคา 20 ล้านบาทขึ้นเป็นส่วนใหญ่
นายสหัสกล่าวหลังจากได้รับตำแหน่งว่า " ปีนี้ถือเป็นปีที่ค่อนข้างท้าทาย เพราะเราจำเป็นต้องขึ้นโครงการใหม่ เนื่องจากโครงการเปิดขายในมือไม่เพียงพอ เพราะตั้งเป้ายอดขายไว้ 1,700 ล้านบาท โดย 4 โครงการที่อยู่ระหว่างเปิดขายมีมูลค่ารวมทั้งหมด 12,950 ล้านบาท ขายไปแล้ว 75% เหลืออีก 25% เท่ากับมีบ้านเหลือขายมูลค่ากว่า 2,000 ล้านบาท ถือว่าน้อยไป "
นอกจากนี้ ทางบริษัทฯยังได้อนุมัติแผนลงทุนพัฒนาโครงการประเภททาวน์เฮาส์กลางเมือง ระดับกลาง-บน หลังจากที่ก่อนหน้านี้โกลเด้นแลนด์พัฒนาที่อยู่อาศัยแนวราบเฉพาะบ้านเดี่ยวระดับบนเท่านั้น ซึ่งปัจจุบันบริษัทมีที่ดินติดถนนรามคำแหง เนื้อที่ 31 ไร่ เหมาะที่จะพัฒนาโครงการทาวน์เฮาส์ 3-4 ชั้น หรือทาวน์โฮม ราคาประมาณ 5 ล้านบาท