ลือกันให้แซดว่า ”บิ๊กป๊อด” พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร.อาจไม่ได้รับการต่ออายุในเดือน ต.ค.นี้ ซึ่งเรื่องนี้แม้จะได้รับการยืนยันจากผู้คร่ำหวอด ทั้งวงนอก วงใน วงการสีกากี ซึ่งต่างก็ยืนยันเป็นเสียงเดียวกัน ว่า กระแสข่าวดังกล่าวหาใช่ความจริงแม้แต่น้อยไม่...ฟันธง!!!
เเต่จากคำกล่าวที่ว่า หากไม่มีไฟ คงไม่มีควัน หรือ ไม่มีมูล หมาคงไม่ขี้ เพราะอดีตบิ๊กปทุมวัน อาทิ พล.ต.อ.สันต์ ศรุตานนท์ หรือแม้กระทั่ง พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ ก็เคยมีกระแสข่าวลือลักษณะนี้เช่นกัน ซึ่งตอนนั้น แม้แต่เจ้าตัวเองหรือคนรอบข้าง รวมถึงบรรดาบิ๊กสีกากี ก็ออกมายืนยันว่าไม่จริง สุดท้าย เก้าอี้ก็โดนติดสปริงไปตามระเบียบ
กรณีของ พล.ต.อ.พัชรวาท ข่าวลือที่ออกมา ถูกทำให้เชื่อด้วยการเคลื่อนไหว อย่างมีนัยยะสำคัญ ของผู้ที่แคนดิเดตตัวเอง เข้าชิงตำแหน่ง ผบ.ตร.คนที่ 7 ซึ่งคงไม่ต้องบอกว่าเค้าคนนั้นเป็นใคร เพราะคนในวงการสีกากี ต่างรู้กันดี ฉะนั้นเพื่อให้เข้ากับสถานการณ์ เราจึงมาลองพิจารณาอย่างวิเคราะห์เจาะลึก กันดูสิว่า ผู้ที่อยู่ในข่ายที่มีสิทธิในเก้าอี้ตัวนี้มีใครบ้าง ที่มีโอกาส
หากพิจารณาตาม พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2547 บัญญัติว่า ผู้ที่จะได้รับการเสนอชื่อเป็นผบ.ตร.ว่าต้องเป็นข้าราชการตำรวจยศ พล.ต.อ.ซึ่งคุณสมบัติข้อนี้ทำให้ผู้มีสิทธิลุ้นในแหน่งนี้ ในขณะนี้ คือ รองผบ.ตร. จเรตำรวจแห่งชาติ ที่ปรึกษา(สบ 10) นรป.(สบ 10)และประจำตร.และหากตัด พล.ต.อ.ชาญวุฒิ วัชระพุกก์ รองผบ.ตร.ซึ่งจะเกษียณ ในเดือน ต.ค.นี้ จะเหลือผู้ที่มีสิทธิเพียง 11 คนท่านั้น
ขณะเดียวกันเมื่อพิจารณาตามลำดับอาวุโสผู้ที่น่าสนใจ พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ จตร. อาวุโสอันดับ 1 พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ รองผบ.ตร.อาวุโสอันดับ 2 พล.ต.อ.วงกต มณีรินทร์ รองผบ.ตร. อาวุโสอันกับ 3 ขณะที่พล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์ รองผบ.ตร.อาวุโสอันดับสุดท้าย ซึ่งอาจเป็นตัวสอดแทรกและม้ามืดในตำแหน่งนี้
อย่างไรก็ตาม พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ซึ่งเดิมทีมีอาวุโสอันดับหนึ่ง เนื่องจากดำรงตำแหน่งรองผบ.ตร.ก่อน พล.ต.อ.ปทีป แต่เมื่อเกิดเหตุรัฐประหาร 19 ก.ย.2549 ทำให้ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ถูกเตะโด่ง ไปเป็นนักบริหารระดับ 10 สังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี ทำให้การครองยศน้อยกว่า พล.ต.อ.ปทีป จึงได้ฟ้องศาลปกครองว่าการโยกย้ายดังกล่าวมิชอบซึ่งหากชนะคดี จะทำให้ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ มีอันดับอาวุโสแซงขึ้นมาเป็นอันดับหนึ่ง
เมื่อพิจารณาด้านคุณสมบัติต่างๆ พล.ต.อ.ปทีป เป็นนักเรียนนายร้อย รุ่น 25 ซึ่งจะเกษียณอายุราชการในปี 2553 ผ่านงานด้านนโยบายและแผน ด้านอำนวยการ ถือว่าเป็นตำรวจฝ่ายบุ๋น ก่อนขึ้นเป็นผช.ผบ.ตร.เคยเป็นผบช.สนผ.ไม่เคยมีแผลเรื่องทุจริตคอรัปชั่น มีลักษณะเป็นคนประนีประนอม เป็นที่รักของเพื่อนร่วมรุ่น ขณะที่ความสัมพันธ์กับกองทัพนับว่าปึ๊ก!
