รองอธิบดีดีเอสไอ เผยอัยการจะส่งสำนวนคดีเอสซี แอทเสทฯ ที่สั่งไม่ฟ้องกลับมาให้ “ทวี” ส่งต่อให้กลุ่มงานความเห็นแย้งและพนักงานสอบร่วมพิจารณา หากดีเอสไอเห็นตามอัยการคดีจะยุติในชั้นของดีเอสไอ แต่ถ้าดีเอสไอมีความเห็นคดีมีหลักฐานเพียงพอที่จะสั่งฟ้อง สำนวนคดีจะถูกส่งให้อัยการสูงสุดพิจารณาชี้ขาดต่อไป
วันนี้ (15 ต.ค.) ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันนท์ รองอธิบดีดีเอสไอ กำกับดูแลสำนักคดีการเงินการธนาคาร เปิดเผยภายหลังอัยการมีความเห็นสั่งไม่ฟ้อง พ.ต.ท.ทักษิณ คุณหญิงพจมาน ชินวัตร กับพวกในคดีปกปิดโครงสร้างผู้ถือหุ้นบริษัท เอสซีแอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ว่า อัยการจะส่งสำนวนคดีพร้อมระบุเหตุผลในการสั่งไม่ฟ้องคดีกลับมาให้ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง อธิบดีดีเอสไอ จากนั้นสำนวนคดีจะถูกส่งต่อไปให้กลุ่มงานความเห็นแย้งและคณะพนักงานสอบสวนในคดีหุ้นเอสซีฯ เข้าร่วมพิจารณาว่า เหตุผลในการสั่งไม่ฟ้องคดีของอัยการชอบด้วยหลักกฎหมายและมีเหตุผลเพียงพอหรือไม่ โดยเชื่อว่าจะต้องมีการพิจารณาอย่างละเอียดและคาดว่าเหตุผลในการสั่งไม่ฟ้องคดีของอัยการจะมีความหนาไม่ต่ำกว่า 10 หน้ากระดาษ
พ.ต.อ.ณรัชต์ กล่าวอีกว่า เมื่อกลุ่มงานความเห็นแย้งพิจารณาจนได้ข้อสรุป สำนวนคดีจะถูกส่งให้ พ.ต.อ.ทวีพิจารณามีความเห็นอีกครั้ง หากดีเอสไอเห็นตามอัยการว่าหลักฐานในคดีไม่เพียงพอที่จะสั่งฟ้องก็จะมีคำสั่งไม่ฟ้องซึ่งคดีจะยุติในชั้นของดีเอสไอ แต่ถ้าดีเอสไอมีความเห็นว่าคดีมีหลักฐานเพียงพอที่จะสั่งฟ้อง จะยืนยันให้สั่งฟ้องผู้ต้องหา สำนวนคดีจะถูกส่งให้อัยการสูงสุดพิจารณาชี้ขาดว่าจะสั่งฟ้องคดีหรือไม่
ผู้สื่อข่าวถามว่า ดีเอสไอจะให้นายพรชัย อัศววัฒนาพร รอง ผอ.สำนักกิจการยุติธรรม อดีตรองอธิบดีดีเอสไอ และหัวหน้าพนักงานสอบสวนคดีซุกหุ้นเอสซีฯ มาร่วมพิจารณาทำความเห็นแย้งไปยังอัยการหรือไม่ พ.ต.อ.ณรัชต์ กล่าวว่า นายพรชัยถูกย้ายพ้นออกจากดีเอสไอไปแล้ว จึงไม่จำเป็นต้องดึงนายพรชัยมาร่วมพิจารณาสำนวนคดีอีก คงจะให้เป็นหน้าที่ของพนักงานสอบสวนคนอื่นๆ ที่ทำหน้าที่ในดีเอสไอเป็นผู้ดำเนินการ
สำหรับคดีปกปิดโครงสร้างหุ้นบริษัทเอสซีฯ นี้ ภายหลังดีเอสไอสั่งฟ้อง พ.ต.ท.ทักษิณ กับพวก และส่งสำนวนให้อัยการ นายสุนัย มโนมัยอุดม ก็ถูกย้ายพ้นจากตำแหน่งอธิบดีดีเอสไอ ไปเป็นเลขาธิการสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ ต่อมานายพรชัยก็ถูกย้ายพ้นจากรองอธิบดีดีเอสไอไปเป็นรอง ผอ.สำนักกิจการยุติธรรม จึงทำให้นายพรชัยต้องพ้นจากหัวหน้าพนักงานสอบสวนคดีไปโดยปริยาย
