xs
xsm
sm
md
lg

“อำนวย” ไม่สำนึก โต้พันธมิตรฯ ก่อเหตุรุนแรง 7 ตุลา

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รอง ผบช.น.
รอง ผบช.น.ไม่หยุดหุบปากตอบโต้ โยนพันธมิตรฯ เป็นชนวนเหตุความรุนแรงถึงขั้นต้องสลายการชุมนุมหน้าสภา โบ้ยกฎหมายในบ้านเมืองอ่อนจึงทำให้มีช่องว่าง จำเป็นต้องสกัดเหตุก่อนบ้านเมืองวุ่นวาย เรียกร้องให้มีกฎหมายควบคุมฝูงชนชุมนุมในที่สาธารณะออกมาใช้โดยเร็ว

วันนี้ (15 ต.ค.) ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล เมื่อเวลา 11.00 น. พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รอง ผบช.น. กล่าวถึงกรณีถูกคณะกรรมการ ป.ป.ช. สอบสวนข้อเท็จจริงกรณีสลายการชุมนุมกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่ด้านหน้ารัฐสภา เมื่อวันที่ 7 ตุลาคมที่ผ่านมาว่า จากการที่ ป.ป.ช.ตั้งอนุกรรมการขึ้นมาทำการไต่สวน กรณีมีการควบคุมฝูงชน และเท่าที่ฟัง นายวิชา มหาคุณ นั้นได้ออกมาบอกว่าไม่ได้ชี้มูลชัดเจนว่าผิด จึงตั้งอนุกรรมการขึ้นมาไต่สวน เพื่อตรวจสอบว่าผิดหรือไม่ผิด เกินกว่าเหตุ หรือไม่เกินกว่าเหตุ

พล.ต.ต.อำนวย กล่าวต่อว่า ในเรื่องการควบคุมฝูงชน หากกลับไปดูคำสั่งศาลปกครอง ศาลปกครองสั่งไว้ชัดเจนว่า ในวันที่ 7 ต.ค.ที่กลุ่มผู้ชุมนุมไปปิดล้อมรัฐสภาช่วงเช้าไม่ให้มีการเข้าประชุมก็ดี และหลังจาก ส.ส.เข้าประชุมสภาแล้วเสร็จไปปิดล้อมไม่ให้ออกก็ดี ตรงนั้นไม่ใช่เป็นการใช้สิทธิ์ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 63 เพราะไม่ใช่การชุมนุมโดยสงบ เจ้าหน้าที่ตำรวจมีอำนาจที่จะดำเนินการได้ ส่วนการดำเนินการนั้นจะต้องไม่เกินกว่าเหตุ และคำว่าไม่เกินกว่าเหตุนี่ก็ต้องมีการสอบสวนกันต่อไป เพราะฉะนั้นถามว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการได้หรือไม่ ถือเป็นอำนาจโดยชอบที่จะเข้าดำเนินการ ไม่เช่นนั้นบ้านเมืองวุ่นวาย ผู้ชุมนุมไปยึดสถานที่ราชการ กระทรวง ทบวง กรม ต่างโดนมาแล้ว แม้กระทั่ง สถานีโทรทัศน์เอ็นบีที ก็โดนมาแล้ว ถ้าเจ้าหน้าที่เข้าปฏิบัติไม่ได้ ตนว่าบ้านเมืองจะวุ่นวาย

“ปัญหาทั้งหมดทั้งสิ้นก็คงจะหนีไม่พ้นที่ว่า บ้านเราไม่มีกฎหมายควบคุมฝูงชน ชุมนุมในที่สาธารณะ และถือเป็นตัวแปรสำคัญ ถ้าย้อนกลับไปดูเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ ก็มีการตั้งคณะกรรมการอิสระขึ้นมาสอบ และมีการบันทึกไว้ชัดเจนว่าต้องเร่งให้มีกฎหมายตัวนี้ออกมา เมื่อไม่มีเจ้าหน้าที่ใช้เพียงกฎหมายอาญา รอให้เกิดเหตุก่อนแล้วค่อยเข้าระงับเหตุ ผมเห็นว่าเป็นการเสี่ยงที่จะเกิดความวุ่นวายขึ้นในบ้านเมือง แต่หากมีกฎหมายตัวนั้น ยังไม่ทันที่จะเกิดเหตุเจ้าหน้าที่มีอำนาจที่เข้าระงับเหตุ แก้ปัญหาเสียก่อนปัญหาก็จะไม่เกิด เพราะฉะนั้นการที่ ปปช.เข้ามาตรวจสอบ ไต่สวน ในส่วนตัวผมเองนั้น พร้อมที่จะให้ตรวจสอบ หาก ปปช. พร้อมวันนี้ก็จะไปวันนี้ หรือจะนัดเย็นนี้ พรุ่งนี้ ก็พร้อมที่จะเข้าชี้แจง” พล.ต.ต.อำนวย กล่าว