ขณะที่ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ นั้น จบปริญญาตรี คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ รุ่น 12 เป็นนายร้อยตำรวจอบรมรุ่น 16 จบปริญญาโทจากสหรัฐอเมริกา เป็นลูกชาย พล.ต.ท.เสมอ ดามาพงศ์ อดีตผู้ช่วย อ.ตร.เป็นตำรวจสัญญาบัตรเมื่อปี 2517 ในตำแหน่งรองสารวัตร แผนก 1 กก.สส. นครบาลเหนือ ชีวิตราชการส่วนใหญ่อยู่ในเขตนครบาล ปี 2526 ได้เป็นสารวัตรใหญ่ ในเมืองใหญ่อย่างภูเก็ต เป็นรองผกก. 2 ป.ตามด้วย ผกก.กอ.รมน. ติดยศ พล.ต.ต. ครั้งแรกในตำแหน่ง ผบก.ตม. ผช.ผบชก.และรองผบช.ก. ก่อนจะขึ้นเป็น ผบช.ประจำตร. กระทั่งขึ้นเป็น ผบช.ปส. เมื่อปี 2543
สำหรับ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ สิ่งที่เป็นเหมือนชนักปักหลังและถือเป็นตราบาปของ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ก็คือการที่มีศักดิ์ เป็นเครือญาติกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่มีศักด์เป็นน้องเขย และเคยได้รับอานิสงส์ก้าวขึ้นเป็นรองผบ.ตร.โดยข้ามอาวุโส ทั้งที่เป็นผู้ช่วยผบ.ตร.อันดับท้ายๆ จนถูก พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ซึ่งขณะนั้นเป็นผช.ผบ.ตร.อาวุโสอันดับ 2 ฟ้องศาลปกครองเพื่อให้เพิกถอนการแต่งตั้ง ขณะที่การยอมรับของผู้ใต้บังคับบัญชา การที่ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ไม่ได้จบ นรต.แต่ก้าวขึ้นเป็นเบอร์หนึ่งของหน่วยงานนี้ ก็อาจจะมีปัญหาเรื่องการยอมรับ
ส่วนคนที่สุดท้ายที่เราได้คัดกรองมา ซึ่งถือว่าน่าจะตามองเป็นพิเศษในชั่วโมงนี้ แม้จะเป็นรองผบ.ตร.อาวุโสอันดับบ๊วย แต่การที่ พล.ต.อ.จงรัก สามารถขึ้นเป็นรองผบ.ตร.ขณะเดียวกันยังรักษาการผบช.น.ซึ่งตำแหน่งผบช.น.หรือเรียกกันสั้นๆว่า น.1 นั้นเดิมทีถือเป็นยอดปรารถนาของนายตำรวจเจ้าของฉายานายพลหน้าขาวผู้นี้ ซึ่งถึงแม้จะไม่ได้เป็นตัวจริง แต่ได้มาเป็นตัวสำรองชั่วคราวก็ถือว่าพอใจแล้ว ส่วนเพราะอะไรคงไม่ต้องบอก
สำหรับประวัติ พล.ต.อ.จงรัก จบการศึกษาปริญญาตรี คณะนิติศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ รุ่น 10 เป็นนักเรียนนายร้อยตำรวจอบรม เติบโตในสายสอบสวน ในกองบัญชาการตำรวจนครบาล ก่อนที่จะติดยศ พล.ต.ท.ในตำแหน่งผบช.ภ.2 และติดโผได้ไสลด์มาเป็น ผบช.น.แต่สุดท้ายโผพลิกในนาทีสุดท้าย ได้ขึ้นผู้ช่วยผบ.ตร.