ราชทัณฑ์ร่วมมือกับกระทรวงสาธารณสุข ควบคุมวัณโรคในเรือนจำตั้งเป้าปีหน้า ให้เหลือนักโทษเป็นวัณโรคไม่เกิน 500 คน จากเดิมผู้ต้องขังทั้งต่างชาติ-คนไทยเป็นวัณโรคมากถึง 2 พันคน ระบุข้อมูลกว่าครึ่งเป็นโรคแทรกซ้อนจากเอดส์ ยอมรับควบคุมโรคระบาดในคุกยาก
วันนี้ (18 ก.ย.) ที่กระทรวงยุติธรรม นายกิตติพงษ์ กิตยารักษ์ ปลัดกระทรวงยุติธรรม และนพ.ปราชญ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ร่วมลงนามบันทึกความเข้าใจความร่วมมือการควบคุมวัณโรคในเรือนจำ ระหว่างกระทรวงยุติธรรมและกระทรวงสาธารณสุข เพื่อลดปัญหาวัณโรคในเรือนจำ ป้องกันเชื้อวัณโรคดื้อยาและป้องกันการป่วยด้วยโรควัณโรคในกลุ่มผู้ต้องขังและเจ้าหน้าที่ที่ดูแลผู้ต้องขัง
นพ.ปราชญ์ กล่าวว่า วัณโรค หรือโรคทีบี (Tuberculoisis) เป็นภัยสาธารณสุขที่สำคัญในเรือนจำ เนื่องจากผู้ต้องขังมีโอกาสป่วยเป็นวัณโรคได้มาก โดยเฉพาะประวัติก่อนถูกคุมขังเช่นการฉีดยาเสพติดเข้าเส้น ดื่มสุรา ฐานะยากจน และติดเชื้อเอชไอวี รวมทั้งสภาพความเป็นอยู่ในเรือนจำที่มีอยู่รวมกันอย่างใกล้ชิด และการระบายอากาศไม่เพียงพอ โดยความร่วมมือครั้งนี้จะเป็นการรักษาผู้ต้องขังที่ป่วยวัณโรคทั้งคนไทยและต่างชาติให้หายขาด จะดำเนินการในเรือนจำทั้งหมด 141 แห่งทั่วประเทศ ที่มีผู้ต้องขังถึง 180,000 คน และมีผู้ต้องขังป่วยเป็นวัณโรคถึง 2,000 คน ซึ่งการรักษาก่อนหน้านี้ในภาพรวมยังไม่ประสบผลสำเร็จมีอัตรากินยาครบเพียง 71% ต่ำกว่ามาตรฐานที่ตั้งไว้ที่ต้องมากกว่า 85% ผู้ต้องขังพ้นโทษได้รับการรักษาไม่ต่อเนื่อง 16 % และเสียชีวิตระหว่างรักษา 10% เนื่องจากติดเชื้อเอชไอวีด้วย จึงต้องเร่งแก้ไขเพราะวัณโรคที่ติดเชื้อที่ปอดสามารถแพร่กระจายสู่คนรอบข้างได้ประมาณ 20 คน
นพ.ปราชญ์ กล่าวอีกว่า กระทรวงสาธารณสุขจะจัดทีมสุขภาพเข้าไปไปตรวจรักษาผู้ป่วยวัณโรคร่วมกับเจ้าหน้าที่ในเรือนจำเพื่อให้ระบบการดูแลเป็นมาตรฐานเดียวกันทั่วประเทศ ร่วมค้นหาผู้ป่วยทุก 6 เดือน ผู้ป่วยวัณโรคที่ติดเชื้อเอชไอวีจะได้รับยาต้านไวรัสเอชไอวีควบคู่ ป้องกันการเสียชีวิตระหว่างรักษาวัณโรค โดยจะจัดทำทะเบียนผู้ป่วย และติดตามการรักษาหากพ้นโทษไปแล้วแต่ยังกินยารักษาไม่ครบสูตร 6 เดือน ผู้ป่วยทุกรายรักษาฟรี
ด้าน นายกิตติพงษ์ กล่าวว่า กรมราชทัณฑ์ตั้งเป้าให้ภายในปี 2552 จะต้องมีนักโทษที่ป่วยเป็นวัณโรคไม่เกิน 500 คน โดยเรือนจำจะเข้มงวดเรื่องการคัดกรองผู้ป่วยออกมาบำบัดรักษาเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการแพร่ระบาด ในกรณีที่เป็นผู้ต้องขังชาวไทยจะใช้สิทธิหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าในการรักษาพยาบาล ส่วนนักโทษที่เป็นชาวต่างด้าวจะประสานให้กระทรวงสาธารณสุขส่งแพทย์เข้ามารักษาในเรือนจำ
สำหรับสถิติการเสียชีวิตของผู้ต้องขังทั่วประเทศที่เสียชีวิตโดยเจ็บป่วยด้วยโรคเอดส์ และโรคต่างๆ เฉลี่ยอยู่ที่ 10 คนต่อ 1 เดือน โดยทางเรือนจำไม่สามารถตรวจสอบได้ตั้งแต่เบื้องต้น เนื่องจากผู้ต้องขังมีสิทธิที่จะไม่อนุญาตให้ตรวจเลือดจนกระทั่งป่วยในระยะสุดท้าย โดยที่ผ่านมาทุกเรือนจำพยายามรณรงค์ให้ผู้ต้องขังรักษาความสะอาดและดูแลสุขภาพให้ห่างไกลจากโรคเอดส์ โดยเฉพาะผู้ต้องขังในกลุ่มรักร่วมเพศ ซึ่งจะได้รับแจกถุงยางอนามัยจากกระทรวงสาธารณสุข