รอง ผบช.น. ยังกล่าวต่อว่า การที่เจ้าหน้าที่เข้าดำเนินการไม่ว่าจะเป็นที่รัฐสภาตอนเช้า หรือตอนบ่าย ที่ต้องเปิดทางให้ ส.ส. ที่ถูกปิดล้อมอยู่ในอาคารรัฐสภา หรือแม้กระทั่งการป้องกันสถานที่ราชการ คือ กองบัญชาการตำรวจนครบาลที่ หลังจากเกิดเหตุการณ์นั้นแล้ว ผู้ชุมนุมหันมาบุก บช.น. และเจ้าหน้าที่ต้องดำเนินการผลักดันออกไป ขอตั้งคำถามนิดเดียวว่า ใครเป็นผู้ก่อเหตุ อันนี้ไม่ใช่เป็นการตอบโต้ไปมา แต่ต้องการตั้งเป็นประเด็นให้ คณะกรรมการ ปปช. ตรวจสอบเรื่องนี้ด้วย และหากจะสอบให้ลึกไปกว่านั้น ที่ตำรวจเจ็บอยู่ที่โรงพยาบาล จำนวน 65 นาย หลายนายอาการสาหัส จะตรวจสอบให้ถึงส่วนนั้นด้วยหรือไม่ ว่าใครนำใครมาทำอะไร ก็อยากจะขอความเป็นธรรมให้ตำรวจเหล่านั้นด้วย อยากฝากให้ ปปช. สอบทั้งสองด้าน แต่ยังไงก็ตามตนยังเชื่อในความเป็นกลาง และความสามารถของ คณะกรรมการ ปปช. ที่จะค้นหาความจริงในเรื่องนี้

“และอีกอย่างที่อยากจะฝากด้วยความจริงใจ องค์กรตำรวจเป็นองค์กรที่มีเกียรติภูมิ เป็นองค์กรที่มีศักดิ์ศรี พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ก่อตั้ง กองโปลิศ ขึ้นมาจนกระทั่งเป็น กรมตำรวจในปัจจุบันนี้ สืบเนื่องมานาน มีประวัติอันยาวนาน บรรพบุรุษตำรวจเสียชีวิต เสียสละชีวิตในการปฏิบัติหน้าที่ เสียสละชีวิตเพื่อชาติเยอะแยะมากมาย เฉพาะที่ บช.น. ที่อนุสาวรีย์ผู้พิทักษ์ประชาชน มีอัฐิตำรวจอยู่เท่าใด เพราะงั้นเราเป็นองค์กรที่มีเกียรติภูมิมีเกียรติ มีศักดิ์ศรี เพราะฉะนั้นองค์กรใดก็แล้วแต่ บุคคลใดก็แล้วแต่ ที่จะออกมาพูดในทางลบกับองค์กรตำรวจ ทั้ง ๆ ที่ยังไม่ชัดเจน ขอความกรุณาได้โปรดหลีกเลี่ยง ให้เกียรติความเป็นมาให้เกียรติความเป็นตำรวจด้วย ตำรวจอยู่คู่กับสังคมไทยในการบำบัดทุกบำรุงสุขกับสังคมไทยมาช้านาน เพราะฉะนั้นอย่าเหมารวม ช่วยเข้าใจในศักดิ์ศรีความเป็นตำรวจด้วย ถ้าไม่ชัดเจนอย่าพูดในแง่ลบ” พล.ต.ต.อำนวย กล่าว

รอง ผบช.น. กล่าวอีกว่า สิ่งที่เกิดขึ้นตำรวจคงไม่รู้สึกเสียขวัญหรือกำลังใจ เพราะตำรวจมีความชัดเจนและมีอุดมคติของตำรวจ อดทนต่อความเจ็บใจไม่หวั่นไหวต่อความยากลำบาก นั่นคือ 2 ข้อในหลายข้อ เพราะฉะนั้นตำรวจต้องรู้ดี ว่าตัวเองจะต้องทำอะไร ฝากพ่อแม่พี่น้อง ที่มีลูกหลานจะเข้ามาเป็นตำรวจคิดให้ดีนะครับ และสิ่งที่ตำรวจทำนั้นไม่ได้ทำเพื่อรักษารัฐบาล ไม่ได้ทำเพื่อรักษาคณะรัฐมนตรี ที่ตำรวจปฏิบัติการควบคุมฝูงชนในครั้งนี้ ทำเพื่อรักษาระบบ คือระบบรัฐสภา ไม่ใช่รักษาคณะรัฐมนตรี เพราะบ้านเมืองเราปกครองด้วยระบบนี้ เพราะฉะนั้นที่ไปดูแลเพื่อรักษารัฐสภาในวันนั้น เพื่อต้องการรักษาระบอบการปกครองของประเทศ ไม่ใช่ต้องการรักษารัฐบาล อำนาจนิติบัญญัติอยู่ที่รัฐสภา อำนาจบริหารถูกยึดแล้วที่ทำเนียบรัฐบาล จะไปยึดอำนาจนิติบัญญัติที่รัฐสภาอีก จะไปยึดอำนาจตุลาการด้วยหรือไม่ อันนี้ตนไม่ทราบ แต่ 3 อำนาจนี้ตำรวจต้องรักษา ไม่ใช่ไปทำงานรับใช้รัฐบาล
กำลังโหลดความคิดเห็น