แทน ในเรื่องคุณสมบัตินั้นแม้จะไม่ถึงกับขี้เหร่ แต่หากเทียบกับสองคนที่กล่าวมา ถือว่าเทียบไม่ติด เพราะนอกจากมีข้อด้อยเรื่องอันดับอาวุโสแล้ว เรื่องการยอมรับจากวงการสีกากีก็ยิ่งเป็นข้อด้อยที่สำคัญอีกประการหนึ่ง เพราะ พล.ต.อ.จงรัก เป็นที่รู้กันว่า เป็นผู้ที่ไม่เอาเพื่อนเอาฝูง ขณะเดียวกันก็ไม่เป็นที่รักใคร่ของผู้ใต้บังคับบัญชามากนัก นอกจากนี้การที่ พล.ต.อ.จงรัก ไม่ได้จบ นรต.ก็อาจทำให้การยอมรับยิ่งลดน้อยลงอีก
ทั้งนี้ ว่าที่ ผบ.ตร.คนที่ 7 ใช่จะเพียงชื่อ "เพรียวพันธุ์-จงรัก"เท่านั้น อย่าลืมว่า ยังมี"บิ๊กจุ๋ม" พล.ต.อ.จุมพล มั่นหมาย และ พล.ต.อ.วงกต มณีรินทร์ ดีกรี"นรต.26" อีก 2 คน รวมทั้ง พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ ที่อาจมีสิทธิ์แซงโค้งสุดท้ายได้เช่นกัน
จะอย่างไรก็ตาม จนถึงขณะนี้ใครจะเข้าวิน ก็ยังเป็นเรื่องที่คาดเดาได้ยาก เพราะนอกจากคุณสมบัติต่างๆ ที่กล่าวมา แล้ว ปัจจัยสำคัญอีกประการหนึ่งที่มีส่วนช่วยให้ได้เป็น ผบ.ตร.ก็คือ ใครมีอำนาจทางการเมือง เกื้อหนุนมากกว่ากัน นั่นคือ คำตอบสุดท้าย





เเต่จากคำกล่าวที่ว่า หากไม่มีไฟ คงไม่มีควัน หรือ ไม่มีมูล หมาคงไม่ขี้ เพราะอดีตบิ๊กปทุมวัน อาทิ พล.ต.อ.สันต์ ศรุตานนท์ หรือแม้กระทั่ง พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ ก็เคยมีกระแสข่าวลือลักษณะนี้เช่นกัน ซึ่งตอนนั้น แม้แต่เจ้าตัวเองหรือคนรอบข้าง รวมถึงบรรดาบิ๊กสีกากี ก็ออกมายืนยันว่าไม่จริง สุดท้าย เก้าอี้ก็โดนติดสปริงไปตามระเบียบ
กรณีของ พล.ต.อ.พัชรวาท ข่าวลือที่ออกมา ถูกทำให้เชื่อด้วยการเคลื่อนไหว อย่างมีนัยยะสำคัญ ของผู้ที่แคนดิเดตตัวเอง เข้าชิงตำแหน่ง ผบ.ตร.คนที่ 7 ซึ่งคงไม่ต้องบอกว่าเค้าคนนั้นเป็นใคร เพราะคนในวงการสีกากี ต่างรู้กันดี ฉะนั้นเพื่อให้เข้ากับสถานการณ์ เราจึงมาลองพิจารณาอย่างวิเคราะห์เจาะลึก กันดูสิว่า ผู้ที่อยู่ในข่ายที่มีสิทธิในเก้าอี้ตัวนี้มีใครบ้าง ที่มีโอกาส
หากพิจารณาตาม พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2547 บัญญัติว่า ผู้ที่จะได้รับการเสนอชื่อเป็นผบ.ตร.ว่าต้องเป็นข้าราชการตำรวจยศ พล.ต.อ.ซึ่งคุณสมบัติข้อนี้ทำให้ผู้มีสิทธิลุ้นในแหน่งนี้ ในขณะนี้ คือ รองผบ.ตร. จเรตำรวจแห่งชาติ ที่ปรึกษา(สบ 10) นรป.(สบ 10)และประจำตร.และหากตัด พล.ต.อ.ชาญวุฒิ วัชระพุกก์ รองผบ.ตร.ซึ่งจะเกษียณ ในเดือน ต.ค.นี้ จะเหลือผู้ที่มีสิทธิเพียง 11 คนท่านั้น
ขณะเดียวกันเมื่อพิจารณาตามลำดับอาวุโสผู้ที่น่าสนใจ พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ จตร. อาวุโสอันดับ 1 พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ รองผบ.ตร.อาวุโสอันดับ 2 พล.ต.อ.วงกต มณีรินทร์ รองผบ.ตร. อาวุโสอันกับ 3 ขณะที่พล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์ รองผบ.ตร.อาวุโสอันดับสุดท้าย ซึ่งอาจเป็นตัวสอดแทรกและม้ามืดในตำแหน่งนี้
อย่างไรก็ตาม พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ซึ่งเดิมทีมีอาวุโสอันดับหนึ่ง เนื่องจากดำรงตำแหน่งรองผบ.ตร.ก่อน พล.ต.อ.ปทีป แต่เมื่อเกิดเหตุรัฐประหาร 19 ก.ย.2549 ทำให้ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ถูกเตะโด่ง ไปเป็นนักบริหารระดับ 10 สังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี ทำให้การครองยศน้อยกว่า พล.ต.อ.ปทีป จึงได้ฟ้องศาลปกครองว่าการโยกย้ายดังกล่าวมิชอบซึ่งหากชนะคดี จะทำให้ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ มีอันดับอาวุโสแซงขึ้นมาเป็นอันดับหนึ่ง
เมื่อพิจารณาด้านคุณสมบัติต่างๆ พล.ต.อ.ปทีป เป็นนักเรียนนายร้อย รุ่น 25 ซึ่งจะเกษียณอายุราชการในปี 2553 ผ่านงานด้านนโยบายและแผน ด้านอำนวยการ ถือว่าเป็นตำรวจฝ่ายบุ๋น ก่อนขึ้นเป็นผช.ผบ.ตร.เคยเป็นผบช.สนผ.ไม่เคยมีแผลเรื่องทุจริตคอรัปชั่น มีลักษณะเป็นคนประนีประนอม เป็นที่รักของเพื่อนร่วมรุ่น ขณะที่ความสัมพันธ์กับกองทัพนับว่าปึ๊ก!
ขณะที่ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ นั้น จบปริญญาตรี คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ รุ่น 12 เป็นนายร้อยตำรวจอบรมรุ่น 16 จบปริญญาโทจากสหรัฐอเมริกา เป็นลูกชาย พล.ต.ท.เสมอ ดามาพงศ์ อดีตผู้ช่วย อ.ตร.เป็นตำรวจสัญญาบัตรเมื่อปี 2517 ในตำแหน่งรองสารวัตร แผนก 1 กก.สส. นครบาลเหนือ ชีวิตราชการส่วนใหญ่อยู่ในเขตนครบาล ปี 2526 ได้เป็นสารวัตรใหญ่ ในเมืองใหญ่อย่างภูเก็ต เป็นรองผกก. 2 ป.ตามด้วย ผกก.กอ.รมน. ติดยศ พล.ต.ต. ครั้งแรกในตำแหน่ง ผบก.ตม. ผช.ผบชก.และรองผบช.ก. ก่อนจะขึ้นเป็น ผบช.ประจำตร. กระทั่งขึ้นเป็น ผบช.ปส. เมื่อปี 2543
สำหรับ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ สิ่งที่เป็นเหมือนชนักปักหลังและถือเป็นตราบาปของ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ก็คือการที่มีศักดิ์ เป็นเครือญาติกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่มีศักด์เป็นน้องเขย และเคยได้รับอานิสงส์ก้าวขึ้นเป็นรองผบ.ตร.โดยข้ามอาวุโส ทั้งที่เป็นผู้ช่วยผบ.ตร.อันดับท้ายๆ จนถูก พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ซึ่งขณะนั้นเป็นผช.ผบ.ตร.อาวุโสอันดับ 2 ฟ้องศาลปกครองเพื่อให้เพิกถอนการแต่งตั้ง ขณะที่การยอมรับของผู้ใต้บังคับบัญชา การที่ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ไม่ได้จบ นรต.แต่ก้าวขึ้นเป็นเบอร์หนึ่งของหน่วยงานนี้ ก็อาจจะมีปัญหาเรื่องการยอมรับ
ส่วนคนที่สุดท้ายที่เราได้คัดกรองมา ซึ่งถือว่าน่าจะตามองเป็นพิเศษในชั่วโมงนี้ แม้จะเป็นรองผบ.ตร.อาวุโสอันดับบ๊วย แต่การที่ พล.ต.อ.จงรัก สามารถขึ้นเป็นรองผบ.ตร.ขณะเดียวกันยังรักษาการผบช.น.ซึ่งตำแหน่งผบช.น.หรือเรียกกันสั้นๆว่า น.1 นั้นเดิมทีถือเป็นยอดปรารถนาของนายตำรวจเจ้าของฉายานายพลหน้าขาวผู้นี้ ซึ่งถึงแม้จะไม่ได้เป็นตัวจริง แต่ได้มาเป็นตัวสำรองชั่วคราวก็ถือว่าพอใจแล้ว ส่วนเพราะอะไรคงไม่ต้องบอก
สำหรับประวัติ พล.ต.อ.จงรัก จบการศึกษาปริญญาตรี คณะนิติศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ รุ่น 10 เป็นนักเรียนนายร้อยตำรวจอบรม เติบโตในสายสอบสวน ในกองบัญชาการตำรวจนครบาล ก่อนที่จะติดยศ พล.ต.ท.ในตำแหน่งผบช.ภ.2 และติดโผได้ไสลด์มาเป็น ผบช.น.แต่สุดท้ายโผพลิกในนาทีสุดท้าย ได้ขึ้นผู้ช่วยผบ.ตร.แทน ในเรื่องคุณสมบัตินั้นแม้จะไม่ถึงกับขี้เหร่ แต่หากเทียบกับสองคนที่กล่าวมา ถือว่าเทียบไม่ติด เพราะนอกจากมีข้อด้อยเรื่องอันดับอาวุโสแล้ว เรื่องการยอมรับจากวงการสีกากีก็ยิ่งเป็นข้อด้อยที่สำคัญอีกประการหนึ่ง เพราะ พล.ต.อ.จงรัก เป็นที่รู้กันว่า เป็นผู้ที่ไม่เอาเพื่อนเอาฝูง ขณะเดียวกันก็ไม่เป็นที่รักใคร่ของผู้ใต้บังคับบัญชามากนัก นอกจากนี้การที่ พล.ต.อ.จงรัก ไม่ได้จบ นรต.ก็อาจทำให้การยอมรับยิ่งลดน้อยลงอีก
ทั้งนี้ ว่าที่ ผบ.ตร.คนที่ 7 ใช่จะเพียงชื่อ "เพรียวพันธุ์-จงรัก"เท่านั้น อย่าลืมว่า ยังมี"บิ๊กจุ๋ม" พล.ต.อ.จุมพล มั่นหมาย และ พล.ต.อ.วงกต มณีรินทร์ ดีกรี"นรต.26" อีก 2 คน รวมทั้ง พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ ที่อาจมีสิทธิ์แซงโค้งสุดท้ายได้เช่นกัน
จะอย่างไรก็ตาม จนถึงขณะนี้ใครจะเข้าวิน ก็ยังเป็นเรื่องที่คาดเดาได้ยาก เพราะนอกจากคุณสมบัติต่างๆ ที่กล่าวมา แล้ว ปัจจัยสำคัญอีกประการหนึ่งที่มีส่วนช่วยให้ได้เป็น ผบ.ตร.ก็คือ ใครมีอำนาจทางการเมือง เกื้อหนุนมากกว่ากัน นั่นคือ คำตอบสุดท้าย